“อาหารเช้าพร้อมแล้วครับ”
น้ำเสียงราบเรียบที่ฟังดูเหมือนจะมีบางคำออกเสียงไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่ของพ่อบ้านโชเอ่ยขึ้นเพื่อตามนายหญิงของบ้านที่กำลังนั่งชมนกชมไม้อยู่ที่สวนหย่อมข้างๆบ้านให้เข้าบ้านมาทานอาหารเช้าที่ถูกเตรียมเรียบร้อยที่โต๊ะอาหารได้แล้ว
“บ้านหลังนี้ดูเงียบๆนะ”
ปภินดายังคงทำตัวน่าเบื่อเหมือนวันแรกที่เธอมาอยู่ที่นี่ด้วยการเดินตามพ่อบ้านที่เธอไม่รู้จักชื่อเขาแม้จะอยู่ที่นี่มาเกือบจะสองอาทิตย์แล้วก็ตามไปยังห้องอาหาร
แล้วเธอก็นั่งลงตรงที่ประจำที่ใช้นั่งทุกวันมาเป็นเวลาสิบกว่าวันเพื่อเตรียมตัวกินอาหารเช้าที่ถูกสับเปลี่ยนเมนูแทบจะทุกวันในการเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ แต่จะไม่เสิร์ฟเมนูพวกข้าวต้มขึ้นมาเพราะเหมือนพวกเขาทุกคนในห้องครัวจะรู้ว่าเธอนั้นไม่ชอบ
พร้อมกับนั้นเธอก็เอ่ยพูดคุยกับพ่อบ้านหน้านิ่งไปด้วยเพื่อฆ่าความเงียบในห้องอาหารที่มีเพียงเธอคนเดียวนั่งกินอาหารในห้องนี้
และเธอนั้นก็เริ่มลืมเรื่องที่ทะเลาะกับเจ้าของบ้านไปแล้วด้วย ด้วยระยะเวลาที่เขาหายหน้าไปเลยมันก็ตั้งสองอาทิตย์ และเท่าที่เธอออกตามหาแหวนแต่งงานที่คงไม่มีงานแต่งได้เกิดขึ้นอีกแล้วมันก็หาไม่เจอ
เธอคิดว่าช่างมันเถอะไม่ควรไปเสียเวลากับมันอีก เพราะถ้าเธอจะเป็นเนื้อคู่กับพฤธาจริงๆเอาไว้ค่อยให้เขาขอแต่งงานใหม่ด้วยแหวนวงใหม่ก็ได้
“เป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ”
ปภินดายังคงเอ่ยพูดคุยกับพ่อบ้านไปเรื่อยๆแม้จะไม่ได้รับคำตอบ ด้วยพูดกันไปแล้วในบางครั้งเธอก็เริ่มรู้สึกถึงความเงียบเหงาที่มันดูจะมากเกินไปจนเธอรู้สึกได้ นอกจากอยู่ตัวคนเดียวในบ้านหลังใหม่ที่ไม่รู้จักใครแล้วเธอยังแทบไม่เคยเจอใครเลยนอกเสียจากเวลาอาหารที่จะได้เจอพ่อบ้านหน้านิ่งนี้
ครั้นจะปรึกษาเรื่องเล็กๆน้อยๆนี้กับใคร หันหน้าไปทางไหนก็ไม่เจอใครเลย ครั้นจะกลับไปที่บ้านของตัวเองก็คงไม่ได้ พ่อของเธอคงไม่ยอมรับเธอกลับถ้ายังไม่หมดเวลาขัดดอกจากเงินที่กู้มาที่ไม่รู้แน่ว่ากี่สิบล้านนั้น
“ผมให้คำตอบไม่ได้ครับ”
โชทำได้เพียงแค่ตอบกลับสั้นๆเพราะเขาไม่มีหน้าที่ตอบคำถามอะไรทั้งนั้น เขาเป็นแค่พ่อบ้าน
“แล้วใครจะให้คำตอบได้ล่ะ ให้ฉันพูดคนเดียวงั้นเหรอ”
คนเหงาๆที่เริ่มจะเบื่ออาหารแล้วเพราะต้องนั่งกินคนเดียวซ้ำๆทุกวันออกอาการไม่พอใจ งอแงใส่พ่อบ้านหน้านิ่งไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“เจ้าของบ้านหลังนี้ครับ”
“เฮ้อ ฉันนึกว่าฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ไปแล้วเสียอีก ลืมตาตื่นมาก็ไม่เห็นเคยเจอใครเลยหนิ่”
พูดถึงเจ้าของบ้านหลังนี้ความน้อยใจก็เข้าแทรกในห้วงอารมณ์เหงาๆในทันที ถึงแม้ไม่อยากเจอหน้าเขาเพราะไม่ได้อยากแต่งงานด้วยตั้งแต่แรก แต่เขาก็ไม่ควรหายหัวไปนายแบบนี้ ทิ้งให้เธอที่เป็นเมียถึงแม้จะในนามต้องอยู่บ้านหลังใหญ่โตราวกับวังนี้คนเดียวมาจะครึ่งเดือนแล้วเนี่ย
แทนที่จะมาดูดำดูดีในฐานะคนอยู่บ้านเดียวกันบ้างก็ยังดี นี่ก็เปล่าเลยปล่อยให้เธออยู่คนเดียวอย่างแล้งน้ำใจ
“ถ้าคุณปภินดาอยากเจอนาย ผมโทรบอกให้ได้นะครับ”
“ไม่ต้องๆ ฉันชอบอยู่คนเดียว”
แต่พอมีทางจะได้เจอหน้าเขาเธอก็ปฏิเสธออกไป ก็เพราะในใจมันยังต่อต้านไม่อยากเจอหน้าเขา เขายังคงเป็นที่เธอเกลียดขี้หน้ามากที่สุดในโลกอยู่ดีเพราะเขาทำความรักดีๆของเธอพังไม่เป็นท่า ถ้าไม่มีเขาป่านนี้เธอคงแต่งงานกับชายคนรักอย่างมีความสุขไปแล้ว
“อืม ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ครับ”
“คุณพ่อบ้านชื่ออะไรล่ะ ฉันจะได้เรียกถูก”
ยังคงหาเรื่องชวนอีกฝ่ายคุยไปเรื่อยๆเพื่อให้มื้ออาหารที่เริ่มน่าเบื่อสนุกขึ้น และก็ทำความรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้นด้วย
อย่างน้อยๆในบ้านหลังใหญ่หลังนี้เธอก็น่าจะมีเพื่อนบ้างแม้เขาจะปรากฏตัวแค่เวลาที่ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินของเธอเท่านั้นก็ตาม
“ชื่อโชครับ”
เขาแนะนำตัวสั้นๆกับเธอตามหน้าที่ เพราะลูกจ้างอย่างเขาควรจะแนะนำตัวกับเจ้านายถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
“คงทำงานที่นี่มานานแล้วสินะ ถึงได้ดูคล่องแคล่วไปเสียทุกเรื่องเลย”
เธอคาดเดาไปต่างๆนานาเพื่อให้เกิดบทสนทนาไปเรื่อยๆเพื่อว่าจะเจริญอาหารมากขึ้นด้วยกำลังกลืนอาหารไม่ลงคอถึงแม้จะมีรสชาติอร่อยก็ตาม
“ครับ”
“อืม งั้นฉันขอตัวไปดูซีรีส์ต่อก่อนนะ”
แล้วเธอก็ฝืนกินอาหารเช้าต่อไปไม่ไหวมันกลืนไม่ลงจริงๆ และท้องก็ไม่หิวด้วยแม้ไม่ได้กินอะไรมาหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม
จำต้องวางช้อนที่ใช้ตักอาหารลงในจานตามเดิมเพื่อจบมื้ออาหาร ไม่ทนนั่งต่อให้เลยเถิดไปจนเกินอาการพะอืดพะอมไม่น่ามอง
และก็กลับไปทำกิจกรรมฆ่าเวลาที่เธอเคยทำอยู่ทุกวันต่อ ด้วยการดูซีรีส์ทั้งวันในห้องดูหนังของบ้านหลังนี้
“ทานอิ่มแล้วเหรอครับ”
โชเอ่ยถามอย่างเกินหน้าที่เมื่อเห็นว่าอาหารในจานของนายหญิงแทบไม่ได้ถูกกินไปเลย ผิดกับวันก่อนๆที่อาหารในจานจะถูกกินเกินครึ่งแทบจะทุกมื้อ
“อิ่มแล้ว วันนี้ไม่ค่อยหิวนะ”
“เดี๋ยวผมให้เด็กๆยกของว่างตามไปนะครับ”
“ขอแค่ชาร้อนๆสักแก้วก็พอ ส่วนขนมไม่ต้องหรอก”
นอกจากจะไม่อยากกินข้าวแล้ว พวกขนมนมเนยเธอก็ไม่อยากกินด้วย ไม่เบื่ออาหารขึ้นมาอย่างกะทันหัน เบื่อไปหมดทุกอย่างเลย
“ครับ”
พอสนทนากับพ่อบ้านเสร็จเรียบร้อย ปภินดาก็เดินอย่างคนเหงาๆไปที่ห้องดูหนังตามเดินเพื่อดูซีรีส์ที่เพิ่งจะขึ้นเรื่องใหม่เมื่อวานต่อ
อันที่จริงแล้วเธอก็เริ่มเบื่อการดูซีรีส์แล้วเหมือนกัน แต่มันก็ไม่มีอย่างอื่นให้ทำไปมากกว่านี้แล้ว
หรือจะให้ออกไปข้างนอกเธอก็ยังไม่อยากออกไปตอนนี้ ไม่อยากออกไปเจอคนรู้จักกลัวจะถูกถามถึงเรื่องงานแต่งงานที่มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั้น เธอไม่รู้จะใช้เหตุผลข้อไหนในการตอบคำถามนั้นเพราะวันก่อนจะแต่งงานเธอก็โพสลงหน้าโซเชียลไปเองว่าถูกคนรักที่ชื่อพฤธาขอแต่งงานแต่พอวันรุ่งขึ้นกลับประกาศว่าจะแต่งงานกับผู้ชายอีกคน
“ขอนั่งด้วยคนสิ”
ร่างหนาที่ด้านบนใสเสื้อเชิ้ตสีดำด้านล่างใส่กางเกงสเลคสีดำเข้าชุดกันมาเป็นอย่างดีเดินเข้ามาภายในห้องดูหนังที่ซึ่งได้รับรายงานจากลูกน้องว่าหญิงสาวเมียของเขาอยู่ภายในห้องนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว
เขาเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงข้างๆกับที่ร่างบางนั้นนั่งเอนกายอย่างสบายเพื่อดูซีรีส์ของเธออยู่ แล้วเอ่ยขออนุญาตเธออย่างสุภาพก่อนที่จะนั่งลงไป
“ตามสบายค่ะ ฉันกำลังจะออกไปพอดีเลย”
เธอขยับหนีไปนั่งอยู่ตรงสุดขอบโซฟา แสดงท่าทีไม่ชอบเขาออกมาอย่างชัดเจนและพร้อมจะเดินออกจากห้องนี้ไป
การไม่เจอหน้าเขาสิบกว่าวันนับตั้งแต่เขาขึ้นไปนอนบนเตียงของเธอ มันไม่ทำให้เธอเกลียดเขาน้อยลงเลย
“ซีรีส์มันน่าเบื่อ หรือว่าไม่อยากเจอหน้าผัว”
“ทั้งสองอย่าง”
เธอตอบเขาจบก็เดินจากห้องดูหนังนั้นไป หมดอารมณ์จะนั่งต่อเมื่อมีเขาคนที่เธอยังคงคิดเสมอว่าเขาเป็นคนอื่นเดินเข้ามาภายในห้องนั้น