“ท่านแม่ดูเถิด เพียงแค่มาถึงเรา ก็ขายได้เงินมากมายถึงเพียงนี้แล้ว หากว่าพวกเราหาของได้เยอะขึ้น ไม่แน่ว่าพวกเราอาจตั้งตัวได้ เปิดร้านใหญ่โตที่นี่ได้เลยนะ ท่านคิดเช่นข้าหรือไม่”
เจ้าลิ่วพูดด้วยท่าทางดีใจ ทั้งยังนอนทับเงินที่ขายได้ในวันนี้อย่างสบายอารมณ์ มี่ฮวนเห็นแล้วก็เดินไปที่หลังบ้าน ยกเอาอาหารที่หาซื้อมามากมายมาวางตั้งโต๊ะเพื่อกินด้วยกัน พลางกล่าวเตือนลูกไปด้วย
“อย่าเพิ่งโลภมาก ค้าขายย่อมต้องมีขายได้บ้าง ขายไม่ได้บ้างเจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป เผื่อใจไว้วันที่เราขายไม่ได้ด้วย”
มี่ฮวนเอ่ยเตือนบุตรชาย ครั้งแรกๆ ที่นางขายสมุนไพรได้มากๆ ก็เคยคิดอย่างนั้น แต่แล้วก็ได้บทเรียนสอนตนเองว่าอาชีพค้าขายนั้นล้วนไม่แน่ไม่นอน บางวันขายได้ บางวันขายไม่ได้ก็มี เมื่อคิดถึงเรื่องหนึ่งได้จึงถามเจ้าลูกวัวของตน
“เจ้าไม่อยากไปเรียนเขียนอ่านหรอกหรือ”
“เหตุใดท่านแม่จึงถามเช่นนี้ ข้าอยากช่วยท่านแม่มากกว่า”
นางมองลูกด้วยสายตาสงสาร
แม้ว่าเขาจะมีร่างกายใหญ่โตราวกับชายหนุ่ม แต่แท้ที่จริงอายุเพียงแค่สิบปีเท่านั้น อาจจะอยู่กับนางเพียงสองคน นางพาลูกทำมาค้าขายตั้งแต่จำความได้ จึงได้มีความคิด ความอ่านราวกับเป็นผู้ใหญ่
“เจ้าก็ยังเป็นเด็กอยู่”
“ข้าไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะท่านแม่” เจ้าลิ่วของนางโต้เถียงกลับเร็วไว ทั้งยังทำท่าเลียนแบบการต่อสู้อวดสายตานางอีกด้วย มี่ฮวนยิ้ม มองเจ้าตัวดีด้วยสายตาเอ็นดู
“แม้ร่างกายของเจ้าจะสูงใหญ่กว่าผู้อื่น แต่อายุเพียงแค่สิบปีเท่านั้นนะเจ้าลูกวัว เอาเถิด ไว้แม่จะมองหาโรงเขียนอ่านไว้ให้เจ้า เช่นนั้นดีหรือไม่”
เจ้าลิ่วใช่ว่าไม่อยากเรียนเขียนอ่าน ตั้งแต่จำความได้ก็ช่วยแม่ทำมาค้าขายหากินมาตลอด เห็นเพื่อนๆ ด้วยกันไปโรงเขียนอ่านตนก็อยากไป แต่อยากช่วยท่านแม่มากกว่า
และเมื่อท่านแม่อยากให้เขาไป เขาก็จะไป
จึงพยักหน้าให้ท่าน
มี่ฮวนเห็นลูกเช่นนั้นก็ยกมือลูบผมของเขาอย่างรักใคร่สุดหัวใจ “เช่นนั้นก็รอพรุ่งนี้ก่อน แม่จะไปถามหาให้เจ้าเอง”
“หลับลึกแน่นอนเจ้าค่ะ หากได้กินแล้วรับรองได้ว่าจะไม่ฝันร้ายใดๆ ตื่นมาแล้วก็จะอยากทำงาน ไม่ง่วง ไม่หาวอยากนอนเป็นอันขาด”
“ขายเท่าไรหรือแม่หนู”
แหม่ นางชอบคำเรียกนี้จริงๆ เลย แม้จะมีอายุแล้ว มีบุตรชายโตถึงขนาดนี้แล้ว แต่พอถูกเรียกว่า ‘แม่หนู’ ทำให้รู้สึกดีทีเดียว
“ขายเพียงมัดละ 10 อีแปะเท่านั้นท่านน้า”
“อย่างนั้นข้าเอาหมดนี่เลย”
หญิงผู้นั้นเหมายาบำรุงทำให้นอนหลับสบายของนางไปจนหมด มีเหลือเพียงยาอีกตัวที่ขายเท่าไรก็ไม่ค่อยได้
แต่ไม่เป็นไร ขายตัวนี้ได้หมด นางก็ดีใจแล้ว
มี่ฮวนยกมือคำนับลูกค้าหลังจากยัดเงินเข้าในช่องเสื้อตรงอกเบียดยาและของที่พกติดตัวมาจัดระเบียบเงินแล้วก็พึมพำเบาๆ ว่าตนไม่เสียแรงแล้ว ที่ตัดสินใจย้ายมาค้าขายที่เมืองนี้
มี่ฮวนยิ้มอย่างสุขใจ นางเก็บของเสร็จแล้ว ตั้งใจว่าจะเดินหาอาหารดีๆ นำไปกินกับลูกให้หนำใจเสียหน่อย ก่อนออกมาขายของตรงนี้ มี่ฮวนไล่ถามผู้คนมาหลายราย เรื่องของโรงเขียนอ่าน ได้ความว่ามีหลายที่ บัดเดี๋ยวจะต้องพาเจ้าลูกวัวไปเริ่มเรียนบ้างแล้ว
วันนี้นางกับลูก ต่างคนต่างแยกกันขาย
ป่านนี้แล้ว เจ้าลูกวัวคงขายจนหมด กลับถึงบ้านไปแล้ว เจ้านั่นขายของเก่งกว่านางเสียอีก คงขายได้จนหมด แต่ถึงขายไม่หมดก็ไม่เป็นอันใด พรุ่งนี้นางค่อยนำไปขายใหม่ก็ได้ ยาสมุนไพรของนางนั้นตากแห้งมาแล้ว สามารถเก็บได้เป็นปีๆ
ขณะเดินหาวัตถุอย่างดีไปทำอาหาร นางก็หลงเข้าไปในตรอกหนึ่ง ตรอกนั้นผู้คนแต่งกายแปลกตา และเมื่อได้คำตอบกับตนไปว่า ที่นี่คือเมืองท่า ย่อมต้องมีผู้คนจากเมืองต่างๆ มากมายหลั่งไหลกันมายังที่แห่งนี้ มี่ฮวนจึงเลิกใส่ใจ
นางหยุดเพื่อถามหาทางออกจากตรอกแห่งนี้ แล้วถึงได้พบหญิงงามแต่งกายยั่วยวน หญิงผู้นั้นหัวเราะด้วยเสียงแหลมสูง แล้วทำท่าวิ่งหลบชายที่มีทั้งหนุ่มทั้งแก่วุ่นวายที่ในตรอก
มิใช่ว่าที่นี่คือตรอกสำหรับหาความสำราญของเหล่าชายหญิงกันหรอกหรือ
มี่ฮวนคิดได้เช่นนั้นแล้วก็ก้มลงควานหายาที่นำติดมาที่ในอกเสื้อของตนออกมารอท่า นานแล้วที่นางผสมยาผงพวกนี้ขึ้นมา แต่ขายเท่าไรก็ขายไม่ออก
มิสู้ลองนำมาขายให้คนในตรอกนี้ดู อาจได้เงินอีกสักหน่อยกลับเข้าบ้าน
คิดได้เช่นนั้นแล้ว มี่ฮวนตรงไปยังชายร่างสูงที่ยืนหันหลังให้นาง ในมือของอีกฝ่ายมีจอกที่คงเป็นเหล้า ขยับยกจิบกันเรื่อยๆ อยู่ตรงหน้าร้านดูเหมือนหอคณิกา
นางอ้าปากเตรียมขายของแต่แล้วก็ค้างปากอ้าไว้แบบนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของชายตรงนั้นสนทนากัน
“คำทำนายในตำราอันใดนั่น ไม่เป็นความจริง”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น ขนาดว่าต้นโม่วยีก็ยังเอามันไม่อยู่ หากเลือดผสมสามารถฆ่าเจ้าสำนักไฮว่ชั่ว แล้วคิดหรือว่าตัวมันเองจะไม่รู้เรื่องนี้”
“แต่ข้าคิดว่าได้ อย่างที่มันพูดตอนกลับมาว่ามีคนปล่อย นั่นก็แสดงว่าต้นโม่วยีสามารถปล่อยพลังใส่มันได้จริง แต่มีใครสักคนที่อาจเป็นหนอนลอบเข้าไปช่วยมัน เช่นนั้นแล้ว หากว่าเราหาเลือดผสมมาได้ ข้าคิดว่าก็น่าจะฆ่ามันได้อีกครั้ง”
“เช่นนั้นแล้ว เหตุใดไม่หาหญิงสาวสักคน หลับนอนกับมัน จนมีลูกแล้วค่อย...” เสียงนั้นยังกล่าวไม่จบ อีกเสียงก็ตวาดใส่ทันที
“เจ้าคิดว่าง่ายเช่นนั้นหรือ”
“หากคิดว่าจะทำได้ง่ายๆ เช่นนั้น มันคงไม่มีวันรอดมาถึงตอนนี้”
มี่ฮวนยกมือวาดไปกับลำตัวของตนคล้ายกอดตัวเองไว้เบาๆ นางรู้สึกเสียววาบตรงของที่ซุกอยู่ในอก ตัวของสั่น ขาของนางเองก็สั่น มี่ฮวนหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นช้าๆ เบาเสียงมากที่สุด แล้วอย่างไรก็ไม่รู้ นางเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปเรื่อยเปื่อย ก็ปรากฏว่าออกมาจากตรอกแห่งนั้นได้
ตอนที่หลุดออกมาจากตรอกนั้น มี่ฮวนอดนึกถึงสิ่งที่ได้ยินมามิได้
ชายที่สนทนาด้วยเรื่องแปลกประหลาดเหล่านั้นพูดคุยเรื่องใด เหตุใดจึงกล่าวถึงต้นโม่วยี
จากทีแรกที่นางคิดจะเข้าไปขายยาเพิ่มพลังชายให้คนกลุ่มนั้น กลับต้องเปลี่ยนใจ ดูท่าชายทั้งสามคนคงมิสนใจยาของนาง
มิสู้ถอยออกมา น่าจะปลอดภัยมากกว่า