ฉันมาถึงห้างก่อนเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เลยว่าจะเดินช็อปปิ้งฆ่าเวลารอเพื่อนมาถึง ฉันเดินเข้าร้านนั้นร้านนี้ ไปเรื่อยๆ ก็ถึงเวลานัด รีบเดินเข้าไปร้านอาหารที่พวกเรานัดกันจนไม่นานสาวๆ ที่ฉันนัดวันนี้ก็มาถึง
"ฮายค่า…อีพาย" เสียงหวานเดินเข้ามาในร้านมาก็พูดขึ้น ฉันที่ก้มหน้าดูเมนูอาหารอยู่ก็สะดุ้งนิดหน่อย ก็ยัยนี่เล่นเสียงดังจนคนหันมามองเต็มไปหมดเลย ยัยนี่ที่หมายถึงคืิอเกรซ เพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมที่เรียนตามกันมาจนถึงปีหนึ่งฉันก็ย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศ ยัยนี่นางเป็นนางแบบหุ่นดีสุดยอด นิสัยก็แรงๆ มั่นใจ ใครตบมาตบกลับคล้ายๆ ฉัน
"อีเกรซมึงเบาเสียงหน่อย อายเขา" แล้วอีกที่เดินตามมาติดๆ กับเกรซก็รีบดึงให้เกรซนั่งลง คนต่อไปคือเพียงขวัญเพื่อนตั้งแต่ประถมเหมือนกัน ตอนนี้เป็นผู้บริหารบริษัทส่งออกแห่งหนึ่งของครอบครัว เป็นลูกสาวคนเดียวจึงต้องทำงานทุกอย่างของครอบครัวอย่างกับแรงงานทาส ธุรกิจที่บ้านมูลค่านับไม่ได้ล้วนแต่เป็นมันที่บริหารหมด มันเป็นคนเก่งศึกษางานตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยแล้ว
"อายทำไมกูแค่ทักทายเพื่อนปะ?" เกรซก็คือเกรซค่ะ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
"แล้วน้ำฟ้าอะ?" เพียงขวัญถามหาถึงเพื่อนอีกคน น้ำฟ้ายัยชี้คนดีคนเดิมของกลุ่ม ทำงานเป็นเลขาที่บริษัทเฮียพร้อม น้ำฟ้าทำงานหลายอย่างมาก เธอสุภาพ น่ารัก จนพวกฉันไม่กล้าพูดมึงกูกับเธอเลย ฐานะทางครอบครัวของน้ำฟ้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พวกเราไม่เคยถือเรื่องนั้นเลย ฉันเคยยื่นมือเข้าไปช่วยหลายรอบแล้วก็ไม่เคยตอบรับสักครั้ง ที่เธอได้มาทำงานที่บริษัทพี่พร้อมก็เพราะความสามารถของเธอเอง เธอเป็นเพื่อนฉันตั้งแต่ประถมแล้วเหมือนกัน พวกเราสี่คนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถมกันหมดแล้วเรียนตามกันมาพร้อมกันหมด ยกเว้นตอนมหาลัย
"แฮะๆ โทษทีนะ รถติดมากเลย" ทันทีที่เพียงขวัญถามจบ น้ำฟ้าก็วิ่งมาถึงพอดี หอบหายใจเหนื่อยราวกับคนที่วิ่งมาแล้วหลายกิโล
"ทำไมต้องรีบวิ่งขนาดนั้นน้ำฟ้า พวกเราพึ่งมาถึงกันเอง" เพียงขวัญลูบหลังให้น้ำฟ้าแล้วพูดขึ้น
"เรากลัวมาไม่ทันนี่"
"ไหนล่ะของฝาก" เกรซยื่นมือมาทางฉัน ไอเพื่อนคนนี้มันขี้งกจริงๆ
"นี่ค่า…เอาไปค่ะ" ฉันยื่นถุงที่ติดมือพามาด้วยซื้อกลับมาจากต่างประเทศให้เพื่อนๆ คนละหนึ่งถุง มาถึงก็ทวงของไม่ถามสารทุกข์สุขดิบกันเลยเพื่อนฉัน
"ว้าว…น้ำหอมแบรนด์เนม" ยัยเกรซเปิดถุงแล้วพูดออกมาแววตาเป็นประกาย
"ยัยเกรซ มึงเลิกงกแล้วคุยกับเพื่อนก่อนไหม" อ่า…เพียงขวัญพูดถูกเลย ยัยเกรซเอาแต่สนใจของฝาก ไม่สนใจใครเลย
"ก็กูตื่นเต้นนี่หว่า เออว่าแต่มึงไปอยู่นู้นมีผู้บ้างปะ" เกรซหันมาถามฉัน เจอคำถามแรกก็ทำเอายัยพะพายสะอึกเลย
"ไม่มีอะ ไม่ได้สนใจใคร" ฉันตอบตามตรง จริงๆ ก็มีคนเคยจีบฉันมาบ้างแหละ แต่ฉันไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่
"มึงยังไม่ลืมเขาอีกเหรอ?" ดอกที่สองของการสะอึกตามมาติดๆ ทันทีที่เพียงขวัญถามจบฉันก็นิ่ง เม้มปากแน่นแล้วหันไปทางอื่น
"อีขวัญพูดอะไรของมึงเนี่ย!" เกรซพูดขึ้น
"ชิบ…กูขอโทษพาย กูปากเสียเอง" เพียงขวัญหน้าเจื่อนลง ก่อนที่ฉันจะปรายตามองเพื่อนแล้วตอบเพื่อให้ทุกคนสบายใจ
"ลืมแล้ว" ฉันตอบ
"เราคุยกันเรื่องอื่นดีกว่า นี่ๆ น้ำฟ้ากำลังจะเปิดร้านกาแฟเองแล้วนะ" น้ำฟ้าที่เห็นบรรยากาศกำลังจะเศร้าลงก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุย จนฉันยิ้มบางๆ แล้วทำทีท่าว่าลืมเรื่องที่เคยคุยเมื่อครู่
ทั้งที่เอาเข้าจริง
ฉันไม่เคยลืม…
"จริงเหรอน้ำฟ้า ดีใจด้วยนะ"
"ใช่ๆ แต่น้ำหนาวเฝ้าร้าน น้ำฟ้าก็ทำงานที่บริษัทพี่พร้อมเหมือนเดิมนั่นแหละ"
"มีอะไรให้ช่วยบอกเลยนะน้ำฟ้า" ฉันทำได้แค่ยิ้มให้เพื่อนที่กำลังคุยกัน อยากพูดต่อแต่ฉันไม่รู้จะพูดอะไร
"แค่ไปอุดหนุนน้ำฟ้าก็พอ" น้ำฟ้ายิ้มตาหยี ภูมิใจร้านของตัวเอง ส่วนฉันก็รีบต่อบทสนทนาต่อเพราะเห็นว่าเพื่อนกำลังเริ่มเจื่อนๆ ที่เห็นฉันถามคำตอบคำ
เวลานี้ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องมานั่งเศร้าเลย ผ่านไปหลายปีแล้วพะพาย แกควรลืมได้แล้ว ทำไมต้องมานึกถึงคนที่ทำให้อดีตของแกเจ็บปวดขนาดนี้
แกหนีเรียนตั้งไกล แกต้องทำใจเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้แล้ว
เช้าวันต่อมา
"ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวพายจัดการต่อเองค่ะ" ฉันขอบคุณลุงร่วมที่ช่วยขนของกับลูกน้องที่ป๊าสั่งมาให้ช่วยฉันสองสามคน วันนี้เป็นวันย้ายเข้ามาอยู่คอนโดวันแรกของฉัน เช้าวันที่สดใสกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของยัยพะพาย
หลังจากนี้ฉันจะทำตัวเล่นไปวันๆ ไม่ได้แล้ว ต้องช่วยครอบครัวบริหารงาน ทำมาหากินเลี้ยงตัวสิยัยพาย
"อ่า…เหนื่อยชะมัดเลย" ฉันบ่นอิดออดหลังจากที่จัดข้าวของเข้าที่เรียบร้อย ก่อนที่จะล้มตัวนอนบนเตียงกว้างแล้วพ่นลมหายใจมองเพดานอย่างโล่งอกที่ฉันทำเสร็จทัน
ดวงตากลมค่อยๆ หรี่ลงช้าๆ เมื่อความเหนื่อยได้ปะทะกับเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำในห้อง ฉันเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยจนตื่นมาอีกทีก็พระอาทิตย์ตกดิน เรื่องนอนและเรื่องกินไว้ใจพะพายเลย ว่าไปก็หิวชะมัด ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน จนฉันรีบดีดตัวเองขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปทานข้าว กว่าจะหาร้านอาหารที่บรรยากาศถูกใจท้องไส้ก็เริ่มประท้วงหนักแล้ว
"เอาร้านนี้แหละ" จนสุดท้ายฉันก็จอดรถหน้าร้านหนึ่งที่ค่อนข้างถูกใจ ร้านอาหารบรรยากาศดีมาก อยู่ไม่ไกลจากคอนโดสักเท่าไหร่ ไม่ได้หรูคนไม่เยอะตรงตามที่ฉันต้องการเลย
"รับอะไรดีครับ?" ก้นถึงเก้าอี้ปุ๊บก็พนักงานเดินมารับออเดอร์ทันที ฉันเงยหน้ารับเมนู ก่อนที่จะอึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพนักงานหน้าตาดี แต่งตัวภูมิฐานกำลังส่งยิ้มให้ฉัน
พนักงานต้องดูดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย…
"มีอะไรหรือเปล่าครับ?" เหมือนฉันจะมองนานเกินจนเขาจับได้ พอเขาพูดดังนั้นฉันก็ยิ้มแห้งส่ายหน้าน้อยๆ แล้วรีบก้มลงมาดูเมนูอาหาร
น่าอายจริงๆ ยัยพาย
"เอา…หนึ่งที่ค่ะ" เขาจดตามที่ฉันสั่ง เก็บเมนูพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆ หนึ่งที ก่อนที่เดินหายไปหลังร้าน
"มาแล้วครับ" ไม่นานพนักงานคนเดิมก็กลับมาเสิร์ฟอาหารฉันอีกครั้ง เขาที่หมายจะเดินหันหลังกลับไปก็ต้องชะงักเมื่อฉันพูดขึ้น
"น้ำแตงโมปั่นฉันไม่ได้สั่งนะคะ"
"อันนี้เป็นสิทธิพิเศษจากทางร้านครับ" ยิ้มหวานอีกแล้ว รู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าฉันกำลังถูกจีบเบาๆ อยู่เลย
"อ อ๋อ…ขอบคุณค่ะ" ฉันยกยิ้มบางๆ ขอบคุณเขาแล้วลงมือทานอาหาร หิวจนไส้จะขาดแล้วตอนนี้ ทานโดยไม่สนใจอะไร ก้มหน้าก้มตาทานอย่างเดียวเลย จนมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันหมดจานและเหมือนรู้สึกว่ากำลังมองอยู่เลย
เงยหน้าขึ้นมองก็ไม่มีใคร สงสัยจะคิดไปเอง แต่ขออย่าให้ทีใครจ้องฉันเลย สภาพเมื่อกี้คือกินมูมมามราวกับคนไม่ทานข้าวมาทั้งสัปดาห์งั้นแหละ
ฉันรีบยกมือเพื่อเช็คบิล จ่ายเงินเสร็จสรรพเตรียมจะหันหลังออกจากร้านก็ต้องชะงักเมื่อมีคนพูดขึ้นไว้ก่อน
"โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ" พนักงานคนเดินพูดกับฉันแล้วยิ้มให้ ในขณะที่ฉันไม่ตอบอะไร ยิ้มบางๆ แล้วเดินออกจากร้าน
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉันเดินเข้ามาในบริษัทได้ไม่กี่ก้าว ทุกสายตาก็ต่างจับจ้องมาที่ฉัน ทุกคนไม่มีใครรู้จักฉันมาก่อน แต่อาจจะเพราะการแต่งตัวและตำแหน่งที่ฉันจอดรถทำให้หลายๆ คนก้มหัวน้อยๆ ให้ฉัน
"สวัสดีค่ะคุณพะพาย ฉันชื่อนุ่นนะคะ เป็นเลขาคุณพะพายค่ะ" ในขณะที่ฉันกำลังยืนงงว่าจะไปทางไหนต่อ เสียงหวานก็เดินเข้ามาหา ก่อนที่จะก้มหัวแนะนำตัวอย่างเป็นทางการจนฉันยิ้มให้
"สวัสดีค่ะพี่นุ่น ฝากเนื้อฝากตัวด้วยะนะคะ" ฉันตอบกลับคุณนุ่น ดูทรงแล้วเขาน่าจะแก่กว่าฉันแค่ไม่กี่ปี
ทั้งวันฉันเดินไปทั่วทุกแผนกเพื่อรู้จักบริษัทตัวเอง เดินจนขาลากเหนื่อยมากๆ กับการทำงานเป็นผู้บริหารในวันแรก จนเริ่มรู้สึกท้อใจ
"ใหม่ๆ ก็แบบนี้แหละ คุณพาย นานๆ ไปเดี๋ยวก็ชิจค่ะ" พี่นุ่นบอก
โอเคค่า…เดี๋ยวก็เหนื่อยจนชินเสียเองสินะ