1
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
ครอบครัวรัตนบดีประกอบด้วยธาริณี กรกวินทร์ กวินภพรวมทั้งลูกสะใภ้ใหญ่และเล็ก ต่างพากันมาส่งเดือนดารา น้องสาวคนเล็กของตระกูลที่กำลังไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทยังประเทศอังกฤษ บุคคลที่ขาดไม่ได้คือพริ้งเพรา นางร้องห่มร้องไห้ตลอดทาง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จะต้องห่างลูกสาวสุดที่รักคนละซีกโลก และเป็นระยะเวลาแรมปี
“แม่คะ เดือนสัญญาว่า พอซัมเมอร์เดือนจะรีบกลับมาหาแม่นะคะ” เดือนดาราบอกมารดาที่เอาแต่ร้องไห้น้ำตาปริ่ม ใจหายที่ลูกสาวจะเดินทางไปต่างแดน
“เดือนสัญญาแล้วนะว่าจะกลับมาหาแม่ช่วงนั้น เดือนต้องสัญญากับแม่นะ” พริ้งเพราไม่วายย้ำสัญญากับลูกสาว
“ค่ะแม่ เดือนสัญญาค่ะ” เสียงหวานใสของคนที่กำลังไปเรียนต่อย้ำสัญญา
“แม่ค่ะ แม่อย่าร้องไห้ไปเลยนะคะ เดือนไปเรียนต่อ แป๊บเดียวก็กลับมาแล้ว อีกอย่างถ้าแม่ร้องไห้เดือนอาจจะพะว้าพะวงเป็นห่วงแม่ แล้วไม่มีสมาธิเรียนนะคะ ถ้าเดือนไม่มีสมาธิเรียนก็จะยิ่งเรียนจบช้า กลับมาบ้านก็ช้าไปด้วยนะคะ”
แพรวพรรณรายลูกสาวคนโตบอกผู้เป็นแม่ ที่รีบเช็ดน้ำตาทันทีที่ได้ยินคำเตือน
“จ้ะ แม่จะไม่ร้องไห้ เดือนจะได้มีสมาธิเรียน จะได้รีบกลับมาหาแม่”
“ดีค่ะแม่ อย่างนี้ดีที่สุดเลย” แพรวพรรณรายยิ้มหลังจากพูดให้มารดาคลายความเศร้าลงได้ในพริบตา
“ไปถึงที่โน่นจะมีคนมารับชื่อพีทมารับนะ พีทจะพาเดือนไปอพาร์ตเม้นต์ที่พี่เช่าไว้ให้เดือนอยู่ แล้วถ้าเดือนขาดเหลืออะไรก็โทรมาบอกพี่นะ พี่จะจัดการให้”
เสียงของกรกวินทร์ในฐานะพี่ชายและพี่เขยดังขึ้น เขาได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้เพื่อน้องสาวคนนี้พร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ ที่เรียนและเงินที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเดือนดาราร่วมสิบล้านบาท เอาไว้ใช้จ่ายระหว่างที่เรียนหนังสือที่นั่น
“ขอบคุณพี่ทัชมากค่ะ” เดือนดาราพนมมือไหว้กรกวินทร์ “แค่นี้ก็มากพอแล้วค่ะพี่ทัช เดือนไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เดือนจะตั้งใจเรียนนำความสำเร็จมาให้พี่ทัชและทุกคนค่ะ”
เดือนดาราตั้งใจตามที่พูด เธอต้องนำความสำเร็จในการศึกษากลับมาฝากทุกคน ให้สมกับที่กรกวินทร์ กวินภพเอ็นดูและเมตตาเธอในฐานะน้องสาว แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงลูกของอนุภรรยา แต่ทั้งสองก็ให้ความรักเต็มที่ นำพาความซาบซึ้งใจมาให้หัวใจดวงน้อยๆ ดวงนี้เหลือเกิน และพอรู้ว่าเธออยากไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ทั้งสองก็ประสานงานให้อย่างเต็มที่ กวินภพติดต่อมหาวิทยาลัย กรกวินทร์ดูแลเรื่องที่อยู่ และคนที่จะดูแลเธอระหว่างอยู่ต่างแดน
“แต่พี่ไม่อยากได้น้องเขยนะ ไม่ต้องพากลับมา อายุเดือนยังน้อยยังไม่ต้องรีบมีแฟนก็ได้ อยู่เลี้ยงหลานไปพรางๆ ก่อน อายุสามสิบค่อยมีหรือไม่ก็ไม่ต้องมีเลยก็ได้ น้องสาวคนเดียวพี่เลี้ยงได้สบาย”
กวินภพพูดดักคอน้องสาว เขาเกิดอาการหวงน้องสาวสุดสวยขึ้นมาตั้งแต่รู้ความจริง แม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกันแต่ทว่าสายใยแห่งความเป็นพี่น้องไม่มีคำว่าช้าหรือเร็ว พี่ชายคนนี้มักจะกีดกันหนุ่มๆ ที่มาข้องแวะเดือนดารา ขัดได้เป็นขัด ขู่ได้เป็นขู่ หลายรายที่กระเจิงเพราะฤทธิ์เดชของกวินภพ
“ทอร์ช เดือนโตแล้วนะ อายุก็ยี่สิบสี่แล้วจะมีแฟนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” กรกวินทร์พูดเตือนและให้เหตุผล
“ไม่รู้แหละ ก็ผมยังไม่อยากให้มีแฟนตอนนี้”
กวินภพพูดอย่างเอาแต่ใจ ทำให้ทุกคนพากันส่ายหัวกับความดื้อรั้นที่มีมากเหลือเกินในตัวของเขา
“เดือนรีบเข้าไปเถอะ อย่าไปฟังไอ้ทอร์ชมัน ถ้ามีใครมาจีบ นิสัยดีก็เปิดใจรับเขา แล้วดูนิสัยว่าคบหากันได้หรือเปล่า เดือนโตแล้วมีความคิด น่าจะพิจารณาได้ด้วยตัวเอง”
กรกวินทร์ไม่หวงน้องสาว ไม่ใช่ว่าไม่รัก ไม่ใส่ใจ เขารักเดือนดารา แต่ก็คิดว่า เธอโตแล้วและบรรลุนิติภาวะ จึงถือว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ประสา อีกทั้งเรื่องของความรักห้ามกันไม่ได้ด้วย
“พี่ทัชพูดอย่างนี้ได้ยังไง ผมไม่ยอมนะ น้องของผม ผมยังไม่อยากให้มีแฟน” เสียงของกวินภพดังขึ้นมาทันทีทันใด ติดโวยวายเสียด้วยซ้ำ
“พี่ทัชคะ พี่ทอร์ชคะ เดือนไม่อยากมีแฟนค่ะ เดือนอยากเรียนหนังสือ เดือนจะตั้งใจเรียนให้สมกับที่พี่ทั้งสองเมตตาเดือน” เดือนดาราชิงพูด เสมือนกับห้ามศึกของสองพี่น้องไปในตัว “เดือนจะเอาเกียรตินิยมมาให้พี่ทั้งสองคนค่ะ”
“ดีมาก ระหว่างที่เดือนเรียน พี่ก็สัญญาว่าจะผลิตหลานให้เดือนเลี้ยงอีกสักคนหรืออาจจะเป็นแฝดสอง สามหรือสี่อีกก็ได้” กวินภพบอกน้องสาวก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นจากภรรยา “ดีไหมเพลง เราทำหลานให้เดือนเลี้ยงดีกว่านะ”
“เสี้ยวนัก” คำตอบของเพลงมีนาคือคำต่อว่าเล็กน้อย พร้อมกับมือเล็กที่บิดท่อนแขนของสามีที่ทำหน้ายู่ด้วยความเจ็บ เรียกรอยยิ้มให้กับคนที่มองเห็นได้เป็นอย่างดี
เดือนดาราเดินเข้าไปในประตูผู้โดยสารขาออก โดยมีคณะบุคคลที่มาส่งโบกมือและส่งยิ้มให้ เธอกวาดสายตามองครอบครัวแสนอบอุ่นของตนอีกครั้ง ส่งยิ้มให้กับพวกเขาก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปภายใน เตรียมตัวขึ้นนกเหล็กยานพาหนะที่จะพาเธอไปยังประเทศอังกฤษ ประเทศที่จะทำให้เดือนดาราไม่มีวันลืม