“เจ้านายของคุณไปไหน”
เจ้าของเรือนร่างสวยได้รูปราวกับหลุดออกมาจากรูปวาดที่มีนักวาดตั้งใจวาดเธอขึ้นมาด้วยห้วงจินตนาการที่กำลังคิดถึงนางฟ้านางสวรรค์เดินออกมาจากภายในห้องนอนเหมือนกับในทุกๆวันด้วยความเบื่อหน่าย
นี่ก็นับว่าเป็นเวลาเกือบครึ่งปีได้แล้วที่เธอมีชีวิตที่มันน่าเบื่อบนความสะดวกสบายที่มีพ่อบ้านที่ชื่อโชเป็นคนดูแลอย่างใกล้ชิด
และนับตั้งแต่เมื่อสองเดือนกว่าแล้วได้แล้วที่เธอแทบไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของบ้านหลังนี้หลังจากที่เธอเอ่ยปากไล่เขาในคืนวันนั้น
ก็ทำเอาเธอต้องมาถามหาคนที่ทำตัวเหมือนตั้งใจหลบหน้าเธอนั้นอย่างคนเกือบจะเสียหน้า เพราะคิดว่าเขาอาจตายไปแล้วถึงได้ไม่โผล่หน้ามายั่วโมโหเธอเลย
“ไปทำงานครับ”
โชมีคำให้กับนายหญิงของเขาได้แค่นี้ ทั้งที่อยากพูดอะไรมากมายออกมา แต่ทว่าเขาทำเกินหน้าที่ไม่ได้มันเป็นกฎของเขา
“อ่อ นึกว่าย้ายบ้านไปแล้วเสียอีก”
“คุณปภินดาอยากพบนายเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมรายงานให้นะครับ”
“เปล่า ฉันก็แค่ถามดูเฉยๆ กลัวว่าเขาจะหนีไปก่อนจะถึงวันหย่า ฉันกลัวมีปัญหารำคาญใจขึ้นมาอีก”
กลบเกลื่อนเรื่องที่ตัวเองไปถามเรื่องขอคนอื่นด้วยการเปลี่ยนเรื่อง เอาเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอขึ้นมาพูด เพราะมันก็เหลือระยะเวลาอีกไม่กี่เดือนแล้วเธอก็จะได้หย่าขาดจากเขาสักที
“ครับ”
โชพยักหน้าเล็กน้อยอย่างรับรู้ แต่ทว่าก็กลับแอบยิ้มเล็กน้อยไปด้วยเมื่อเริ่มเห็นความห่วงใยที่หญิงสาวมีให้ต่อเจ้านายของเขา
“เออ คุณพ่อบ้าน”
ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงที่โต๊ะอาหารตามเดิมเพื่อเริ่มต้นมื้อเช้าที่ยังมีอาหารอย่างสมบูรณ์เต็มโต๊ะนั้น เธอเรียกรั้งตัวพ่อบ้านโชเอาไว้ ด้วยยังมีเรื่องที่จะพูดคุยกับเขาต่อก่อนที่เขานั้นจะหายตัวไปทำงานในส่วนของเขา
“ครับ”
“ไม่ต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนนะ มันยังไม่สกปรก เอาไว้ถึงเวลาเมื่อไหร่แล้วฉันจะบอก”
ปภินดาที่ในช่วงนี้เธอนั้นนอนไม่ค่อยหลับไม่รู้สาเหตุมาจากอะไร อาจเป็นเพราะเธอมีความเครียดเล็กๆเกิดขึ้นมั้งด้วยการที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวแทบไม่มีใครคุยด้วยภายในบ้านหลังใหญ่ๆเป็นเวลานาน
เธอเลยหามองหาตัวช่วยที่จะทำให้นอนหลับได้ดีขึ้นอย่างการสูดกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากที่นอนและมันก็ได้ผล เธอนั้นหลับสนิทมากขึ้น
การบำบัดอาการนอนไม่หลับของเธอได้ผลดีแต่มันยังไม่หายดีเธอก็เลยยังอยากจะได้สูดกลิ่นน้ำหอมอ่อนที่มันคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้กลิ่นนี้ที่ไหนนั้นต่อไปอีกสักระยะเพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับของเธอให้มันหายสนิทไปเสียเลย เพราะรู้สึกว่าทุกครั้งที่ถูกเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกลิ่นนั้นมันจะจางหายไปทุกทีเลย
เธอก็เลยเลือกที่จะไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอน คิดอยากจะสะสมกลิ่นที่เกิดขึ้นเองนั้นเอาไว้ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง
“ครับ”
โชก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อรับคำสั่งนั้นอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
“แล้วมื้อกลางวันนี้กับมื้อเย็นไม่ต้องเตรียมอาหารนะ ฉันว่าจะออกไปกินข้าวกับเพื่อนสักหน่อย”
แล้วนอกจากจะมีกลิ่นบำบัดอาการนอนไม่ค่อยหลับของตัวเองแล้ว เธอก็คิดอยากจะออกไปข้างนอกด้วย เพื่อออกไปหาอะไรทำบ้างลดความเครียดสะสมของตัวเอง
“ให้คนของเราขับรถไปให้นะครับเพื่อความปลอดภัยของคุณปภินดา”
โชเสนอคนขับรถที่ถูกเตรียมพร้อมเอาไว้สำหรับนายหญิงของบ้านให้กับเธอ เพราะนายของเขามีคำสั่งห้ามเธอออกจากบ้านเพียงลำพังเป็นอันขาด
แถมด้วยการมีบอดี้การ์ดติดตามตัวเธอแบบระยะไกลๆอีกด้วยเพื่อดูแลความปลอดภัยของเธอ แต่เรื่องนี้เขาบอกกับเธอไม่ได้
“ก็ได้”
ปภินดายินดีรับข้อเสนอนั้น เพราะมันก็ดีกับเธอที่ไม่ต้องลงแรงขับรถด้วยตัวเองให้ต้องเหน็ดเหนื่อยกับรถติดที่ถนนด้านนอกนั้น
และหลังจากจบมื้อเช้าที่เธอรีบกินอย่างรีบร้อนนั้น เธอก็รีบออกจากบ้านไปหาบรรดาเพื่อนๆทั้งหญิงและชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาสักระยะใหญ่ๆได้แล้ว
เธอใช้เวลาอยู่ด้านนอกนั้นค่อนข้างมากพอสมควร เรียกได้ว่าออกไปตั้งแต่เช้าจรดเที่ยงคืนเลยก็ว่าได้ เพราะยิ่งคุยกับเพื่อนๆก็ยิ่งเพลิดเพลินจนหยุดไม่ได้ จากร้านอาหารที่นัดกันเพื่อไปจะไปกินข้าวยาวไปจนย้ายไปผับเพื่อดื่มกิน
กว่าเธอจะได้ฤกษ์กลับบ้านที่เธอเรียกมันว่ากรงทองที่ใช้ขังนกน้อยอย่างเธอเวลาก็เกือบจะก้าวข้ามวันใหม่ไปแล้ว
โชคดีที่มีคนคอยขับรถให้ก็เลยไม่อันตรายอะไร ไม่อย่างนั้นเธอที่เริ่มเมามาเล็กน้อยคงต้องเปิดโรงแรมนอนข้างทางไม่มีทางกลับถึงบ้านอย่างแน่นอน
“ถึงบ้านแล้วครับคุณปภินดา”
คนขับรถเอ่ยเรียกปลุกนายหญิงที่หลับอยู่หลังรถเบาๆเมื่อเขานั้นทำหน้าที่ขับรถพาเธอกลับมาถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อื้อ”
หญิงสาวสะลึมสะลือลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกปลุกกลางฝันหวานแบบนั้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีสติคิดได้ว่าที่เธอนอนหลับอยู่ไม่ใช่เตียงนอนแต่ทว่าเป็นบนรถและเธอควรลงไปได้แล้ว
แล้วเธอก็ลากร่างกายที่เรียกได้ว่าเมาพอสมควรลงจากลงไป เพื่อกลับไปนอนพักที่ห้องนอนสถานที่ที่เหมาะกับการนอนมากกว่าบนรถหรูนั้น
“สวัสดี”
น้ำเสียงเจือแววกรุ่นโกรธไม่น้อยเอ่ยทักทายภรรยาตัวดีของตัวเขาเองที่เพิ่งจะกลับถึงบ้านเอาในเวลาเที่ยงคืนกว่าไปแล้วแบบนี้
พยายามเก็บซ่อนสีหน้าเคืองโกรธในตัวเธอเป็นอย่างมากเอาไว้ด้วยความเงียบและนิ่งแต่ทว่าแววตาโกรธกร้าวแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“อืม สวัสดี”
เขาทักทายเธอมา เธอก็ทักทายกลับตามมารยาท และลากร่างกายที่อ่อนปวกเปียกไปด้วยความเมามายเดินเข้าบ้านต่อ
“จะรีบไปไหนอยู่คุยกันก่อนสิ”
เสียงหนาเอ่ยรั้งตัวเธอเอาไว้เมื่อยังไม่ได้กำราบเธอถึงเรื่องที่กลับบ้านมืดค่ำในวันนี้
“มีเรื่องอะไร”
ปภินดาหยุดชะงักฝีเท้าที่ก้าวเดินกะทันหัน หันหน้ามามองเจ้าของเรือนร่างกำยำที่ยืนหัวโด่อยู่ด้านหลังของเธอ ก่อนจะชักสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมากส่งกลับไป
“ทำไมกลับบ้านดึก”
“ก็ไม่กลับเร็วไง”
“คราวหน้าอย่ากลับดึกแบบนี้อีก ไม่เกินหนึ่งทุ่มเธอควรถึงบ้านได้แล้ว”
“คราวหน้าคุณก็อย่าแอบไปเดินตามฉันอีก ไม่ต้องเฝ้าฉันเป็นนักโทษแบบนั้นหรอก”
สิ้นสุดประโยคสั่งสอนที่เหมือนพ่อสั่งสอนลูกสาวให้อยู่ในโอวาท ปภินดาก็หาข้อโต้แย้งกลับไปในทันที
ด้วยวันนี้แทบจะตลอดทั้งวันที่เธอใช้ชีวิตอยู่ด้านนอกบ้านกับเพื่อนๆ เธอแอบเห็นว่าเขานั้นแอบติดตามเธออยู่ไกลๆแทบจะตลอดเวลา ขณะเธออยู่ภายในผับที่คนค่อนข้างหนาแน่เธอก็ยังเห็นว่าเขาก็ยังหาทางติดตามเธอด้วยเหมือนกัน
ถึงจะเมาแต่ก็ยังจำได้ดี เพราะก็มีหลายครั้งที่เธอพยายามหลบหนีจากเขาแต่ก็ไปไม่พ้น
“คนอย่างฉันไม่มีทางไปเฝ้าเธอหรอก อย่ามาสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย”
ใบหน้าแสนจะเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งของมาเฟียหนุ่มเชิดใส่หญิงสาวที่กำลังอ้าปากใส่ร้ายเขา
“เหรอ”
เธอกระแทกปลายเสียงออกไปอย่างไม่เชื่อในคำพูดของเขา ด้วยเธอนั้นจำเขาได้ดีแม้เขาจะแต่งตัวแปลกตาไปมากก็ตาม จากหนุ่มออฟฟิศสีดำทั้งตัวเป็นหนุ่มนักเที่ยวที่ก็หนีไม่พ้นใส่สีดำทั้งตัวอีกเหมือนเดิม