ลมหายใจ

1573 คำ
“ป่านนี้คุณพ่อจะยังนั่งทำงานอยู่ไหมนะ หรือว่าแอบไปอยู่กับนังเมียน้อยนั้นอีกแล้วก็ไม่รู้” เวลาล่วงเลยผ่านไปอีกเดือน ปภินดายังคงใช้ชีวิตน่าเบื่ออยู่แต่ในบ้านมาเฟียเสียเป็นส่วนใหญ่ เธอไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนนักหรือแทบไม่ได้ออกไปเลย ด้วยไม่อยากเจอใครให้ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับการแต่งงาน เธอยังคงตั้งใจให้ข่าวคราวมันเงียบหายไปให้มากกว่านี้เสียก่อนค่อยออกไปใช้ชีวิตปกติ แต่ทว่ายิ่งเก็บเนื้อเก็บตัวไม่เจอใคร ไม่พบใคร เธอกลับยิ่งเหงาแทบขาดใจแม้ภายในบ้านจะมีคุณพ่อบ้านโชคอยเป็นเพื่อนแก้ให้ก็ตาม และก็มีอีกคนที่เธอก็คิดถึงแทบขาดใจไม่แพ้กับอดีตคนรักของเธอเลย ก็คือพ่อผู้ให้กำเนิดของเธอ ที่เขาไม่แม้จะติดต่อเธอมาและเธอก็ไม่กล้าติดต่อเขากลับไป ไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกอกตัญญูอะไรหรอกนะ แต่กลัวว่าโทรไปแล้วจะไปเจอแม่เลี้ยงใจร้ายที่เธอไม่ค่อยถูกชะตาด้วยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรนั่นแหละ “เฮ้อ” ปภินดาทำได้เพียงแค่เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่ในคืนนี้นั้นมีดวงดาวสุขสดใสทอแสงเปล่งประกายอยู่เต็มท้องฟ้า บรรเทาความคิดถึงด้วยภาพจำครั้งเมื่อยังเด็กที่เคยได้นั่งดูดวงดาวกับคนเป็นพ่อ และท่านก็คอยเอ่ยพูดถึงกลุ่มดาวตรงนั้นตรงนี้ให้ได้ฟังอย่างไม่มีนึกเบื่อ และเด็กหญิงปภินดาที่นั่งอยู่บนตักของผู้เป็นพ่อตรงนั้นก็แทบไม่อยากลุกขึ้นไปนอนเลยแม้ดึกดื่นมากแล้ว ก็เพราะเธอมีความสุขมากๆ มีความสุขที่สุด มีความสุขกว่าทุกสิ่ง มันต่างจากตอนที่เธอต้องอยู่กับแม่เลี้ยงและพ่อต้องออกไปทำงานลิบลับจนเธอไม่อยากเสียงช่วงเวลาที่แสนมีค่านั้นไปเลย แต่ทว่าความสุขมันก็หมดลงอย่างรวดเร็ว ค่ำคืนดวงดาวของเด็กหญิงปภินดาไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เพราะคนเป็นพ่อไม่เคยมีเวลาให้กับเธอ และไม่นานเธอก็โตเป็นสาวเกินวัยที่จะนั่งดูดาวบนตักของพ่อไปแล้ว “สาบานเลยว่าถ้าฉันมีลูกเป็นของตัวเอง ไอ้ปลาคนนี้จะไม่มีทางมีลูกคนเดียวให้ต้องมานั่งเหงาแบบนี้แน่นอน อย่างน้อยลูกของฉันต้องมีพี่หรือน้อง” และความเหงานั้นที่เธอต้องเผชิญมาตั้งแต่เด็กๆก็ทำให้เธอปณิธานอย่างแน่วแน่มาโดยตลอดว่าจะไม่มีลูกแค่คนเดียวให้ลูกต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบเธอ จริงอยู่มันมีหลายอย่างที่ดีมากๆแต่สำหรับเธอการมีใครให้ช่วยคิด ช่วยอยู่ข้างๆสักคนที่เรียกว่าพี่หรือน้อง มันคงดีกว่าในตอนนี้เอามากๆเลย “เป็นความคิดที่ดี” เสียงหนาเอ่ยดังมาแต่ไกลพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อได้ยินเสียงของปภินดาเอ่ยพูดกับดวงดาวบนท้องฟ้า คำพูดของเธอถูกใจเขาเป็นที่สุด เหมือนเป็นการต้อนรับเขากลับมาบ้านในค่ำคืนที่เขามีโอกาสได้กลับมาบ้านก่อนฟ้าสางเป็นอย่างดี “คุณ” ดวงตากลมโตของหญิงสาวที่กำลังเหม่อมองดวงดาวแสนสวยบนท้องฟ้าตวัดกลับลงมามองเขาที่กำลังเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในแววตาคู่นั้นของเธอฉาบไปด้วยความไม่พอใจที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อได้ยินเสียงของเขา บุคคลที่เธอแสนเกลียดชังอย่างไร้เหตุผลแม้จะเป็นคนที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกันก็ตาม “ถ้าเธอพร้อมเมื่อไหร่ก็บอก ฉันจะเสกเด็กเข้าท้องให้” วิกเตอร์เดินเข้าไปใกล้ๆกับตรงที่หญิงสาวนั่งอยู่ก่อนหน้าเขา แล้วหย่อนก้นนั่งลงข้างๆกับเธอบนเก้าอี้อีกตัว เงยหน้ามองท้องฟ้าเหมือนกับที่เธอนั้นใช้เวลาก่อนหน้านี้อยู่กับมัน มองดูดวงดาวที่กำลังทอแสงระยิบระยับจนดูน่ารำคาญนั้น “ฝันไปเหอะว่าฉันจะนอนกับคนอย่างคุณ” สีหน้าเย่อหยิ่งประหนึ่งคุณหนูผู้เอาแต่ใจถูกชักออกไปใส่หน้าคนที่ใครๆก็ต่างเรียกขานเขาว่าสามีของเธอ แต่เธอไม่เคยยอมรับเขาและไม่เคยนอนกับเขาด้วย เพราะก็แค่แต่งงานใช้หนี้แค่มาอยู่ด้วยกันมันก็มากเกิดพอจะชำระหนี้ให้หมดได้แล้ว “เฮ้อ มานั่งตากลมทำไมตรงนี้ เข้าไปในบ้านได้แล้วมันดึกมากแล้ว” มาเฟียหนุ่มถอนหายใจยาวเสียงดังฟืดใหญ่เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองไม่ให้ปั่นป่วนไปกับคำพูดของหญิงสาว ก่อนจะหาทางไล่เธอกลับเข้าบ้านเพราะเวลานี้มันก็มืดค่ำมากแล้ว เด็กๆอย่างเธอควรเข้าบ้านนอนไม่ใช่มานั่งรับน้ำค้างหาเรื่องให้ต้องป่วยอยู่แบบนี้ “ฉัน ไม่ ไป” เธอพูดออกมาทีละคำ อย่างช้าๆ และเน้นย้ำเสียงให้ชัดเจน ใส่หน้าเขา “อืม ดื้อชะมัดเลยนะเธอ ไม่ดื้อกับฉันสักวันได้ไหม” “แล้วฉันเป็นเด็กดีของคุณตอนไหนมิทราบ เราไม่เคยเกี่ยวข้องกัน เผื่อลืม” “แต่เราแต่งงานกันแล้ว เผื่อลืม” “ฉันไม่ได้เต็มใจ และตลอดหนึ่งปีตามสัญญานั้น ฉันก็ไม่มีวันเต็มใจ” “เหรอ” คำพูดต่อล้อต่อเถียงไม่น่าฟังของเธอทำเอาเขานั้นขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นกว่าเดิม “จะทำอะไร ถอยออกไปนะ” เธอขยับหนีเข้าไปทั้งตัวเพื่อหลบใบหน้าของเขาที่กำลังขยับเข้ามา แต่ทว่าแผ่นหลังกลับติดกับเก้าอี้จนขยับหนีไปไหนได้ไม่ไกล “สัมพันธ์ลมหายใจ ดูซิว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ไหม ทำไมถึงได้ดูเลือดเย็นนัก” มือหนาของชายหนุ่มคว้าหม่ำเข้าที่ด้านหลังของศีรษะเล็กของเธอ ประคองเอาไว้อย่างดีด้วยความแข็งแรงของมือเพียงข้างเดียว ส่งใบหน้าขยับเข้าใกล้ใบหน้าของเธอเพื่อสำรวจว่าคนเลือดเย็นอย่างเธอยังมีลมหายใจอยู่ไหม หรือนี่คือวิญญาณของเธอ “ถอยออกไปนะ” มือเล็กยกขึ้นผลักอกหนาของเขาอัตโนมัติเพื่อป้องกันตัวไม่ให้เขาขยับเข้ามาใกล้ พร้อมกับหลับตาลงในทันทีเพราะไม่อยากเห็นเขาแบบใกล้ๆ ใบหน้าของเขามันหล่อเกินจะมองใกล้ได้ มันอาจมีพิษร้ายออกมาพ้นใส่เธอก็เป็นได้ “อืม อุ่นจัง” ปลายจมูกโด่งของเขาเข้าสัมผัสแผ่วเบาที่ปลายจมูกเล็กที่เชิดรันแต่พองามของเธอนั้น เตะเบาๆเพื่อถามหาลมหายใจของเธอ ก่อนจะขยับลงต่ำจนริมฝีปากหนาสัมผัสเข้ากับริมฝีปากบางของเธอพอดิบพอดี เขาแกล้งประทับรอยจูบลงเบาๆ เหมือนกันเด็กที่เข้ามาแกล้งหยอกล้อกับเธอ ก่อนจะถอนริมฝีปากออก “หึๆ” ก่อนจะกลั้วหัวเราะในลำคอเบาๆเมื่อเธอนั้นยังคงหลับตาพริ้มราวกับรอรสจูบจากเขาอยู่ “ฉันเกลียดคุณ ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้นะ” พอได้ยินเสียงหัวเราะของเขา หญิงสาวก็รีบลืมตาขึ้นก่อนจะพบว่าเขานั้นกำลังหัวเราะขบขันเธออยู่ ทำเอาเธอถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน้า โวยวายใส่เขาเสียงดังแล้วก็ลุกขึ้นเดินหนีไปจากตรงนั้น หายตัวเข้าไปในบ้าน อย่างไม่สนใจว่าคนที่หายหน้าไปตลอดหนึ่งเดือนนั้นจะทำอะไรต่อไปหลังจากแกล้งเธอแล้ว “เฮ้อ ยัยเด็กดื้อ” มาเฟียหนุ่มถอนหายใจยาวอีกครั้งกับหญิงสาวที่เขามักเรียกเธอว่าเมียแต่ยังไม่จับทำเมียสักที เมื่อเธอนั้นย้ำคำว่าเกลียดออกมาใส่หน้าเขาอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับออกไปทางบริเวณหน้าบ้านทั้งที่เพิ่งจะเดินเข้ามาได้ไม่ถึงสิบนาที “นายจะไปไหนครับ” เอเกนรีบเดินตามเจ้านายออกไปพร้อมกับมีคำถาม เพราะเห็นว่าก่อนหน้านี้เจ้านายนั้นตั้งใจกลับมาพักที่บ้าน “ไปนอนที่คอนโดก็ได้ วันนี้ที่บ้านคงไม่เหมาะ” มาเฟียหนุ่มรีบเดินไปขึ้นรถที่พอเขาบอกว่าจะออกจากบ้านไปที่อื่นลูกน้องก็รีบไปขยับรถมารับอย่างรวดเร็ว วันนี้เขาคงนอนที่บ้านไม่ได้ เพราะคำว่าห้ามใจของเขามันอาจพังลงไปด้วยเขาดันไปเผลอสัมผัสใกล้ชิดกับเธออย่างที่ไม่ควรทำ มันอาจเป็นแค่จุ๊บเล่นๆ แต่ความนุ่มนิ่มของริมฝีปากบางของเธอนั้นทำเอาเขาหยุดคิดอย่างเลิดเถิดไปไกลไม่ได้เลยแม้แต่นาทีเดียว แม้ว่าบ้านหลังนี้ห้องนอนที่ดีที่สุดจะถูกยกให้เป็นของเธอไปแล้ว แต่ถ้าเขาอยากได้เธอขึ้นมามันก็ไม่มีอะไรขวางกั้นเขาได้ และนั้นอาจหมายถึงเขาอาจทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ เขาควรจากไปเสียดีกว่าทำให้เธอต้องเจ็บช้ำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม