ร่างสูงใหญ่ก้าวลงบันได เดินมายังรถ ทว่าสายตากลับเห็นคู่อริตนเองกำลังปีนป่ายเก็บมะม่วงโดยมีบันไดพาดอยู่ตรงโคน เมธาสิทธิ์กระตุกยิ้มมุมปาก แล้วเดินไปใต้ต้นไม้ แหงนหน้ามองหญิงสาวที่กำลังดึงผลไม้โยนลงมา โดยมีลูกน้องอย่างปฐมคอยช่วย ปฐมหันมาจ้องมองสีหน้าตื่นตระหนก
“คุณสิทธิ์มาทำอะไรครับ!”
พอได้ยินชื่อ มธุรดาก้มมอง เห็นเขายืนเท้าเอวส่งสายตามาหา
“มาดูหมา”
“หมาเหรอครับ?” ปฐมย้อนสีหน้างุนงง
“ใช่หมา”
“เอ่อ...” ปฐมมองเห็นรอยผ้าพันแผลตรงศีรษะ เลยแหงนมองเจ้านายสาว “ศีรษะคุณสิทธิ์โดนอะไรมาเหรอครับ”
“โดนหมาลอบกัดน่ะ”
คนฟังสะอึก พยายามเก็บสีหน้าและอาการเอาไว้ ริมฝีปากบางเม้มแน่น
“ออกไปให้พ้นเถอะไป หรือว่างมาก!” มธุรดาตะโกนลงมา
“ไม่ได้ว่าง แค่มาดูหมาสักหน่อย”
หญิงสาวกัดฟันข่มอารมณ์ ถ้ามีหนังสติ๊กคงยิงลูกหินให้โดนหัวอีกสักที จะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับบ้านเธอเสียที ผู้ชายนิสัยเจ้าชู้แบบนี้ ทำเอาเธอรู้สึกหงุดหงิดชะมัด
“ใครเป็นหมา หมาที่บ้านนายไม่มีไง หรือว่าอยู่ในปาก!”
“ปากใครกันแน่ ปากเธอไม่ใช่หรือไง ถึงได้ลอบกัดเขาไปทั่ว!”
“ปากนายสิไอ้โรคจิต นายมันโรคจิตไอ้วัวนม!”
เมธาสิทธิ์กัดฟันกรอด ปฐมเกาหัวแกรก เมื่อเจอเจ้านายสาวกำลังทะเลาะกับหนุ่มไร่ข้าง ๆ ทำเอาเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณดาถึงไม่ชอบใจคุณสิทธิ์ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน
เขาหันมองลูกน้องของยัยตัวแสบ “ปฐมไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้นะ จะไปไหนก็ไปได้เลย!”
“อะไรนะครับคุณสิทธิ์!”
“แกห้ามไปนะไอ้ถม!” มธุรดาข่มขู่
“ห้าพัน รีบไปตอนนี้ ถ้าไม่ไปไม่ได้!”
ปฐมวางกล่องใส่มะม่วง แล้วเดินไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ฟังเสียงตะโกนไล่หลังของเจ้านาวสาวแม้แต่น้อย เพราะเขาเชื่อว่าอย่างไรเสีย เจ้านายใหญ่อย่างกำนันมงคลไม่มีทางไล่เขาออกแน่ ถ้าหากบอกความจริงของเรื่องที่ตนเองขัดใจคุณดาเข้า
เขายืนเท้าเอวแล้วยิ้มเยาะคนด้านบน มธุรดาเลยตั้งใจลงบันได แต่คนด้านล่างกลับดึงมันหนีไป ทำเอาหญิงสาวชะงักเท้า จ้องมองเขม็ง
“วางมันกลับที่เดิมเดี๋ยวนี้นะ!” หญิงสาวส่งเสียงดุ
“ไม่วาง ถ้าอย่างลงมา ก็ขอโทษมาเดี๋ยวนี้!”
คนตัวเล็กกัดริมฝีปากแน่น ไม่มีวันเสียหรอก
“ทำไมฉันต้องขอโทษ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“อย่านึกว่าไม่รู้นะ ว่าเธอทำอะไรยัยตัวแสบ!” เขาเข่นเขี้ยว
“นายมีหลักฐานหรือไง ไม่มีสักหน่อย อย่ามาใส่ร้ายกัน”
เขาหัวเราะในลำคอ รู้อยู่แล้วว่าผู้ร้ายย่อมไม่มีทางยอมรับ ไม่เป็นไร เขารอได้ ต่อให้ไม่ได้ไปดูพ่อพันธุ์วัวก็เถอะนะ
“ฉันไม่เคยใส่ร้ายใคร เอาเป็นว่าถ้าไม่ขอโทษก็ไม่ต้องลงมา!”
“นายมีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้ไอ้วัวนม!” มธุรดาตะโกนลั่น
“ขอโทษมาซะ! จะได้จบเรื่อง”
“ไม่มีวันซะหรอก!”
คนบนต้นไม้ก้าวข้ามไปยังกิ่งใหญ่ พยายามหาทางลง ถึงพื้นเมื่อไหร่ ไอ้หมอนี่ได้ตายคามือแน่
“บอกให้ขอโทษ เดี๋ยวก็ได้ตกลงมาหรอก!” เมธาสิทธิ์ตะโกนบอก เพราะเห็นร่างบางกำลังปีนป่ายลงมาราวกับลิงไม่ปาน
มธุรดาชะงัก แล้วก้มมองลงมา
“ให้ขอโทษคนอย่างนาย ฉันยอมตกไปตายดีกว่า!”
“ดื้อด้านดีนัก ตกลงมาตายอย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน!”
หญิงสาวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เหยียบตามกิ่งไม้เพื่อหวังให้ตนเองลงได้อย่างรวดเร็ว
“ว้าย!”
ตะไคร้บนต้นไม้ทำให้ลื่น ร่างร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว คนด้านล่างชะงักรีบกระโจนเข้าหา มธุรดาหลับตาแน่นแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บอย่างที่คิด ทว่ากลิ่นโคโลญจน์ผสานกลิ่นเหงื่อ และความรู้สึกสากระคายนุ่มหยุ่นบริเวณริมฝีปากคืออะไร เมื่อลืมตา เธอกลับนอนทับคนที่ตนเองเกลียดนักหนา แถมริมฝีปากยังแนบสนิท เอวบางถูกรวบไว้อย่างรวดเร็ว มือบางยกดันกายแต่กลับทำไม่ได้
“ปล่อยฉันนะ! นายมันโรคจิตแบบนี้ไง ฉันถึงได้เกลียด!” มธุรดาบริภาษอย่างเหลืออด
“ฉันไม่ได้โรคจิตสักหน่อย ที่มันเป็นแบบนี้เพราะตัวเธอเองไม่ใช่หรือไง ตกลงมาถ้าไม่มีฉันรับไว้ ป่านนี้ได้นอนโรงพยาบาลไปแล้ว!”
คนฟังกัดริมฝีปาก พยายามดันกายออกห่าง ต่อให้เขาเป็นผู้มีพระคุณก็เถอะ แต่อย่างไรเสียเธอก็แน่ใจว่า เขากำลังเอาคืนตนเองอยู่ ต้องหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์เสียเปรียบเช่นนี้
“ฉันไม่ได้ขอให้ช่วย ที่สำคัญปล่อยฉันได้แล้วมันอึดอัด!” ในอกกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง ทำไมเขาถึงทำกับเธอแบบนี้ตลอดเลยนะ
“ขอโทษมาก่อน”
“ไม่!” เธอตอบกลับทันที สีหน้าไม่พอใจ
คำตอบทำเอาคนฟังหรี่ตาลง แล้วรวบเอวบางแนบแน่นมากขึ้น จนร่างบางโน้มมาหาดวงตาสองคู่สบกัน เมธาสิทธิ์รู้สึกสั่นสะท้านเหมือนโดนมนต์สะกด หัวใจกำลังเต้นหนักทุกขณะ คนโดนกระทำอ้าปากแล้วงับลงบนจมูกในทันที
“โอ้ย!” เขาร้องลั่นปล่อยร่างบางเป็นอิสระ
มธุรดาลุกยืนปัดเสื้อผ้า ผิวแก้มแดงปลั่งด้วยความขัดเขินผสมความโกรธ ยกนิ้วชี้หน้าด้วยความขุ่นเคือง
“ฉันจะเอาคืนให้ได้เลยคอยดู!”
คนตัวใหญ่คลำจมูกตนเอง แล้วมองตามแผ่นหลัง ก่อนกระตุกยิ้มมุมปาก ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่กำลังโลดแล่นอยู่ภายใน หรือบางทีระหว่างเขากับมธุรดา อาจมีชะตาบางอย่างให้ต้องผูกพัน