...
“พูว์!!” พบูเป่าปากดังพรวด “เกื้อเดียวมา งงกับราคาบรั่นดี เยอะจนน่าปวดหัว ถ้าคิดราคาผิดละก็งามไส้แน่” เธอเดินตัวปลิวตรงไปยังเคบินที่บรรจงนั่งทำงานอยู่
“พี่จงคะ บูมีเรื่องรบกวน” เธอยิ้มประจบ เดินเข้าไปหาบรรจง
สาวใหญ่ขยับแว่น มองสาวเสิร์ฟคนใหม่ตาขวาง “ไปก่อเรื่องอะไรมา ตีกับลูกค้าหรือไง?”
พบูโบกมือ “ไม่ใช่ค่ะ นี่ค่ะ ลูกค้าตระกูลฟลินต์สั่งเครื่องดื่มเยอะแยะเลย บูกลัวพลาด เลยอยากให้พี่จงช่วยหน่อย” บรรจงอารมณ์ดีขึ้น พบูใช้สัพนามที่คนบนเรือไม่เคยใช้เรียกเธอมาก่อน บรรจงรู้สึกกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก
“เอามาสิ ไหนละบัตรเครดิต?” บรรจงยื่นมือมารับโทรศัพท์ที่พบูส่งให้ แล้วก็ถามหาบัตรสำหรับจัดการเคลียร์ราคาค่าบรั่นดี
“คุณอีริคไม่เคยเปย์ขนาดนี้เลยนะ” หลังจากจดรายละเอียดของบรั่นดีที่พบูยกไปเสิร์ฟ บรรจงก็เปรยลอยๆ
“ไม่รู้สิคะ บรั่นดีแบรนด์ที่เขาดื่มหมดแล้ว ต้องสั่งเพิ่มที่ไหนคะ”
“เดี๋ยวพี่จัดการให้นะ อะเรียบร้อยแล้ว รู้ใช่ไหมว่ามีค่าคอมของบรั่นดีที่ขายให้ลูกค้าบวกในเงินเดือนตอนสิ้นเดือนด้วย” พบูเบิกตาโต แล้วก็ส่ายหน้า
“แย่จัง บูทำงานไม่ถึงนี่ ยกประโยชน์ให้เกื้อแล้วกันค่ะ” พบูพูดอย่างใจป้ำ
เธอทำงานบริการที่สุ่มเสี่ยงแบบนี้ไม่ไหวหรอก พบูกลัวตัวเองจะยั้งไม่อยู่ เผลอทำร้ายลูกค้าขึ้นมา เธอคงไม่มีสตางค์ไปชดใช้ทั้งค่าเสียหายและค่าทำขวัญ
“เธอไม่สนใจจะต่อสัญญาเหรอบู?” บรรจงถามกลับ
พบูส่ายหน้า “มันเสี่ยงเกินไปค่ะพี่จง ถ้าบูเผลอตัวใช้ขวดเหล้าฟาดหัวลูกค้าขึ้นมา งามไส้เลยนะคะทีนี้”
“ทำไมต้องทำแบบนั้นละ?” เพราะบรรจงอยู่แต่ในห้องแคบๆ เธอไม่รู้ว่าสาวเสิร์ฟต้องผจญกับลูกค้ากี่ประเภท
“เพราะผู้ชายมักจะปากหมามือไวตอนเหล้าเข้าปากไงคะ” พบูตอบพลางยิ้มจนตาหยี๋
บรรจงหัวเราะ “แต่เท่าที่พี่เห็น ผู้หญิงที่เคยทำงานตรงตำแหน่งของเธอร่ำรวยทุกคนเลยนะ”
“แบบบูคงไม่มีทางรวยหรอกค่ะ บูชอบเสียเหงื่อเพราะการทำงาน ไม่ชอบประจบใคร”
“ไปทำงานได้แล้ว ยิ่งดึกลูกค้ายิ่งเยอะ พี่ทำถึงสี่ทุ่มเท่านั้นนะ หลังจากนั้นถามเกื้อเอาเองเถอะ” บรรจงโบกมือไล่
“ขอบคุณนะคะพี่จง” พบูโบกมือลาแล้วก็รีบเดินเร็วๆ ไปประจำที่ พอลูกค้าเริ่มซา พบูก็นึกขึ้นได้ เธอล้วงกระดาษเช็คที่ซุกไว้ก้นกระเป๋ากระโปรงออกมาดู แล้วก็เบิกตาโตตะครุบปิดปากแทบไม่ทัน
“เกื้อ มาดูอะไรนี่” พบูกวักมือเรียกเกื้อที่กำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ชงเหล้าของเขา
“มีอะไรเหรอคุณ?”
“นี่ๆ หมอนั่นให้ทิปบูมา แบบนี้เกื้อปลดหนี้เลยได้มั้ย บูยกให้” พบูยัดกระดาษเช็คที่อีริคมอบให้ใส่มือเกื้อ พอเขาก้มลงดูใกล้ๆ น้ำตาเกื้อก็ไหลเอ่อออกมาดื้อๆ จากที่คิดไว้ ต่อให้อดออมแทบตายหนี้ก้อนใหญ่ของครอบครัวก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสักสิบปี
เกื้อไม่เคยคิดมาก่อน การมีเพื่อนร่วมงานใหม่ครั้งนี้ จะนำความโชคดีเข้ามาในชีวิตของเขา
“ไม่ดีมั้งคุณ เขาให้คุณ ไม่ได้ให้ผมสักหน่อย” เกื้อยื่นเช็คคืนพบู เสียงเขาสั่นเทา
“เอาไปเถอะน่า บูไม่ได้มีความจำเป็นขนาดนั้น” พบูปฏิเสธส่ายหน้าจนผมหางม้าด้านหลังสะบัด
“ไหนคุณบอกอยากซื้อบ้าน” เกื้อพยายามทักท้วง
พบูชี้นิ้วไปที่โหลทิปของตนเอง เวลานี้เต็มและล้นลงมากองข้างๆ ประเมิณด้วยสายตา หากเธอยังได้ทิปแบบนี้ทุกคืน เจ็ดวันหลังจากนี้ สิ่งที่ฝันไว้ก็เดินมาถึงครึ่งทางแล้ว
“ตอนแรกบูว่าจะซื้อบ้านสำเร็จรูป แบบหิ้วกระเป๋าแล้วเข้าไปอยู่ได้เลยนะ แต่พอมีเวลาทบทวนแล้วนะเกื้อ บูซื้อที่ดินแถวชานเมืองแปลงเล็กๆ แล้วปลูกกระท่อมอยู่ก็ได้ ยังไงบูก็ตัวคนเดียว กินใช้ไม่เปลืองหรอกแต่...ความจริงคือ บูกำลังมองหาทางหนียัยคุณนายตันหยงนั่น ต่างหาก หากบูยังขืนอาศัยอยู่ที่เดิม บูถูกยายคุณนายนั่นจับเชือดแน่ๆ”
ตอนที่ 7.ผู้ชายปากแข็งกับผู้หญิงกวนติ่งอารมณ์
พบูหลับสนิทจนมาสะดุ้งตื่นตอนสาย เธอเหลือบมองถุงพลาสติกที่อัดแน่นไปด้วยแบงก์ดอลลาร์ หลังจากนับและแบ่งสรรปันส่วนเรียบร้อย พบูเกือบร้องไห้ เธอได้จับสตางค์จำนวนเยอะแบบนี้ครั้งสุดท้าย ก็ตอนที่ทำบัญชีในร้านขายรองเท้า แต่ทั้งหมดนั่นคือสตางค์ของเจ้าของร้าน แต่ครั้งนี้แตกต่างไป ทั้งหมดนั่นเป็นของเธอ
‘หนึ่งแสน’
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อทิปหนักๆ มาจากสองตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ ขนาดแบ่งออกเป็นสามกอง จำนวนเงินยังทำให้พบูตกใจไม่หาย
เธอรีบลุกขึ้นนั่ง ยังมีภารกิจที่ต้องทำอีกหลายอย่าง เรื่องแรกคือต้องเอาสตางค์อีกก้อนที่รับปากเกศแก้วไว้ ไปมอบให้กับเธอ จากนั้นก็หาซื้อชุดว่ายน้ำสวยๆ แล้วกระโจนลงสระน้ำ ว่ายน้ำให้ชุ่มปอด
หลายคนที่สบประมาทเธอจะได้ไม่กล้ากระแหนะกระแหนอีก
“ความจริง งานแบบนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยนะ” พบูพยายามทบทวนซ้ำ แต่แล้วเธอก็ต้องรีบเปลี่ยนใจ งานชนิดนี้สุ่มเสี่ยงกับตัวเอง ความอดทนของเธอมีไม่มากพอ หากเธอเผลอตัวขึ้นมา ทิปที่ได้วันนี้ก็ไม่พอจ่าย
ลูกค้าบนเรือลำนี้ มีทั้งเงินและอำนาจ พวกเขาไม่สนเศษสตางค์ของเธอหรอก บางทีจุดจบของเธออาจจะอยู่ในซังเตแทน
พบูอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็รีบออกมาจากเคบิน เธอมองหาเกศแก้วมาตลอดทาง “เก้าๆ เห็นเกศไหม?”
เก้ายิ้มแฉ่งเดินตรงมาหา “พี่บู เก้าขอบคุณพี่บูมากเลยนะครับ ทำไมพี่บูใจดีแบบนี้ละ” เก้าจับมือพบูเขย่าแรงๆ เขารู้ข่าวดีตั้งแต่เมื่อคืนและนอนคุยกับพี่ชายจนเกือบถึงตอนเช้า
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องอื่นสิ ตอบมาก่อนเห็นเกศไหม?” พบูส่ายหน้าทำท่าจะเดินไปอีกทาง
“นั่นไงเกศ นั่งกินข้าวอยู่ พี่บูมีธุระกับเกศเหรอครับ?”
“ไปหาเกศกัน” พบูรั้งเก้าให้เดินตาม พอหย่อนก้นลงนั่งก็ยื่นถุงพลาสติกใสที่ถือมาให้เกศ
เกศแก้วมีสีหน้าเหรอหลา “อะไรเหรอคะ?”
“ตามสัญญาไง บูเอามาให้แล้วนะ เกศน่าจะดีใจ” เก้ามองยิ้มๆ
“พี่บูรออยู่ตรงนี้ก่อนนะอย่าเพิ่งไปไหน เก้าเก็บครัวซองของลูกค้าไว้ให้”
พบูห้ามไม่ทันเพราะเก้าวิ่งฉิ่วไปแล้ว
“นี่คืออะไรเหรอคะ?” เกศแก้วไม่กล้ายื่นมือมารับ เธอจ้องถุงตรงหน้าตาไม่กะพริบ
“ทิปเมื่อคืน เพราะเกศอวยพรให้บูไง เมื่อคืนบูได้ทิปจากลูกค้าแบบถล่มทลายเลย” พบูตอบแล้วก็ยิ้มแฉ่ง
“รับไปสินังเกศ น้ำหน้าอย่างแก ไม่มีวาสนาได้แตะเงินจำนวนนี้หรอก แกโชคดีที่มีเพื่อนเสน่ห์แรงจัด” ป่านเดินเข้ามาหาและไม่วายกระแหนะกระแหน
พบูเงยหน้ามองตอบ แววตาวาววับของเธอ ทำเอาป่านหุบปากแทบไม่ทัน
“นี่มันเรื่องอะไรกันคุณ?” เกศแก้วถามต่อ
“อย่าสนใจคนอื่นเลยเกศ รับเอาไว้ แล้วอยากทำอะไรก็ทำเลย จำไว้นะเกศ เกศไม่ได้แบมือขอใครกิน คนขี้อิจฉาเท่านั้นแหละที่ไม่ยินดีกับความโชคดีของคนอื่น”
พบูพูดกับเกศแก้วแต่กระทบกับคนรอบตัวที่ตะแคงหูฟัง
เก้าวิ่งหน้าตั้งตรงมาหา เขาวางจานที่เต็มไปด้วยครัวซองหลากหลายรูปแบบ แถมยังอุ่นๆ อยู่เลย
“เก้าขออดัมแล้วนะพี่บู ไม่ต้องกลัวถูกใครดุ” เก้ารีบอธิบาย
พบูยิ้มมากขึ้น “ความจริงบูไปกินตรงบุฟเฟ่ต์ก็ได้นะ อย่าลืมสิบูเป็นลูกค้า บูมิสิทธินั่งปั้นจิ้มปั้นเจ่อตรงนั้น บูทำงานพาร์ทไทม์แค่ตอนเย็น”
“คุณอย่าเพิ่งสนใจคนอื่นค่ะ ตอบเกศมาก่อนเงินพวกนี้ตั้งใจให้เกศเหรอคะ”
เกศแก้วยังไม่หายคาใจ “ใช่ ส่วนของเธอไง วันก่อนเธออวยพรให้ฉันได้ทิปเยอะๆ ไงละ”
“มันเยอะจังเลยค่ะ”
“นี่ๆ ถึงเวลาทำงานแล้วนะ มานั่งโอ้เอ้กันอยู่ได้” ใครบางคนตะโกนลั่น เกศแก้วหันไปมองแล้วก็รีบลุกขึ้น