เพราะงานยุ่งมากทำให้รัมภาสิริหายหน้าหายตาไปสองวันเต็ม กระทั่งเข้าวันที่สาม เธอโผล่หน้ามาโรงพยาบาลพร้อมด้วยเจ๊สวยที่ต้องมาตรวจดวงตาตามการนัดหมาย
วันนี้หญิงสาวแต่งตัวดูเป็นผู้หญิงหวานใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่า มวยผมขึ้นแล้วหนีบด้วยกิ๊บหนีบราคาแพง แต่งหน้าบางเบา ไม่เหมือนกับวันก่อน ๆ ทำเอาพี่พยาบาลที่คุ้นเคยกันถึงกับเอ่ยปากชม
“สวัสดีค่ะคุณหมอ” เจ๊สวยทักทายปอร์เช่ด้วยรอยยิ้ม เห็นใบหน้าหล่อเหลาของหมอแล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที อยากเกิดมาช้ากว่านี้สักหน่อยจะได้มาจีบด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นไรแค่ได้หมอหนุ่มรูปงามมาเป็นหลานเขยก็พอใจแล้ว
“สวัสดีครับ วันนี้คุณป้าอาการเป็นยังไงบ้าง” คุณหมอถามคนไข้เหมือนอย่างเช่นทุกครั้งที่เจอกันก่อนตรวจ
เขาเหลือบไปมองรัมภาสิริครู่เดียว ก่อนจะกลับมามองคนไข้ที่ยังสวยไม่สร่าง ปากแดงเห็นมาแต่ไกล เจ๊สวยเป็นคนชอบสีฉูดฉาดการแต่งตัวจึงเน้นไปทางเสื้อผ้าที่มีลวดลาย
“เหมือนเดิมค่ะ ตามัว ๆ เหมือนจะเห็นไม่ค่อยชัด”
“เดี๋ยวหมอขอตรวจดูก่อน วางคางตรงนี้ได้เลยครับ”
คนไข้ทำทุกอย่างตามที่หมอบอกได้อย่างชำนาญเพราะมาตรวจบ่อย หมอให้มองซ้ายมองขวามองขึ้นบนมองลงล่าง จากนั้นก็ให้พยาบาลเอาน้ำสีเหลือง ๆ ซึ่งอยู่บนแผ่นกระดาษมาหยอดตาเพื่อย้อมสี ครู่เดียวหมอก็ใช้ไฟสีฟ้าส่องดูว่าตาเป็นอย่างไร
ทุกการทำงานของหมอถูกบันทึกเข้าไปในหัวของรัมภาสิริ
ปอร์เช่ดูหล่อขึ้นมากเวลาทำงาน หน้าตานิ่งขรึมแต่น้ำเสียงเป็นมิตรทำให้คนไข้ไม่กลัว เธอแอบปลื้มเขาไม่น้อยและคงเสียใจมากหากคำตอบของเขาคือไม่มองหญิง
“ดวงตาป้าสวยเป็นไงบ้างคะคุณหมอ”
“อาการดีขึ้นมากนะครับ แต่ตายังแห้งคุณป้าหยอดตาบ้างไหม”
“หยอดค่ะคุณหมอ แต่ไม่บ่อยป้าลืม”
“ไม่ได้นะครับ ต้องหยอดอย่างน้อยวันละหกครั้ง”
“ค่ะ ป้าจะพยายามไม่ลืม เดี๋ยวให้น้องดนช่วยเตือน”
“ดีครับ แล้วน้ำตาเทียมยังมีอีกไหม”
“ใกล้จะหมดแล้วค่ะ ก่อนมาโรงพยาบาลหนูดูให้แล้ว”
หญิงสาวเป็นคนตอบเพราะดูเองกับตา น้ำตาเทียมของป้าเหลืออยู่ไม่กี่หลอด ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะหันไปคีย์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์พร้อมกับลงคิวนัดหมายให้คนไข้ที่ในอนาคตจะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกัน
“งั้นผมสั่งน้ำตาเทียมให้นะครับ ผมนัดคุณป้าอีกครั้งเป็นเดือนหน้านะครับ ถ้ามีอาการผิดปกติหรือปวดตายังไงก็มาได้ตลอด”
“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
รัมภาสิริประคองเจ๊สวยออกไปข้างนอกห้องตรวจ แล้วบอกน้องสาวที่รออยู่บนเก้าอี้ไม่ได้เข้าไปด้วยให้พาป้าไปรับยา ส่วนตัวเองมีเรื่องจะไปทำต่อ เจ๊สวยถามว่าจะไปไหน พอได้ยินหลานบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับหมอ ป้าถึงกับยิ้มแป้นรีบไล่หลานทันที
หลังจากน้องสาวกับป้าเดินหายไปทางห้องจ่ายยา รัมภาสิริก็เดินกลับเข้าไปในห้องตรวจของหมออีกครั้งก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้
เธอถามคุณพยาบาลแล้วหลังจากคิวของป้าสวยก็ไม่มีคนไข้อื่น โรงพยาบาลเอกชนค่ารักษาค่อนข้างแพงทำให้คนมาใช้บริการไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นคนค่อนข้างมีฐานะ
“คุณเข้ามาทำไมอีก หรือสงสัยเรื่องคุณป้า” ชายหนุ่มตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นหญิงสาวกลับมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม
เขาแอบบ่นเธอในใจใส่กระโปรงก็สั้นแถมยังนั่งไม่ระวังอีก ดีนะที่ไม่เห็นไปถึงไหนต่อไหน ขาเรียว ๆ ขาว ๆ นั้นกำลังทำให้ชายหนุ่มรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาจึงหันไปกดรีโมตลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เย็นลงกว่าเดิม
“เปล่าค่ะ หนูสงสัยเรื่องคุณหมอ” เธอจ้องหน้าเขาไม่ยอมแพ้ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
ตกลงปอร์เช่มองหญิงหรือไม่มองหญิง เอาให้ชัวร์ไปเลยเธอจะได้หาทางหนีทีไล่จะเอาอย่างไรต่อดีกับชีวิตที่แขวนด้วยคำทำนาย
“เรื่องผม? เรื่องอะไร”
“หนูถามตรง ๆ คุณหมอชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“แล้วคุณคิดว่าไง คุณว่าผมมองหญิงหรือมองชาย”
“มองผู้ชายค่ะ หนูกลับไปนั่งคิดนอนคิดคุณหมออาจจะชอบพี่ดาวิน” มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ เธอคิดแล้วคิดอีกจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เป็นไปได้ว่าปอร์เช่อาจจะแอบชอบดาวินจึงไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนเลย ด้วยความกลัวจะเสียเพื่อนไปเขาถึงไม่กล้าสารภาพรัก
ชายหนุ่มหันขวับรีบปฏิเสธเสียงสูง รัมภาสิริเอาอะไรคิด ขนแขนลุกพรึบราวกับเห็นผี
“บ้าไปแล้วคุณ แค่คิดว่าผมไม่มองหญิงก็หนักแล้วนะ ยังจะมาบอกว่าผมชอบไอ้ดาวินอีก”
“ก็คุณหมอไม่มีแฟน ผู้หญิงสวย ๆ แบบคุณหมออังคณามาจีบ คุณหมอก็ไม่สนใจ แล้วจะให้คิดแบบไหน หนูว่าต้องใช่แน่ ๆ คุณหมอไม่ยอมรับความจริง”
“คุณอยากรู้จริงเหรอ ผมชอบเพศไหน”
“ค่ะ อยากรู้มาก”
“งั้นคุณก็เดินเข้ามาหาผมตรงนี้สิ”
คุณหมอบอกให้คนขี้สงสัยเดินมาใกล้ตน ในเมื่อเธออยากรู้เขาก็จะตอบ แต่ตอบธรรมดากลัวหญิงสาวจะไม่จดจำจึงต้องใช้วิธีพิเศษ
รัมภาสิริไม่ทันได้คิดอะไรมากรีบเดินเข้าไปหาปอร์เช่ที่ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เธอไม่ทันสังเกตแววตาเจ้าเล่ห์ของเขา ปากหยักมีรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาใสซื่อของแม่สาวใจกล้า ประสบการณ์ชีวิตมันคนละชั้นกันรัมภาสิริหรือจะสู้ปอร์เช่หึไม่มีทาง
“ทำไมคะ คุณหมอกลัวคนอื่นได้ยินเหรอ”
“ในเมื่อคุณอยากรู้ ผมก็จะพิสูจน์ให้คุณเห็น”
“พิสูจน์ยังไง”
“แบบนี้ไง รับรองคุณจะไม่มีวันลืม”
“คุณหมอ อื้อ...”
หญิงสาวยังถามไม่จบประโยคปากสีสวยก็โดนคุณหมอปิดด้วยจูบ ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าหมอจะพิสูจน์ด้วยวิธีนี้
คราแรกชายหนุ่มแค่จะสัมผัสเท่านั้นแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ส่งลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัด ดูดดึงลิ้นของเธออย่างชอบใจ ยิ่งจูบยิ่งหวาน ยิ่งจูบยิ่งไม่อยากปล่อย มือของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังบางอย่างลืมตัว
จูบได้ไม่นานเขาก็ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เมื่อรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดหายใจไม่ทัน แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นเขาก็จับท้ายทอยเธอแล้วจูบอีกครั้ง คราวนี้ร้อนแรงกว่าเดิม เนิ่นนานทีเดียวกว่าจะยอมปล่อย
“อื้อ...” หลังจากจูบจนพอใจปอร์เช่ถึงได้ถอนปากออกแล้วกระซิบถามว่าได้คำตอบหรือยัง ตกลงเขาชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย
คนเสียจูบแรกใบ้กินเป็นที่เรียบร้อย สมองว่างเปล่าไปหมด หัวใจเต้นตุบ ๆ ราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก ขาทั้งสองข้างเหมือนจะไม่มีแรงยืนจึงทรุดลงไปกองกับพื้นทำให้ชายหนุ่มตกใจปนเอ็นดู เด็กน้อยเหลือเกินแค่โดนจูบก็ไปไม่เป็นแล้ว
“คุณเป็นอะไร โดนจูบแค่นี้ถึงกับหมดแรงเลยเหรอ หึ” ยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจ แม่สาวใจกล้าคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ ตอนนี้เหลือแต่คนขี้อาย หน้าแดงยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก
“คะ...คุณหมอจูบหนูทำไม นี่มันจูบแรกของหนูเลยนะ” เธอเอามือขึ้นมาจับตรงปาก ถามเขาเสียงสั่น ใจยังเต้นแรงไม่หยุด
“ก็คุณอยากรู้ ผมก็แค่พิสูจน์” เขาตอบกลับด้วยเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะอุ้มรัมภาสิริขึ้นมาแนบอก แล้วไปวางไว้บนเตียงคนไข้
หญิงสาวทั้งเขินทั้งอายแต่เพียงครู่เดียวเธอก็นึกอะไรออก ทำไมโดนคุณหมออุ้มแล้วไม่เป็นอะไร ปกติต้องหายใจไม่ออกหรือหมดสติไม่ใช่เหรอ
“เมื่อกี้คุณหมออุ้มหนู” ถามด้วยความตกใจ เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่
“อืม ก็คุณไม่มีแรงผมแค่ช่วย” เขายักไหล่ที่ช่วยเพราะเห็นเธอไม่มีแรงจะลุก ไม่ได้พิศวาสส่วนจูบก็แค่การสั่งสอนอย่ามาเล่นกับไฟ ยิ่งไฟอย่างเขาด้วยยิ่งไม่ควรเข้าใกล้
“แต่หนูไม่เป็นอะไร หนูยังมีสติ” เธอยังตกใจไม่หายจึงเอามือจับหน้าจับตัวทำให้ปอร์เช่สงสัย
“แล้วคุณต้องเป็นอะไร” นั่นน่ะสิเขาก็อยากรู้เหมือนกัน
รัมภาสิริแสดงอาการประหลาด ๆ หรือจะเกี่ยวกับการที่เธอเป็นลมเมื่อหลายวันก่อน หญิงสาวไม่ค่อยอยากให้ใครรู้เรื่องป่วยจึงส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่มีค่ะ เอ่อหนูขอตัวกลับก่อน”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงเธอรีบลงจากเตียงแล้วเปิดประตูเดินออกไปทันที ไม่ทันได้มองว่าคุณหมออังคณาแอบหลบอยู่ตรงเสาขนาดใหญ่ เมื่อสักครู่คุณหมอคนสวยเห็นเต็มสองตา
ปอร์เช่จูบรัมภาสิริอย่างดูดดื่ม
มือถือราคาครึ่งแสนถูกเอาออกมา จากนั้นคุณหมอก็ต่อสายหาลูกน้องคนสนิทของบิดา สั่งให้สืบประวัติผู้หญิงที่ชื่อ รัมภาสิริ ปัญญะวาโย ศัตรูหัวใจอันดับหนึ่ง จริง ๆ คุณหมอพอจะมีข้อมูลอยู่บ้างจากคุณพยาบาลทั้งหลายแต่อยากได้ข้อมูลลึกกว่านี้
หลังจากวางสายรอยยิ้มร้ายปรากฏตรงมุมปาก รอยยิ้มแบบนี้ไม่น่าจะได้เห็นจากคนที่ทำอาชีพช่วยเหลือผู้อื่น
“ฉันไม่มีวันยอม ปอร์เช่ต้องเป็นของฉันเท่านั้น”