เสี่ยวจื้อแนบหูฟังเสียงจากข้างใน พรุ่งนี้ต้องมีเรื่องเล่าขานให้เหล่าขันทีตำหนักอื่นฟังในเมื่อนายหญิงของเสี่ยวจื้อกำลังจะครองใจฝ่าบาท อมยิ้มอยู่หน้าห้อง หากฝ่าบาทกับนายหญิงจะลงเอยกันก็คงจะดีไม่น้อย ล้วงหยิบกำไลหยกมาพิศดูแล้ว ท่านขุนพลเล่าป่านนี้ยังไม่กล้ามาพบนายหญิง
เช้าสดใส ชิงซีบิดกายอยู่บนแท่นบรรทมของอินจิ๋น
“เหม็นจริง”นางกำนัลเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับ อาภรณ์ชุดใหม่และเครื่องนอนชุดใหม่
“พวกเจ้าฝ่าบาทเล่า”นางกำนัล ย่อกายลงช้าๆ
“ฝ่าบาท ทรง ไปนอนที่อื่นปล่อยที่นี่ให้องค์หญิงได้บรรทม”คิ้วดำขมวดเข้าหากัน
“ไปนอนที่ไหน”นางกำนัลคนเดิมส่ายหน้าไปมา ชิงซีหน้าเง้าแอบหนีชิงซีไปเสียได้ อินจิ๋นหากเดาไม่ผิดพยายามมอมเหล้าชิงซี เพื่อสิ่งใดกันหรือว่าตั้งใจรวบหัวรวบหางแต่เห็นว่าชิงซีอาเจียนเพราะเมาจึง หมดอารมณ์ที่จะคิดถึงเรื่องอย่างว่า
ชิงซีถอนหายใจน่าขายหน้าเสียจริงอาเจียนจนหมดรูปอาภรณ์สวยงามเปรอะเปื้อนเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว
ก่อนหน้านั้น
“นางใน จิ้งอันอัน”ย่อกายลงช้าๆ ตรงหน้า อินจิ๋นที่ขมวดคิ้วมองอาภรณ์ที่นางสวมใส่ มาจากที่แห่งใดอาภรณ์ที่สวมใส่จึงมิดชิดปิดกระดุมถึงคอ
“เจ้า ทำไมแต่งกายแบบนี้ หนาวมากหรือไร”
อันอันส่ายหน้าไปมา
“ไม่หนาว อืมไม่อย่างนั้นก็คงมีเหตุผลอื่น”
อันอันถอนหายใจก้มหน้างุด จะบอกได้อย่างไรว่าไม่อยากถวายตัวๆ ไม่อยากเป็นเพียงสนมคืนเดียว ก็อกอวบของอันอันตั้งเด่นชูชันอีกทั้งผิวกายที่ขาวราวหยกขาว สะโพกกลมกลึงเป็นในแบบที่ฝ่าบาทนิยมตามที่อันอันสืบข่าวมาก่อนหน้านั้น ก็ควรปกปิดมันเสียครั้นจะไม่เข้าวังหรือก็พี่น้องหลายคนแทบจะไม่มีวันไหนได้อิ่ม
“อายุเท่าไหร่”
“18เพคะ”
“18แต่ดูรึแต่งกายดังกับคนอายุ40ปี”ใบหน้าที่แอบผัดแป้งให้ดูคล้ำ ขึ้นกว่าควรจะเป็น ก็ขันทีฝึกสอนบอกว่าวันนี้ฝ่าบาทจะแวะมา คัดนางในด้วยตัวเอง
“ข้าให้เจ้าเป็นนางหน้าพระพักตร์ เจ้าแต่งกายเช่นนี้ คงจะมีระเบียบแบบแผนกว่าคนอื่นไม่เหมาะจะเป็นนางใน นับตั้งแต่วันนี้ไม่ต้องไปฝึกหัดร่วมกับเหล่านางใน มาคอยรับใช้ข้า”
ประสานมือไม่ยอมย่อกายงดงามอย่างที่นางในทั่วไปควรทำ อินจิ๋นส่ายหน้าไปมา อันอันแม้จะแต่งกายมิดชิดแต่บางอย่างในตัวอันอัน ช่างน่าค้นหายิ่งนัก อินจิ๋นยิ้มเขาชอบบั้นท้ายกลมกลึง ชอบอกอวบชอบความไร้เดียงสา
“เสี่ยวจื้อ เสี่ยวจื้อ”อันอันหันหน้าหันหลังเมื่ออินจิ๋นตะโกนเรียกเสี่ยวจื้อที่ฝากให้อันอัน อยู่คอยรับใช้ฝ่าบาทส่วนเสี่ยวจื้อแอบไปงีบหลับ ดึกดื่นป่านนี้ยังเรียกหาเสี่ยวจื้อทำไมอีก
ก้มหน้าวิ่งเข้าไปในห้องทั้งมืดๆ ไม่อยากให้เสี่ยวจื้อต้องพลอยลำบากหากอินจิ๋นรู้ว่าเสี่ยวจื้อแอบหนีไปงีบหลับ
“มานวดให้ข้า ข้านอนไม่หลับ ร้อนก็ร้อนวันนี้อากาศร้อนยิ่งนัก” กลิ่นสุราคละคลุ้ง เมาแต่ไม่ยอมนอน ร่างเปลือยท่อนบนอกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามใบหน้าหล่อเหลา ผมยาวสลวยเต็มแผ่นหลัง กับกางเกงบางเบามองเห็นไปถึงไหนถึงไหนพวงองุ่นที่ห้อยย้อยเลือนรางภายใต้เปลวไฟสลัว อันอันกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น
อินจิ๋นทิ้งตัวลงนอนหงายบนแท่นบรรทม อันอันขึ้นไปนั่งคุกเข่าบนแท่นบรรทม
เอื้อมมือบีบนวดเบาๆ
“แรงหน่อย”อันอันออกแรงอีกนิด
“ขึ้นมาข้างบนหน่อย อืม นั่นแหละนั่นแหละขึ้นมาข้างบนอีก”ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงขาอ่อน
“อืม กำลังดี เสี่ยวจื้อเจ้านี่มือเบาเป็นบ้า”อันอันไม่กล้าเอ่ยปาก ยังคงเงียบแต่อินจิ๋นขมวดคิ้ว สูดดมกลิ่นหอมที่ลอยมาปะทะจมูกก่อนจะผุดลุกขึ้น โถมร่างใหญ่เข้าใสอันอัน กดลงบนแท่นนอน อกนุ่มปะทะกับอกเปลือยเปล่า เลิกคิ้วสูงเบิกตากว้าง
“เจ้าเข้ามาทำไม”อยู่ๆ ก็ลืมว่าอันอันคืออันอันคือนางหน้าพระพักตร์ หรือเพราะความเมา
“อ๋อเข้าใจแล้วคงเป็นนางในที่เข้ามาถวายตัว”มือไวกว่าความคิดปลดแกะกระดุมที่อกเสื้อ อันอันคว้ามืออินจิ๋นไว้
“ฝ่าบาท อย่า”ตกใจแทบสิ้นสติ
“หือ อย่าช้าหรือไร”เสียงแหบแห้งหายไปในลำคอเมื่อพบหญิงถูกใจ กดจมูกลงบนอกนุ่ม ทั้งๆ ที่ยังมีอาภรณ์ห่อหุ้มอยู่
“นุ่มจริง ไหนขอดูหน่อยว่าจะใหญ่ เหมือนที่คิดไหม”ใช้ปากแกะกระดุมพัลวัน
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นนางหน้าพระพักตร์” ตาสว่างทันทีผงะถอยออกห่างจ้องมอง อันอันด้วยสายตาที่แสดงถึงความประหลาดใจ
“เจ้าใช่ นางหน้าพระพักตร์คนเมื่อตอนกลางวันจริงๆ หรือ” ไม่อยากจะเชื่อในเมื่อ คืนนี้เขากลับมองว่าอันอัน น่ามองยิ่งนักอีกทั้งอกนุ่มที่เขาสัมผัสได้ เต่งตึงอวบอิ่มเหมือนเป็นคนละคน ซ่อนรูปหรือ อกอวบกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาวตรึงใจเขายิ่งนัก
“เสี่ยวจื้อไปไหน”
“เสี่ยวจื้อ เอ่อเอ่อ ไปอาบน้ำฝากให้หม่อมฉันคอยรับใช้ฝ่าบาท” อินจิ๋นกุมขมับ เขาเมาหรือว่านางน่าฟัดกันแน่หนอ ลูกชายตัวดีของเขาผงาดง้ำหาทางลงไม่ได้
“เจ้าไปเสีย ไปซี้”อันอันหันหน้าหันหลัง ก้าวออกจากห้องบรรทมไป
“เฮ้อ ข้าคงเสียสติกลางวันมองนางไม่น่ามอง พอตกกลางคืนกลับรู้ว่านางช่างกระตุ้นความเป็นชายยิ่งนัก ทิ้งตัวลงนอนหงาย บนแท่นบรรทมแบบนี้ยิ่งนอนไม่หลับ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่รู้สึกเช่นนี้กับหญิงใด อมยิ้ม พลาดเสียแล้วอินจิ๋นต้องอดกลั้นเพียงใดเมื่อเข้าใกล้นางน่าจะเรียกนางเข้าถวายตัวเสียไม่น่าเรียกให้อันอันมาเป็นนางหน้าพระพักตร์อย่างที่พูดไว้ เพิ่งจะพบหญิงงามถูกใจ แต่กลับเป็นไก่ได้พลอย ไม่เห็นนางในสายตา ต่อไปคงได้แค่เพียงเก็บนางไว้ข้างกายจะกลับคำก็ไม่ควรอย่างยิ่ง คิดแล้วโมโหตัวเองนางจงใจปกปิดเรือนร่าง สวมอาภรณ์ซ่อนรูปเขาเองที่โง่งม แต่พอได้ใกล้ชิดถึงรู้ว่า อันอันคนนี้ทำเขาตื่นตัวกว่าหญิงนักร้อยที่เคยผ่านมา เก็บนางไว้ข้างกายให้ได้ชื่นชูหัวใจแล้วค่อยหาทางนำนางมากอดนอนอย่างที่ต้องการ อินจิ๋นอมยิ้มหลับตาลงช้าๆ หัวใจพองโตเปี่ยมสุข
“อันอัน อันอัน อันอัน”ตะโกนก้อง
อันอันวิ่งเข้ามาข้างใน
“เกล้าผมให้ข้า”อันอัน หยิบแปรงสางผมมาสางผมให้อินจิ๋นอย่างเบามือ อินจิ๋นคว้าข้อมือที่กำที่สางผมไว้ ดันร่างเล็กทว่าอวบอิ่มให้นั่งลง อมยิ้มเมื่อเห็นว่าวันนี้อันอันสวมอาภรณ์ในแบบขันที
“ข้าจะสางผมให้เจ้าดูเป็นตัวอย่างต่อไปจะได้ ทำในแบบที่ข้าชอบ”ดึงมวยผมของอันอันให้หลุดออก ดวงตาคมตะลึงตาค้างเมื่อพบว่าใบหน้างดงามภายใต้ผมยาวสลวยที่เขาเพิ่งจะเคยเห็นงดงามจนเขาต้องตะลึง ในเมื่อพบกันในทุกครั้งอันอันจะเกล้าผมเรียบแปลไม่ให้ร่วงหล่นแม้แต่เส้นเดียว ย่อกายลงตรงหน้าจ้องมองดวงตาของอันอันในกระจกเงาแววตาเขินอายและประหม่าอินจิ๋นอมยิ้ม
“คราวหลังอย่าปล่อยผมต่อหน้าใครอีกได้ยินไหม”กระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
อันอันหันมามองด้วยไม่เข้าใจในคำพูดของอินจิ๋นว่าต้องการสิ่งใดกันแน่ ทว่าจมูกโด่งของอันอันกลับชนเข้ากลับแก้มของอินจิ๋นที่อยู่ใกล้สุดใกล้
“อืม อีกอย่างอย่าหัน หน้ามาโดยพลการแบบนี้ไม่อย่างนั้น….” หันหน้ากดจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนของอันอัน
“จะเป็นแบบนี้” อแันอันใจเต้นระรัว ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผมยาวสลวย สะบัดตามแรงสะบัดตัว อินจิ๋นสุดกลิ่นหอมจากเรือนผมนุ่มสลวย
“นั่งลงข้าเกล้าผมให้เจ้า”ส่งเสียงเข้ม อันอันไม่กล้าขัดทรุดกายลงบนเก้าอี้ปล่อยให้อินจิ๋นสางผมและเกล้าผมให้จนเรียบร้อย
“สวยไหม” อันอันพยักหน้า
“เจ้าต้องทำให้เรียบร้อยแบบนี้เมื่อต้องเกล้าผมให้ข้า ไม่ตึงและไม่หลวมจนเกินไป”อันอันทำท่าจะลุกขึ้น อินจิ๋นกระซิบข้างหูเบาๆ อีกครั้ง
“อย่าเพิ่ง จำไว้อย่าปล่อยผมต่อหน้าใครอีกได้ยินไหม หากข้ารู้ว่าเจ้ากล้าปล่อยผมต่อหน้าผู้ใดข้าจะปลดเจ้าออกจากตำแหน่งนางหน้าพระพักตร์เสีย"