บทที่ 1 ผมไม่ชอบคุณ ไม่ต้องมาจีบ (1)
“ไม่อยากเป็นแล้วเสือ หนูอยากเป็นเหยื่อให้หมอขย้ำ”
คุณหมอสุดหล่อแห่งโรงพยาบาล AMS อ่านข้อความบนโพสต์อิตด้วยน้ำเสียงเอือมระอา มาอีกแล้วแม่สาวใจกล้า วันนี้มาพร้อมกับอาหารเที่ยง
ทั้งที่เขาปฏิเสธแต่เธอไม่เคยลดละความพยายามจนคนในโรงพยาบาลเริ่มชินตา ถ้าเห็นผู้หญิงคนนี้รู้ได้ทันทีว่าต้องมาหา นายแพทย์หนุ่มรูปงาม นามว่า นายแพทย์ปอร์เช่ แอมเมอร์สัน คุณหมอทางด้านดวงตาและยังพ่วงตำแหน่งผู้บริหารของโรงพยาบาล
“เฮ้อ ผมจะทำยังไงกับคนอย่างคุณดี” ชายหนุ่มลากหญิงสาวไปคุยกันตรงมุมลับตาที่ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่านไปมา ก่อนจะถามเธอเสียงขุ่นไม่พอใจ บอกไม่รู้กี่ครั้งอย่าทำแบบนี้อีก อย่ามายุ่งกับเขา แต่แม่สาวใจกล้าอยากมีสามีเป็นหมอทำเป็นหูทวนลมเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
“ไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ คุณหมอแค่รับรักหนูก็พอ” ใช่ที่สุดเขาแค่รับรักเธอก็จบเรื่อง
รัมภาสิริมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเปล่งประกาย ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล่อแถมยังใจดีอีกต่างหาก เมื่อนานมาแล้วเธอเคยเห็นเขาช่วยหญิงชราคนหนึ่งเดินข้ามถนน ต่อมารถคันหรูที่เขาขับโดนซาเล้งเก็บของเก่าเฉี่ยวแต่เขากลับไม่เอาเรื่อง บอกแค่ว่าต่อไปให้ระวังและยังยื่นเงินให้อีก คนดีมากขนาดนี้เหมาะเป็นพ่อของลูกชัด ๆ
“ผมบอกแล้วไงครับ คุณไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่ผมชอบ”
ผู้หญิงในแบบที่ชอบคือสาวเรียบร้อย รักสวยรักงาม พูดไพเราะเสนาะหู ดูดีตั้งแต่เส้นผมยันปลายเล็บเท้า สูง ขาว หุ่นดี ไม่ใช่คนตรงหน้าแน่นอน เรียกว่าตรงกันข้ามดีกว่า
“ไม่ชอบตอนนี้ อนาคตไม่แน่ค่ะ” รัมภาสิริยิ้มแป้นไม่สนใจ คิดว่าตอนนี้ไม่ชอบแต่ใช่ว่าอนาคตจะไม่ชอบ ถึงเธอจะไม่สวย หุ่นไม่บอบบาง แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เสียหน่อยลดน้ำหนักอีกนิดก็ใช้ได้
“ผมไม่อยากทำร้ายจิตใจคุณนะครับ แต่ผมบอกตรง ๆ คุณอย่าเสียเวลากับผมเลย” พยายามเอ่ยอย่างใจเย็นทั้งที่ข้างในเดือดยิ่งกว่าลาวาภูเขาไฟ ถ้ากินหัวเธอได้เขาทำไปแล้ว ผู้หญิงอะไรไม่มีความเป็นกุลสตรี ตามตื๊อตามง้อผู้ชายอย่างไม่อาย เป็นลูกเป็นหลานจะจับมาตีก้นเสียให้เข็ด
“หนูมีเวลาเยอะแยะค่ะ คุณหมอไม่ต้องห่วง” ใครบอกว่าการจีบคุณหมอปอร์เช่เป็นเรื่องเสียเวลา เธอจะไม่ยอมให้เขาหลุดมือไปเด็ดขาด แววตาดื้อรั้นของหญิงสาวกำลังกระตุ้นต่อมโมโหของชายหนุ่ม ปอร์เช่ขยับเข้าใกล้รัมภาสิริอีกนิดก่อนจะก้มหน้าคุย
“ตกลงคุณจะจีบผมให้ได้ใช่ไหม”
น้ำเสียงของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกขนลุกแต่ยังไม่ยอมแพ้
“ใช่ค่ะ คุณหมอคือเหยื่อของหนู อุ๊บ เอ่อเนื้อคู่ค่ะ” เธอเกือบจะหลุดพูดความจริงบางอย่างออกไปแต่ยังดีที่สมองคิดทัน เหตุผลหลัก ๆ ที่เธออยากได้ปอร์เช่เป็นสามีไม่ใช่เพราะชอบอย่างเดียว แต่มีเหตุผลอื่นแอบแฝงด้วยต่างหาก
“ก็ดี ต่อไปถ้าผมพูดหรือทำอะไรที่ไม่รักษาน้ำใจก็อย่าหาว่าผมร้ายก็แล้วกัน” เขากระซิบข้างหูเธอเสียงเข้ม นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ เกิดมาอายุจะสามสิบอยู่แล้วยังไม่เคยมีใครกล้าท้าทายอำนาจมืดของเขามาก่อน เธอคือคนแรก
“ไม่ว่าค่ะ เชิญคุณหมอตามสบาย” แม่สาวใจกล้าที่อยากลองเป็นเหยื่อให้หมอขย้ำยิ้มกว้าง ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าแม้แต่น้อย เพราะเธอถือคติด้านได้อายอด อยากมีผัวเอ๊ยสามีเป็นนายแพทย์ก็ต้องเดินหน้าจีบ
นับตั้งแต่เจอกันจนมาถึงวันนี้เวลาก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามาหาหมอปอร์เช่เพราะความเสน่หา ไม่ได้เจ็บป่วยเหมือนคนอื่น ๆ แต่หมอก็แสดงออกชัดเจนเหมือนกันว่า ไม่ชอบ ไม่ต้องมาจีบ แล้วไงใครสนใจเธอจะจีบจนกว่าจะติด
“ข้าวกล่องของคุณผมขอไม่รับ” เขายื่นกล่องข้าวคืนให้เธอ ถึงแม้จะอยากกินมากแค่ไหน แต่เขาก็จะไม่กิน ถึงมันจะอร่อยจนหยุดกินไม่ได้ แต่เขาจะไม่รับเด็ดขาด
ปอร์เช่แอบกลืนน้ำลายลงคอยามที่คิดถึงอาหารในกล่อง หลายวันก่อนด้วยความหิวเขาเผลอกินเข้าไป รู้ตัวอีกครั้งอาหารที่หญิงสาวตรงหน้าเอามาฝากหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว บอกตามตรงอาหารอร่อยมาก ไม่อยากเชื่อว่ารัมภาสิริจะเป็นคนทำเองกับมือ
“วันนี้ไม่ใช่ของหนูค่ะ เป็นของป้าต่างหาก ถ้าป้ารู้ว่าคุณหมอสุดหล่อใจดีไม่ยอมรับน้ำใจ แกคงเศร้าน่าดู คุณหมอว่าไหมคะ”
มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างเป็นต่อ เธอไม่ได้โกหกอาหารในกล่องล้วนแต่เป็นของที่ป้าบอกให้เธอเอามาฝากคุณหมอ สิ่งเดียวที่เป็นของเธอคือโพสต์อิต
เมื่อรู้ว่าคนที่ฝากคือคนไข้ทำให้คุณหมอชะงักไปชั่วครู่ สมองคิดตามคนตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจรับอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าไม่รับเดี๋ยวคนแก่จะเสียน้ำใจ ป้าของหญิงสาวเป็นคนไข้ของตัวเอง ต้องเจอกันบ่อย ๆ เพราะกำลังรักษาดวงตา หากไม่รับเกรงว่าวันต่อไปจะมองหน้ากันไม่ติด
“ก็ได้ ผมจะรับเอาไว้ แต่วันหลังไม่ต้องเอามาอีกนะ ผมเกรงใจ”
“ไม่รับปากค่ะ หนูเป็นพวกเอาแต่ใจตัวเอง”
“คุณ ทำไมเป็นเด็กแบบนี้”
คิ้วทั้งสองข้างมุ่นชนกันหลังจากถอนหายใจ เด็กอะไรทำไมดื้อยิ่งกว่าหลาน ๆ ของเขา หน้าตาก็ออกจะจิ้มลิ้มไม่น่าจะมีนิสัยดื้อรั้น ไม่รู้พ่อแม่เลี้ยงมาอย่างไร แต่อย่างว่าแหละจะโทษพ่อแม่ไม่ได้บางครั้งนิสัยแย่ ๆ ของเด็กมาจากตัวเด็กเอง เขาคิดหลังจากจ้องมองเธอที่กำลังครุ่นคิดบางอย่าง
รัมภาสิริตัดสินใจยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อทำความรู้จักคุณหมอปอร์เช่อย่างเป็นทางการ มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้จักเขา แต่เขาไม่รู้จักเธอ หรืออาจจะรู้จักทว่าทำเป็นจำชื่อไม่ได้จึงไม่เคยเรียกชื่อเธอเลยนับตั้งแต่เจอหน้ากัน
“ไหน ๆ เราก็ได้มาคุยกันแล้ว หนูขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยแล้วกันค่ะ หนูชื่อ รัมภาสิริ ปัญญะวาโย ชื่อเล่น ดนตรี อายุยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้า เรียนจบปริญญาตรี โสดสนิท ไม่เคยมีแฟนมาก่อนในชีวิต คุณหมอคือคนแรกของหนู”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังมือยังคงยื่นค้างให้คนตรงหน้า ชายหนุ่มไม่ได้ยื่นมาจับทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียความมั่นใจไม่น้อย แต่ทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อนก่อนจะเก็บมือไว้ข้างตัวตามเดิม ในใจก็แอบบ่นปอร์เช่หน้าตาดีเสียเปล่า สอบตกเรื่องมารยาทแค่จับมือเองทำเป็นเล่นตัว
“อะไรคนแรก พูดให้มันดี ๆ หน่อยเดี๋ยวใครผ่านมาได้ยิน ผมจะเสียหาย”
“แฟนคนแรกค่ะ หรือคุณหมออยากขยับเป็นสามีคนแรกก็ได้นะคะ หนูไม่มีปัญหา”
“ผู้หญิงอย่างคุณเนี่ยนะ ไม่มียางอายเลย ผมขออยู่ห่าง ๆ คุณไม่ใช่สเป็กผม ขอตัว”
“อ้าวคุณหมอ ยังคุยกันไม่จบเลย ไปแล้วเหรอคะ พรุ่งนี้หนูมาหาใหม่นะคะ”
รัมภาสิริโบกไม้โบกมือให้คุณหมอหนุ่มสุดหล่อที่เดินจากไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง ไม่พอใจสุด ๆ ที่มีเด็กสาววัยละอ่อนกว่าตนเองหลายปีมาขายขนมจีบ
ปอร์เช่เดินไปไม่กี่ก้าวก็ต้องหันกลับมามองข้างหลัง เมื่อได้ยินเสียงร้องว่า ช่วยด้วย คุณหมอช่วยหนูด้วย จึงรีบก้าวเท้ายาว ๆ ไปถึงตัวเธออย่างรวดเร็ว ถึงจุดนี้จะไม่ค่อยมีคนผ่านแต่นี่คือโรงพยาบาลจะตะโกนเสียงดังไม่ได้
“คุณเป็นอะไร นี่มันโรงพยาบาลนะ” เขาเอ็ดเธอก่อนจะก้มลงมองเด็กน้อยที่กำลังเกาะขาหญิงสาวแล้วยิ้มฟันหลอ
“เล่นกังคับคุงลุงหมอ”
เจ็บลึกเข้าไปในใจเมื่อเด็กน้อยเรียกตัวเองว่าลุง ถึงชีวิตจริงเขาจะเป็นลุงของหลาน ๆ แต่ด้วยหน้าตาที่ดูอ่อนกว่าวัย เด็กคนนี้ไม่ควรเรียกเขาว่าลุง ต้องเรียกว่าน้าหรืออาต่างหาก
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยเอามือเด็กคนนี้ออกจากขาหนูด้วย”
หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่น หน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ เธอเป็นโรคประหลาดอย่างหนึ่งเวลาใครมากอดไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของร่างกายจะเกิดอาการหวาดกลัว หัวใจเต้นแรง หนักสุดจะหมดสติ แล้วตอนนี้เธอกำลังจะเป็นแบบนั้น ถ้าหมอยังไม่เอาเด็กคนนี้ออกไปไกล ๆ
“ก็แค่เด็ก น้องมาเล่นด้วย”
“อะ...เอา ออกไป นะ...หนูไม่ไหวแล้ว”
“คุณ! คุณเป็นอะไร อย่ามาล้อเล่นแบบนี้ คุณ คุณ”
หญิงสาวหมดสติจริง ๆ ไม่ได้ล้อเล่น เด็กน้อยที่เกาะขาของคุณพี่คนสวยถึงกับตกใจร้องไห้จ้า
มารดาที่มัวแต่เล่นโทรศัพท์อยู่ไม่ไกลรีบมารับตัวกลับไป ปอร์เช่ไม่พูดพร่ำทำเพลงอุ้มคนเป็นลมไปยังห้องพักของตนเองซึ่งอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้