“เจ้าค่ะนายท่าน ข้าก็ทำเช่นนั้นอยู่”
มี่ฮวนตอบแล้วบรรจงปอกเปลือกผลไม้ราคาสูงเนื่องจากเป็นผลไม้ต่างเมืองตามคำสั่งไปพลาง
“กำลังทำอยู่อาไร้” เสียงพูดเหน็บดังอยู่ตรงข้ามของนางนี่เอง “ปอกเปลือกเสียหนาเช่นนั้น”
มี่ฮวนวางมีดและผลไม้ลง เอ่ยแก้ต่างให้ตนเอง “ข้าไม่ได้ปอกหนานะเจ้าคะ...”
“หากไม่ฟังคำข้าก็ออกไปเสีย ไปให้พ้นๆ โรงผลไม้ตากแห้งของข้าไม่รับพูดยากอย่างเจ้า”
นี่มิใช่ครั้งแรกที่นางถูกไล่ ตั้งแต่ท่านป้าเสีย บุตรสาวก็บอกว่าจะเก็บค่าที่พักและค่ากินของนางกับลูก ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังค้างค่าจ้างนางอีกด้วย
ได้ยินว่าตนถูกไล่ซ้ำๆ มี่ฮวนเองก็ไม่คิดว่าตนจะต้องทนอีกต่อไป
“ข้าไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ท่านยังไม่ได้จ่ายเงินค่าจ้างที่ค้างไว้สองวันก่อนนี้เลยนะเจ้าคะ”
“ต้องจ่ายเงินให้เจ้าอีกทำไม ไหนจะค่ากิน ค่าที่พักก็หักไปเสียสิ ออกไป! ไป! ไปหางานที่อื่นทำได้แล้ว อยู่ก็ขวางหูขวางตา เงินจ้างเจ้า ข้าจ้างคนได้อีกตั้งสามสี่คนเชียวนะ”
มี่ฮวนถูกไล่ออกและโกงเงินจนได้ แต่ก่อนจะไปนางก็แอบหันหลังไปคว้าเอาเปลือกผลไม้แสนแพงนั่น ยัดใส่ลงในถุงที่อกเสื้อ นำออกมาด้วย
ไหนๆ ค่าจ้างก็ไม่ได้แล้วนี่นา
แท้จริงแล้วนางเองก็จงใจปอกเปลือกให้หน้าเข้าไว้นั่นเอง นางทำเช่นนั้น เพราะไม่มีเงินมากพอ เจ้าลิ่วของนางเห็นเศษผลไม้เหล่านั้นตกพื้น ก็เก็บเข้าปากกิน ก่อนจะเข้ามากระซิบบอกนางว่าผลไม้นี้อร่อยนัก ไม่ว่าสิ่งใดที่ลูกชอบ มี่ฮวนจะสรรหาให้เสมอ
คราวนี้ก็เช่นกัน เมื่อออกมาจากบ้านของนายจ้างแล้ว นางกับลูกขออาศัยนอนที่วัดไปก่อน ถึงตอนเช้า นางรีบนำเปลือกผลไม้ราคาแพงพวกนั้นที่แอบเก็บมา ไปตากให้แห้ง เพียงสองแดดก็พอแล้ว ค่อยนำไปให้เจ้าลิ่วของนางกิน
“เจ้าลิ่วของแม่กินเยอะๆ”
มี่ฮวนบอกลูกชายของตนที่อายุเพียงสี่ปีเท่านั้นแต่ตัวโต สูงใหญ่เท่าๆ กับเด็กคนที่อายุสิบปีแล้ว ที่น่าเจ็บใจเจ้าลิ่วของนางมักจะถูกกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง นางจึงหอบเอาลูกไปไหนมาไหนด้วยเสมอ ลูกของนางจึงไม่ค่อยมีเพื่อน
เอาเถิด เจ้าลิ่วของนางมีนางเพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว
“ท่านแม่กินด้วยกัน” เสียงเจ้าลิ่วบอกนางตอนที่นำเปลือกผลไม้ติดเนื้อตากแห้งยัดอยู่เต็มปาก
“เจ้ากินเถิด”
มี่ฮวนบอกลูก นางเห็นลูกกินอิ่ม นอนหลับ โตวันโตคืนเช่นนี้ก็สุขในหัวใจของคนเป็นแม่มากพอแล้ว นางอดก็ช่างปะไร ขอแค่ลูกอย่าได้อดยากก็พอ
ลูบผมลูกด้วยความรักเต็มหัวใจแล้วนางก็ค่อยจัดเก็บของที่นำติดตัวมาด้วย เห็นตำราแพทย์ที่แอบหยิบออกมาครั้งถูกไล่จากโรงหมอครั้งนั้น ดวงตาสุกใสที่ทอแววอ่อนล้าพลันสว่างไสวขึ้น
ตอนนั้นเองที่สมองของนางคิดหาทางหาเงิน หาทางหาอาหารให้ลูกกินได้แล้ว นางไม่ได้สิ้นไร้หนทางนี่นา คิดได้ดังนั้นใบหน้าที่เติบโตอีกหลายส่วนค่อยผุดรอยยิ้มขึ้นตรงมุมปาก จากนั้นเองมี่ฮวนก็เปลี่ยนเส้นทางทำมาหากินตั้งแต่นั้นมา
“ฉิวฉ่งเป็นสมุนไพรที่ทุกคนควรกิน”
เสียงขายของที่เต็มไปด้วยวาจาชัดเจนไม่มีติดขัดแม้เพียงนิดกล่าวถึงสรรพคุณของต้นยาในมือ ทำเอาคนที่สัญจรผ่านไปมาต้องหยุดเพื่อมองยังเจ้าของเสียงนั่น
“เพราะเหตุใดจึงต้องกินต้นพวกนี้ อย่างที่เจ้าว่าด้วยเล่า”
ชายร่างสูงกว่าไม่มากหยุดยืนมองผู้ขายที่ตัวเกือบเท่ากันกับตนนานแล้ว คนผู้นี้มีใบหน้าคล้ายกับเด็กชาย อายุก็ไม่น่าจะเกินสิบปี แต่ร่างกายนั้นสูงใหญ่ราวกับชายโตเต็มวัย
“มันช่วยให้นายท่านไม่ต้องหนาวเหน็บมากนักในอีกสองเดือนข้างหน้านี้อย่างไรเล่า ปีนี้ท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาเอี๋ยหรุ่นทำนายเอาไว้ ท่านได้อ่านหรือยังขอรับ”
คนขายเอ่ยถามแล้วก็รอจังหวะขายของ เมื่อเห็นลูกค้ายืนส่ายหน้าว่ายังมิได้อ่านคำทำนายของท่านผู้เฒ่าชื่อดังที่ว่านั่นก็รีบเอ่ยต่อ
“ท่านผู้เฒ่าท่านกล่าวไว้ว่าปีนี้นั้นจะหนาวมากๆ ขอรับ พืชไร่ล้มตาย โรคระเบิดไม่ทราบชื่อจะแพร่กระจายจนคร่าชีวิตคน หากนายท่านไม่รีบซื้อวันนี้ พรุ่งนี้ราคาอาจขึ้นไปไกลแล้วก็ได้นะขอรับ ต้นฉิวฉ่งหาไม่ยากก็จริงแต่ก็หามิได้ง่ายๆ”
“เจ้าขายเท่าใด” ชายที่ยืนจ้องอยู่เอ่ยถามราคาในที่สุด
“ต้นละ 20 อีแปะขอรับ ถ้าเอาหมดนี่เลยก็ 30 ตำลึงขอรับ”
“ต้นละ 20 อีแปะ หมดนี่ 30 ตำลึง มันจะไม่แพงไปหน่อยหรือเจ้าหนุ่ม” ชายผู้นั้นรู้ราคาต้นฉิวฉ่งเป็นอย่างดี เพราะตนเปิดร้านขายยาเช่นกัน แต่ร้านของตนนั้นขายที่ในเมืองหลวง อีกทั้งยังมีร้านขายยาที่ต่างอำเภออีกเป็นสิบๆ แห่ง ได้ยินว่าที่อำเภอนี้เป็นแหล่งเพาะปลูกของต้นฉิวฉ่ง ก็น่าจะได้มาในราคาที่ไม่แพงมาก จึงดั้นด้นมาถึงที่นี่เพื่อรวบรวมยาชั้นดีไปขายทำกำไรอีกต่อ
มิคิดมาก่อนว่าจะโชคดี เจอราคาถูกกว่าที่ตนเคยหาได้เกือบเท่าตัว แต่ถึงอย่างนั้น ก็น่าจะราคาต่ำกว่านี้อีกหน่อย หากราคาให้ต่ำลงกว่านี้ได้ตามที่ใจอยาก ก็จะรีบรับเอาไว้ทั้งหมด
ตั้งแต่เดินดูต้นฉิวฉ่งมาตามร้านรวงในนี้มา เขาพบว่าของเจ้าหนุ่มคนนี้ดูดีที่สุด ทั้งยังราคาไม่แพงมากอีกด้วย ก่อนหน้านี้ตนผ่านมาหลายเจ้า ราคาแพงกว่านี้อีกเกือบเท่า ทั้งลำต้นและใบก็ยังเล็กแกร็นไม่สวยแบบเจ้านี้ ว่าแล้วจึงเล่นลูกไม้กดราคากับเจ้าเด็กหนุ่มนี่เสียหน่อย
“ราคาสูงเช่นนี้ ข้าไปเอาของป้าทางร้านโน้นดีกว่า”
เด็กหนุ่มร้อนใจทันทีรีบเอ่ยถามอย่างเอาใจลูกค้า “นายท่านต้องการที่ราคาเท่าไรหรือขอรับ”
“ทั้งหมดนี่เลยข้าให้ 25 ตำลึงเงิน”
ได้ยินราคาเหมารวมเช่นนั้น คนขายได้แต่หน้าเสีย กล่าวเสียงอ่อยไปว่า“ราคานั้นคงไม่ได้หรอกขอรับนายท่าน”
“เช่นนั้นข้าไม่เอา”
“ท่านไม่เอาหรือ เช่นนั้นข้าเอาเอง ข้าให้เจ้า 50 ตำลึงเลยเจ้าหนู” เสียงนั่นมาจากหญิงคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของชายที่ยืนต่อรองราคาต้นฉิวฉ่ง นางกระชับผ้าคลุมหน้าพร้อมเอ่ยอย่างใจใหญ่