“พี่ซันสบายดีไหมคะ”
“แล้วนี่หาข้าวเที่ยงทานหรือยังคะ”
“ถ้าอย่างนั้นทานข้าวเที่ยงให้อร่อยนะคะ ปลาไม่กวนพี่ซันแล้วค่ะ”
“สวัสดีค่ะ”
ปภินดากดวางสายโทรศัพท์มือถือของเธอไปเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาว่ากำลังเริ่มกินมื้อเที่ยงอยู่พอดีอย่างคนไม่อยากรบกวนเขา แม้จะเป็นการตัดใจยากที่สุดก็ตาม ด้วยเธอนั้นยังคงอยากคุยกับเขาอยู่ อยากพูดถึงความเหงาที่เธอต้องมาเผชิญภายในบ้านหลังใหญ่ที่มีแต่คนแปลกหน้าหลังนี้
“คุยกันจบแล้วใช่ไหม ลงไปกินมื้อเที่ยงได้แล้ว”
ร่างหนาที่ย่องเงียบเข้ามายืนอยู่ข้างเตียงนอนขนาดใหญ่ภายในห้องนอนที่เคยเป็นของตัวเองมาก่อนเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อมายืนรออยู่นานแล้วจนกระทั่งเธอพูดคุยโทรศัพท์เสร็จ และถ้าจะให้เดาเธอคงโทรไปหาไอ้คนรักเก่าที่เขาพยายามเขี่ยมันให้ไปไกลๆจากชีวิตของเธอ นึกแล้วอยากฆ่ามันทิ้งนักเธอจะได้ไม่กลับไปหามันอีกและเฝ้าคิดถึงเพียงแต่เขาคนเดียวที่เป็นสามีตัวจริงของเธอ
“นี่คุณเข้ามาห้องคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีมารยาท”
เจ้าของเรือนร่างบอบบางที่กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่รีบกระโดดดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วเมื่อมีคนแปลกหน้าที่เธอแสนเกลียดชังเขามากนักเข้ามาภายในห้องของเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัวมาก่อน ไร้มารยาทสิ้นดีผู้ชายหน้าหนวดคนนี้
“ฉันบอกให้ลงไปกินมื้อเที่ยงได้แล้ว”
เขาพูดย้ำคำเดิมๆด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างที่ยังเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ทว่าก็ไม่ได้ต่อว่าที่เธอไปคุยกับไอ้ผู้ชายคนนั้น พยายามที่จะเข้าใจเธอให้มากๆว่าอาจมีความรักหลงเหลือให้กับไอ้กระจอกนั้น ไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ปล่อยให้ทุกอย่างมันค่อยๆถูกเวลากลืนกินให้หายไปเอง เพราะเขาก็มีส่วนผิดที่พรากเธอมาจากมันช้าไปจนเธอไปหลงรักมันเข้า
“ฉันไม่ไปกับคนอย่างคุณ ยอมอดตายซะดีกว่า”
เธอไม่หิวและยิ่งไม่หิวหนักขึ้นไปอีกเมื่อเขาเป็นคนมาตามให้เธอไปกิน เธอคงกินอะไรไม่ลงหรอกเมื่อยิ่งเห็นหน้าคนโหดเหี้ยมจิตใจร้ายกายอย่างเขา ที่คิดจะฆ่าใครก็ทำได้ลงหน้าตาเฉยแบบนั้น
“ทำไม คนอย่างฉันมันทำไม”
น้ำเสียงของมาเฟียหนุ่มที่ใช้พูดกับหญิงสาวเริ่มดังขึ้นเมื่อเธอมาตั้งท่ารังเกียจเขาที่เป็นสามีเธอจนออกนอกหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุยกับผู้ชายคนอื่นเสียงอ่อนเสียงหวาน
มันยอมได้ที่ไหนที่เธอเป็นเมียเขา แต่ทำกับเขาแบบนี้ มันจะดูลำเอียงกับเขามากเกินไปแล้ว
“คนอย่างคุณมันไม่เคยเห็นคุณค่าของชีวิตใคร คนอย่างคุณมันใจร้าย ฆ่าคนคุณก็ได้ทำได้ ให้คนที่เขารักกันต้องแยกจากกันคุณก็ได้”
ปภินดาเองก็เสียงดังตอบกลับเข้าไป ใจหนึ่งก็กลัวเขานั่นแหละว่าจะบีบคอฆ่าเธอตายไป แต่อีกใจหนึ่งมันก็สุดจะทนที่เขาทำให้ชีวิตรักของเธอพังแบบนี้ และเธอยังต้องมาทนอยู่กับคนอย่างเขาอีก
ถ้าไม่มีเขาพ่อของเธอคงไม่ติดหนี้ก้อนโตแบบนี้ ป่านนี้ชีวิตของเธอมันคงสนุกสบายเหมือนเดิม และคงสมหวังเตรียมมีลูกตัวน้อยกับพี่ซันไปแล้วล่ะ
“มากกว่านี้ฉันก็ทำได้ ถ้าเธอโทรหาไอ้กระจอกนั้นอีก”
มาเฟียหนุ่มถึงกับหมดความอดทนที่พยายามทำอยู่ลงเมื่อเธอนั้นด่าเขาจนหน้าชาไปหมด
เธอว่าเขาร้ายเขาพอทนฟังได้เพราะมันเป็นความจริง แต่เธอพูดถึงความรักที่มันไม่ควรเกิดขึ้นของเธอให้ความสำคัญกับเรื่องในอดีตมากกว่าเขา เขาทนไม่ได้
เพราะเขาจองเธอมาก่อนที่ไอ้กระจอกนั้นจะเข้ามาเสียอีก เขาเฝ้าเธอมานานมากแล้วแต่ทว่าชีวิตมาเฟียของเขามันมีอุปสรรคมากมายเลยไม่อยากพาเธอเข้ามาลำบากด้วย กว่าจะมาถึงวันที่พร้อมในวันนี้มันก็เลยทำให้เขาพลาดที่ปล่อยเธอให้ไปมีความรักกับไอ้คนไม่ได้เรื่องนั้น
“นี่คุณอย่าไปยุ่งกับพี่ซันนะ”
เสียงเล็กๆเริ่มโวยวายใส่เขาไม่จบไม่สิ้นเมื่อเขาทั้งท่าจะไปทำร้ายคนรักของเธอ
“ลงไปกินมื้อเที่ยงซะ อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”
เขาตัดจบบทสนทนาที่ดูจะไม่จบไม่สิ้นนั้นด้วยการกลับไปย้ำคำพูดเดิมก่อนหน้านี้ แล้วก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องไปด้วยการกระทืบเท้าดังๆให้เธอรับรู้ว่าเขาไม่พอใจเธออยู่
ไม่หันมาพูดอะไรกับเธออีก เพราะถ้าเขาพูดต่อเขาได้สั่งฆ่าไอ้กระจอกนั้นแน่ รวมไปถึงอาจทำอะไรที่เธอไม่จำยอมด้วยหรือขืนใจนั่นแหละ เพราะสิ้นสุดความอดทน
“เมนูไหนใส่ยาพิษล่ะ หรือว่าข้าวเปล่านี้ ฉันจะได้กินมันเป็นอย่างแรก จะได้ตายๆไปซะ ไม่อยากมีชีวิตที่มันน่าเบื่อแบบนี้อีกแล้ว”
ปภินดานั่งเงียบอยู่ในห้องนอนสักพักใหญ่ราวกับดึงสติตัวเองให้กลับมาก่อนจะเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านเพื่อเข้าไปในห้องอาหาร
เธอนั้นหย่อนก้นลงนั่งตรงที่ประจำของเธอ ก็ข้างๆกับผู้ชายหน้าหนวดนั่นแหละที่นั่งหน้าดุอยู่ก่อนที่เธอจะมาแล้ว
พร้อมกันนั้นก็เอ่ยคำพูดประชดประชันออกไป เพราะอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนโมโหจนอยากฆ่าเธอให้ตายเต็มแก่แล้ว เธอก็เลยจะสงเคราะห์เพื่อไม่ให้เขาเสียเวลา ตายไปอย่างรวดเร็วทุกอย่างจะได้จบๆไปสักที
“เธอดูซีรีส์มากไปหรือไง”
วิกเตอร์ที่สงบสติอารมณ์จนหายไม่พอใจเมียตัวเองได้แล้วหรี่ตามองเธอด้วยความสงสัยว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่ ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเธอ แต่แล้วก็พลันนึกขึ้นได้ว่าตลอดเวลาที่เขาไม่อยู่บ้านเธอมักดูพวกซีรีส์อยู่บ่อยๆ คงเป็นคำพูดในซีรีส์พวกนั้นล่ะมั้ง แต่ในชีวิตจริงนั้นคงไม่มีหรอกเพราะเขาไม่เคยคิดจะฆ่าเธอ เธอสำคัญกับเขามาก
“มันเรื่องส่วนตัวของฉัน ว่าไงล่ะจานไหนใส่ยาพิษ”
“กินข้าวเถอะ ไม่มีอะไรมียาพิษทั้งนั้นแหละ และก็เลิกคิดอะไรบ้าๆแบบนั้นได้แล้ว ใช้ชีวิตปกติเถอะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกไอ้โชมันให้มันจัดการหามาให้เธอ”
เขามีเวลานั่งกินข้าวกับเธอไม่มากเพราะต้องรีบออกไปทำงาน มีหลายอย่างที่ท่าเรือแห่งใหม่ของเขายังไม่เข้าที่เข้าทาง เขาอยากออกไปเคลียร์ให้มันเรียบร้อยจะได้ไม่ล่ามไปมีปัญหาในการส่งของให้กับลูกค้ารายใหญ่ในคืนนี้
“เพล้ง”
ปภินดาวางช้อนในมือลงใส่จานให้เกิดการกระทบกันเสียงดังสนั่นจนจานข้าวราคาแพงเกือบแตกต่อหน้าเขา แล้วเตรียมจะลุกออกจากโต๊ะกินข้าวไป
เหม็นขี้หน้าคนอย่างเขาไม่อยากร่วมวงกินข้าวด้วยแม้ท้องจะเริ่มหิวเพราะกับข้าวบนโต๊ะล้วนเป็นอาหารไทยที่น่ากินก็ตาม
มือหนาของมาเฟียหนุ่มคว้าเอาเอวคอดกิ่วของหญิงสาวที่กำลังจะลุกออกจากเก้าอี้นั่ง นำพาร่างบอบบางที่หอมฟุ้งไปทั้งตัวของเธอขึ้นมานั่งบนตักใหญ่ของเขาหน้าตาเฉย
เมื่อคนมีเวลาน้อยๆอย่างเขายังอยากนั่งกินข้าวกับเธอต่อให้ไปจนจบมื้ออาหารไม่ใช่ลุกหนีกันไปกลางคันแบบนี้
“นี่คุณจะทำอะไร อย่ามายุ่งกับฉันนะ”
เสียงเล็กๆโวยวายขึ้นพร้อมกับตะเกียกตะกายจะลุกออกจากตักใหญ่ของเขาท่าเดียวเลย แม้ใจมันไม่อยากใกล้ชิดกับคนอย่างเขาแม้สักนาทีเดียว
แต่แขนขามันก็สั้นไปเกินกว่าจะสู้กับคนแขนขายาวๆอย่างเขาได้ ยิ่งดิ้นก็เหมือนจะยิ่งทำให้เขากอดรัดเธอแน่นขึ้นไปอีก
“ทำให้เธอเห็นไงว่าฉันไม่วางยาคนอย่างเธอ ไม่เคยคิดด้วย”
เขาคว้าเอาจานข้าวของเธอมาวางไว้ข้างๆจานสปาเก็ตตี้ของเขา โดยใช้มือเพียงข้างเดียวกอดรัดเธอเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหนได้
“จะทำอะไรก็ทำไปคนเดียวซิ ปล่อยฉันลงจากตักคุณเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ปภินดายังคงดิ้นขลุกขลักไปมากในอ้อมกอดของเขา แม้จะไร้หนทางที่จะดิ้นหลุดไปได้ก็ตาม เพราะแรงของเธอมันสู้แรงมหาศาลจากเขาไม่ได้เลย
“ไม่ปล่อยโว้ย”
คนความอดทนต่ำอย่างวิกเตอร์เริ่มขึ้นเสียงใส่เธอเมื่อเธอดื้อใส่เขาไม่หยุด เธอควรทำตัวเชื่องๆไม่ใช่เหรอเมื่อเธอขึ้นมานั่งบนตักของเขาแล้ว ผู้หญิงส่วนมากเขาก็เป็นแบบนั้นกันทั้งนั้นแหละ ทำไมเธอต้องดื้อด้วยล่ะ
“ปล่อย”