พบูทำงานได้จริง เอมีเสน่ห์จนลูกค้าผู้ชายวิ่งเข้าหาเธอมากกว่าเขา และกระปุกทิปที่วางอยู่ตรงหน้าพบูเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ตอบตามตรงเลยนะคะ บูถังแตกก่อนจะมาทำงานที่นี่ โดนไล่ออกจากงาน โดนคู่อริตามคุกคาม และบังเอิญได้ยินลุงเผ่าพูดเรื่องคนงานขาด บูเลยเสนอตัวมา ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมีโชคดีในตอนที่เกิดเรื่องร้ายๆ รอบตัว” พบูพูดติดตลก ทั้งที่ความจริงเป็นตลกร้าย
“ไปขัดขาใครมาเหรอครับ ท่าทางคุณไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”
พบูยิ้มมุมปาก “แค่คนรวยเอาแต่ใจน่ะ เขาคิดว่าเงินเขาจะกดให้บูยอมทำอะไรก็ได้” พบูไหวไหล่หลังจากพูดจบ
พอดีสัญญาณไฟตรงหน้ากะพริบวาบๆ “นี่คืออะไรเหรอเกื้อ?” พบูชี้ไปที่ปุ่มสีแดงตรงหน้า
“แขกVIPขอเหล้าที่เขาฝากไว้น่ะ” พบูเอียงคอมองเกื้อ
“เราจะรู้ได้ไงเขาฝากเหล้าอะไรไว้?” พบูเพิ่งเริ่มงานวันแรก เธอไม่รู้เรื่องเหล้าที่ลูกค้าฝากไว้
เกื้อยิ้มแล้วก็อธิบายด้วยความใจเย็น “บนเรือลำนี้ มีลูกค้า VIP สองเจ้าหนึ่งคือตระกูลฟลินต์ปุ่มสีแดง สองคือตระกูลเคอร์ติส สีน้ำเงิน ส่วนตู้เก็บเหล้าเขาอยู่ตรงนั้น” เกื้อชี้มือไปที่ด้านหลัง ตู้เก็บเหล้าราคาแพงบ่งบอกรสนิยมของคนฝาก “เหล้าขวดนั่นน่ะซื้อคลหาสน์ได้ทั้งหลังเลยนะ” เกื้ออธิบายต่อ
“บูต้องเอาไปส่งตรงไหนคะ?”
เกื้อชี้มือไปที่ห้องกระจกติดริมสระน้ำ “ตรงนั้น คุณอีริคมากับเพื่อนๆ ขานี้น่ะเปย์หนักมาก”
พบูพยักหน้า เปิดกระจกหยิบขวดเหล้าออกมาวางบนถาด ทำท่าจะยกไปเสิร์ฟตามหน้าที่ เกื้อส่ายหน้า รั้งมือพบูไว้ “ผมไปเองดีกว่านะ”
“ทำไมละ?” พบูถามกลับ สีหน้าบ่งบอกความไม่เข้าใจ
“คุณเองก็น่าจะรู้นะ” เกื้อกวาดมองพบูทั้งตัว
เธอถอนใจแรงๆ พร้อมกับยิ้ม “ไม่ต้องห่วงน่า บูจะพยายามไม่ทำร้ายลูกค้าตั้งแต่วันทำงานวันแรกๆ เพราะเจ้านั่น” พบูชี้มือไปที่กระปุกทิป เธอเริ่มงานได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงกระปุกทิปของเธอเต็มไปด้วยแบงก์ดอลลาล์เกือบครึ่งกระปุก
กื้อหัวเราะ แล้วก็หัวเราะมากขึ้น “ของดีมีไว้อวด แต่บูไม่จำเป็นต้องขายนี่คะ” คำตอบของพบูยืนยันความเป็นตัวตนของเธอ พอพบูออกไปยืนด้านนอก เป็นตามคาด เสียงเป่าปากดังตลอดเวลาที่เธอเดินไปยังห้องกระจกของบรรดาลูกค้า VIP พบูยิ้มประหนึ่งตนเองเป็นนางงาม เธอทิ้งหางตาและโปรยเสน่ห์เต็มที่ หากถามพบูตอนนี้ เธออายไหม? ตอบได้ในทันที อายสิ เธอไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน แต่ครั้งนี้แตกต่าง เรือสำราญนี่ไม่ใช่บาร์เหล้าทั่วไป ลูกค้าจะพลัดเปลี่ยนไปเรื่อย เธอไม่มีทางโคจรมาเจอพวกเขาอีก นี่จะเป็นครั้งเดียวที่เธอจะได้เจอคนเหล่านี้ พบูทิ้งสะโพกรั้งจังหวะให้ช้าลง แถมบางครั้งก็หันไปสบตาลูกค้าใจกล้าบางรายที่เป่าปากดังลั่น
อีริคจับตามองพบูตั้งแต่ได้ยินเสียงเกลียวกราว เขาเขม่นมองและเผลอหลงเสน่ห์พบูเต็มเปา ขนาดกวาดแบงก์ดอลลาร์ที่วางไว้ตรงหน้า ใส่ถาดให้พบูไปทั้งหมด
“เธอจะมาหาฉันอีกไหม?” อีริคกระซิบถาม
พบูกะพริบเปลือกตา “ถ้าคุณสั่งเครื่องดื่ม ฉันก็คงต้องมาเสิร์ฟค่ะ” พบูตอบตามจริง หากชายตรงหน้ากดสั่งเครื่องดื่ม และเป็นหน้าที่ที่เธอต้องรับผิดชอบ พบูก็คงต้องมา แม้เธอจะรู้สึกสะอิดสะเอียดเต็มทน
ขากลับพบูซอยเท้าถี่ๆ เธอแทบกลั้นความยินดีไม่ไหว ตอนที่เปิดประตูเตี้ยๆ เขาไปอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์ พบูทรุดนั่งยกมือปิดปากกลั้นเสียงกรี๊ดร้อง
เกื้อโคลงศีรษะ อดอมยิ้มกับท่าทางน่าเอ็นดูนั่นไม่ได้
“เกื้อฉันไม่กล้านับเลย ฉันรวยแล้ว!!” หลังกรีดร้องจนพอใจ พบูก็ยิดตัวยืน ยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันครบทุกซี่
“บอกแล้ว ขานั้นเป็นสายเปย์ตัวพ่อ”
“เดี๋ยวบูแบ่งให้เกื้อด้วย บูกลัวดีใจจนตายก่อนได้ใช้เงิน”
เกื้ออึ้งไปชั่วครู่ บัดดี้ที่แล้วๆ มาไม่มีสักคนที่คิดจะแบ่งทิปให้เขา ส่วนใหญ่มาเพื่อกอบโกยทั้งนั้น
“เกื้อๆ ทั้งหมดนี่เกือบแสนเลยนะ หากบูได้ทิปแบบนี้ทุกคืน ลงจากเรือนี่ บูซื้อบ้านหลังเล็กๆ ให้ตัวเองได้เลยนะ” พบูพูดเสียงสั่น วาดฝันในอากาศด้วยความดีใจ
เกื้อขมวดคิ้ว หากพบูเอาดีทางนี้ เธอไม่ต้องลำบากไปอีกทั้งชีวิตยังได้ ผู้หญิงที่มีหน้าตาเป็นทรัพย์ ความปรารถนาของเธอมากกว่านี้ก็ยังได้
“ไม่เสียดายสตางค์เหรอแบ่งให้ผมน่ะ” เกื้อชงเครื่องดื่มตามลูกค้าสั่งแล้วก็กระซิบถามพบู
“เสียดายทำไม ทำงานด้วยกันแบ่งกันก็ถูกแล้ว” พบูตอบ แล้วก็หันไปคุยกับลูกค้าที่มายืนออหน้าเคาน์เตอร์บาร์ของเธอ
อคติในใจเกื้อหายเป็นปลิดทิ้ง เขารู้สึกวางใจเพื่อนร่วมงานคนนี้ มากกว่าเพื่อนร่วมงานคนก่อนๆ หลายเท่า
“เกื้อพักเบรกตอนไหนเหรอ บูต้องไปกินมื้อเย็นที่ไหน?”
เรื่องที่พบูถามมีแต่เรื่องของกินกับเวลาพัก เธอทำงานได้อย่างดีไม่มีข้อตำหนิ ไม่เคยอ่อยลูกค้ารายไหนเลย ทั้งที่ลูกค้าของพบูทอดสะพานให้เธอเต็มที่
“พลัดกันพักนะ บูจะไปตอนหกโมงหรือหนึ่งทุ่มละ ต้องมีคนเฝ้าเคาน์เตอร์คนหนึ่ง”
พบูพยักหน้า “เกื้อเคยพักตอนไหน?”
“ผมพักตอนหนึ่งทุ่มก็ได้ คุณหิวหรือเปล่าละ ความจริงคุณมีสิทธิ์ไปกินที่บุฟเฟ่ต์ได้นะ แต่สวมชุดพนักงานแบบนี้คงไม่เหมาะ เดินเลยไปทางด้านหลังจะเป็นโซนที่จัดไว้ให้พนักงาน เซฟที่นี่ใจดี อาหารของลูกค้าหรือพนักงานก็อร่อยเหมือนกันหมดแหละ” เกื้ออธิบายคร่าวๆ
“ตอนเช้า ถ้าบูไม่ได้สวมชุดพนักงาน บูไปกินบุฟเฟ่ต์ได้ใช่มั้ย?” พบูถามแล้วก็ยิ้มแผล่
“ได้สิ คุณเป็นลูกค้านี่ ถึงตอนนี้จะเป็นแค่บาร์เทนเดอร์” เกื้อตอบแล้วก็หัวเราะ เขาไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป
พอดีไฟสีแดงสว่างวาบขึ้นมาอีก พบูย่นจมูก เบ้ปากแล้วก็ชี้มือให้เกื้อดู “ครั้งนี้คุณไปนะเกื้อ บูไม่ไปแล้ว” เกื้ออดงงไม่ได้ พบูกวาดทิปจากอีริคมาไม่น้อย หากเธอโลภสักนิดคืนนี้เธออาจจะได้บ้านสักหลังเป็นรางวัล ไม่ต้องยืนขาแข็งถึงเจ็ดวันเลยด้วยซ้ำ
“ตามใจ” เกื้อตอบรับด้วยความยินดี
คล้อยหลังเกื้อไม่ถึงห้านาที ปุ่มสีน้ำเงินก็กะพริบวาบๆ “ฉิบหายแล้ว สีน้ำเงินตรงไหนนะ?” พบูบ่นพึมพำ เธอฉวยสมุดโน้ตมาเปิดอ่าน แล้วก็หันไปหยิบเครื่องดื่มจากตู้กระจกวางลงบนถาด
ตอนที่ 5.เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวายร้าย
พบูพยายามภาวนาเศรษฐีตระกูลเคอร์ตีสคงไม่ใช่ชายผู้นั้น ผู้ชายอันตรายที่พบูไม่ควรเข้าใกล้ เสน่ห์ของเขารุนแรงกว่าผู้ชายหลายคนที่พบูเคยรู้จัก แต่แล้วพบูก็ต้องผิดหวัง ทั้งที่ภาวนามาตลอดทาง โซฟาครึ่งวงกลมมีชายผู้นั่งเป็นจุดศูนย์กลาง ขนาบข้าวด้วยผู้หญิงที่พบูรู้สึกคุ้นหน้าดี หากความจำมึคลาดเคลื่อนพบูเคยเห็นหญิงผู้นี้ในบรรดาพนักงานเสิร์ฟของเรือลำนี้
พบูถอนใจ ย่อตัวลงและประคองขวดเหล้าที่น่าจะมีราคาแพงหูฉี่วางลงบนโต๊ะ
“สนใจนั่งดื่มด้วยกันก่อนมั้ย?”
อาเชอร์ยังปากไม่ทัน เขาลงทุนชวนด้วยตัวเองและไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนั้น
“ขอบคุณค่ะ ตอนนี้คงไม่สะดวก ฉันยังอยู่ในเวลางาน” ดีนถึงกับหันมามองหญิงตรงหน้าเต็มตา แล้วก็ครางในลำคอ ไม่แปลกใจเลยทำไมอาเชอร์ถึงสนใจหญิงผู้นี้
ผู้หญิงสาวสวยสะดุดตา รูปร่างปลุกใจระดับสิบ ผมของเธอสีดำนิลเงาวับ แต่กลับถูกขมวดไว้หลังท้ายทอย โครงหน้ารูปไข่เรียวยาว จมูกโด้งรับกับริมฝีปากสีระเรื่อ ดีนแน่ใจว่าหญิงผู้นี้แทบไม่ได้แต่งเติมอะไรเลย ผิวหน้าเกลี้ยงๆ ของเธอไร้เครื่องสำอาง แต่กลับสวยซึ้งสะกดใจ
“ถ้าไม่รังเกียจ ลองดื่มสักแก้วก็ได้นะ” ดีนสัพยอก เขายื่นแก้วของตัวเองให้กับหญิงผู้นั้น
พบูฝืนยิ้ม “อย่าเลยค่ะ ฉันยังไม่อยากตกงาน”
ดีนไหวไหล่ หยิบสตางค์บนโต๊ะ ทำท่าจะยัดใส่อกเสื้อพบู เธอขยับหลบได้แบบฉิวเฉียด แบงก์ดอลลาล์หล่นลงบนพื้นจนป่านต้องรีบไล่ตะครุบ
“ทำไมเธอเสียมารยาทแบบนี้” ป่านหันไปกระซิบเสียงเครียดกับพบู
“ฉันทำอะไรเหรอ?” พบูย้อนถาม เธอกลั้นความโกรธไว้สุดฤทธิ์ พยายามท่องในใจ ความอดทนจะทำให้เธอผ่านเหตุการณ์วิกฤตินี่ไปได้