วันทำงาน ปกติทุกวันปรางทิพย์จะต้องโทรหาแม่ วันละสองครั้ง แต่หลังๆมาแม่เธอรับสายช้า เช่นวันนี้เธอพยายามโทรหานางปวีณา เมื่อคืนแม่เธอเป็นลม “แม่คะ ทำอะไรอยู่เหรอคะ ปรางโทรมาตั้งนานไม่เห็นรับสายเลย”
“ปรางมีอะไรเหรอลูก พอดีแม่มีแขก”
“พอดีเย็นนี้คุณอานนท์ชวนไปซื้อของค่ะแม่ แล้วก็จะไปเก็บเสื้อผ้าบางส่วนที่คอนโด ปรางเลยจะโทรบอกแม่ก่อนว่าอาจกลับบ้านดึกหน่อย”
“ไม่เป็นไรลูก บ้านก็อยู่ใกล้ๆกัน มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละไม่ต้องห่วงแม่นะ”
ปรางทิพย์สงสัยว่าใครกันคือแขกของแม่ เกือบห้าเดือนแล้วที่เธอย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ ญาติแม่ที่ต่างจังหวัดไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่ พ่อก็ไม่รู้ ญาติทางพ่อยิ่งไม่มีใครรู้เลย เพื่อนๆของเธอและเพื่อนของอุสาวดี ก็ไม่รู้ว่าเธอย้ายมาอยู่ที่นี่ มีเพียงเพื่อนที่ทำงานใหม่ ที่รู้ว่าบ้านของเธออยู่แถวนี้ และครอบครัวของอานนท์ ไม่เป็นไรไว้กลับบ้านค่อยถามแม่ล่ะกันว่าใครมาหา เลิกงานอานนท์มารอรับเธอตรงเวลา เขามาส่งและรับเธอทุกวัน
“ไม่ต้องไหว้หรอกครับ เจอกันทั้งเช้าทั้งเย็น ผมไม่ได้แก่ขนาดนั้น”
“ชินแล้วค่ะ ยังไงคุณก็เป็นพี่ฉันตั้งหลายปี”
“ผมอยากได้ชุดที่นอนอีกสักชุด ปรางช่วยไปเลือกให้หน่อยนะ ”
“ได้ค่ะไม่มีปัญหา “
ทั้งสองคนเดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้า ช่วยกันเลือกชุดเครื่องนอน สรุปว่าปรางทิพย์เป็นคนเลือกทั้งหมด พยายามเลือกให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์บ้านเขา
หลังๆมาอานนท์มักชวนให้เธอไปทำอาหารกินที่บ้านของเขา อ้างว่าไม่อยากให้หลานชายของเธอฉุนกลิ่นอาหาร และเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอทำอาหารให้กิน นานวันเข้าการที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ทำให้ปรางทิพย์เริ่มไว้วางใจอานนท์มากขึ้น รู้ว่าเขาจริงใจและรักเธอจริงๆ แต่เธออยากขอเวลาอีกสักหน่อย เหตุการณ์หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกับครอบครัว มันทำให้เธอต้องคิดหนักเรื่องของการมีครอบครัว
สมัยก่อนเธอคิดว่าเขาเป็นพี่ชายของปราโมทย์ และเธอจะไม่มีวัน ไปยุ่งเกี่ยวกับคนบ้านนั้นเด็ดขาด แต่พอรู้ว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อันใดเลยกับปราโมทย์ทำให้เริ่มมองความดีของเขา แต่ยังไงหลานของเธอก็เป็นลูกของปราโมทย์อยู่ดี หลังๆมาเธอรู้ว่าแขกของแม่เป็นใคร ดูจากกล้องวงจรปิด คุณดารารายและปราโมทย์แอบมาหาก้องภพบ่อยๆ แรกๆโมโหแต่พอเห็นอาการของสองแม่ลูกแล้วรู้สึกเห็นใจ หลังๆมามีมารตีพ่วงมาด้วย อาจเป็นเพราะช่วงนี้เธอมีอานนท์ ชวนไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆทำให้ไม่ค่อยคิดมากเรื่องของปราโมทย์ ยิ่งเห็นอรกันญาตั้งท้องลูกด้วยแล้ว เธอรับรู้ถึงความรักความผูกพันระหว่างพ่อแม่ลูก
“เดี๋ยวขากลับผมขอแวะไปที่คอนโดสักหน่อยนะครับ”
“ได้ค่ะ ไม่นานใช่ไหมคะ
“ปราง”
“คะ”
“ผมคุยกับแม่คุณแล้วว่า จะขอทำประตูระหว่างรั้วบ้านคุณกับบ้านผม คุณว่าดีไหม เราจะได้มีประตูเปิดไปมาหากันได้สะดวก อีกอย่างแม่ก็จะได้มีพื้นที่ใช้เดินออกกำลังกายกว้างขวางขึ้น”
“ฉันว่าอย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ ต่อไปข้างหน้าไม่รู้เลยว่าระหว่างคุณกับฉันเรื่องราวจะเป็นยังไง”
“ยังไงครับ ปรางคุณกลัวอะไร ผมจริงใจทุกอย่างนะ นี่ถ้าคุณพร้อม ผมจะให้พ่อกับแม่มาสู่ขอคุณเลย บอกตรงๆว่าผมไม่อยากรอแล้ว ผมเห็นท่าทางของผู้จัดการบริษัทฯคุณแล้วใจไม่ดี”
“ทำไมคะ เกี่ยวอะไรกับผู้จัดการ”
“ก็เขาดูดีและใกล้ชิดคุณขนาดนั้น กลัวคุณไม่คิดถึงผม”
“โธ่คุณบ้านใกล้กันแค่นี้ ห่างกันแค่เวลาทำงาน คุณจะคิดมากทำไม”
“ไม่รู้ล่ะ ผมอยากทำประตูเชื่อมบ้าน คุณอนุญาตนะ “
“ฉันขอปรึกษาแม่ก่อนนะคะ”
“ถ้าแม่อนุญาตปรางจะว่ายังไง”
“คุณว่าเรื่องของเรามันเร็วไปไหมคะ ฉันบอกตรงๆว่าฉันยังสับสนอยู่เลย บางครั้งฉันก็ไม่คิดอะไร บางครั้งก็กลัวค่ะ บอกตรงๆว่าฉํนกลัวเหมือนแม่กับน้อง กลัวคุณไม่รักฉัน กลัวคุณเบื่อ กลัวคุณมีคนใหม่ ฐานะอย่างคุณเลือกผู้หญิงแบบไหนก็ได้”
อานนท์ใช้มือลูบที่เรือนผมของปรางทิพย์ ยิ้มอ่อนโยน“เร็วที่ไหนกัน ผมเห็นคุณมานานแล้วนะปราง กว่าจะได้พูดคุยกันก็ตั้งหลายเดือน พอได้เจอกันก็เจอแบบไม่ดีเท่าไหร่ และกว่าคุณจะยอมพูดคุยกับผม เนี้ยมันก็นานมากแล้วนะ อีกอย่างผมก็อายุมากแล้วด้วย อีกไม่กี่ปีก็แก่ ”
“ผมไม่สัญญาและไม่สาบานอะไรทั้งนั้น แต่ปรางรอดูผมต่อไปนะ ผมรักใครรักจริง และมั่นคงมาก”
“ฉันต้องเชื่อคุณใช่ไหมคะ”
“แน่นอนเชื่อผมเถอะ คนเรารักกันแล้ว ก็รีบอยู่ด้วยกัน เวลาเดี๋ยวนี้มันผ่านไปรวดเร็วมาก ผมเองก็อายุมากแล้ว อายุช่วงนี้ทั้งคุณและผมเหมาะสมกันที่สุดแล้ว”
“คุณว่าฉันแก่เหรอคะ ฉันเพิ่งจะยี่สิบเจ็ดเองนะ”
“เปล่าครับ ไม่แก่เลย ถึงแก่ผมก็รัก”
“คุณใช้คำว่ารักได้พร่ำเพรื่อจังเลยนะคะ”
“ก็ผมรักคุณจริงๆนี่ เราแต่งงานกันเถอะนะครับ ถ้าปรางยังไม่อยากแต่งงาน ช่วยลาออกจากงานแล้วมาทำงานกับผมได้ไหม ผมให้เงินเดือนห้าเท่าเลย เป็นเลขาให้ผม นะครับปราง”
“อะไรของคุณเนี้ย พูดเอาแต่ตัวเอง ถือว่ามีเงินเหรอคะ เอาเงินมาล่อฉันเหรอคุณ”
“ไม่รู้ล่ะ ผมให้เวลาคุณทำงานแค่สิ้นเดือนนี้ มาเป็นเลขาผมเถอะ ผมอยากให้คุณดูแลนะครับ”
ปรางทิพย์ถอนหายใจ ยอมรับว่าพอใจกับคำพูดและท่าทางของเขา นี่เธอตกอยู่ในห้วงแห่งความรักเหรอ มันมีความสุขแบบนี้นี่เอง ตั้งแต่มีอานนท์มาอยู่ใกล้ๆคอยดูแล โลกของเธอก็เปลี่ยนไป ชีวิตมีเหตุผลมากขึ้น มองอะไรก็สวยงาม แม้กระทั้งเห็นครอบครัวของดารารายมาหาหลานชายที่บ้านของเธอ หญิงสาวก็ยังไม่มีอารมณ์โกรธ ยังไงปราโมทย์ก็เป็นพ่อ และคุณดารารายก็เป็นย่าแท้ๆ
อานนท์สอนเธอหลายอย่าง เขาไม่ยุ่งเรื่องตาก้อง ไม่เคยพูดให้เธอต้องเกลียดฝั่งพ่อตาก้อง แล้วแต่เธอจะตัดสินใจ เขาทำให้เธอใจเย็นและมีสติ
“ฉันขอเวลาคิดก่อนนะคะ เพราะที่นี่ฉันก็เพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่เดือนแอง เกรงใจเขาค่ะ ถ้าอยู่ๆจะลาออก”
“ปรางก็บอกเขาไปว่า ที่ใหม่ให้เงินเดือนเยอะกว่ามาก บอกแค่นี้เขาก็เข้าใจแล้ว”
“คุณคิดยังไงกับเรื่องของตาก้องคะ ฉันรู้นะคะว่าคุณก็รู้ว่าย่ากับพ่อตาก้องมาหาบ่อยๆ”
“ครับ รู้ แต่ผมจะไม่ยุ่ง แล้วแต่แม่กับปรางเลย”
“ฉันอยากรู้ว่าคุณคิดยังไง”
“ความจริงแล้วปราโมทย์มีสิทธิ์ทุกอย่าง และเขาสามารถเลี้ยงดูลูกเขาได้ ผมเห็นใจมารตีนะ เขาไม่ใช่คนใจร้าย เขารักปราโมทย์มาก มากจนไม่คิดถึงตัวเอง ยอมให้สามีไปมีผู้หญิง เพื่อที่ว่าจะให้เขาได้มีลูก แต่ตัวเองกลับมานั่งเสียใจ ไม่เคยเห็นใครที่คิดเหมือนมารตี ปราโมทย์เองไม่ใช่คนดี แต่มารตีก็ยังรัก ยังทน นี่ขนาดว่าจะขอเลี้ยงตาก้องเองด้วยนะ”
“จริงๆฉันก็เสียใจนะคะ ที่เคยทำไม่ดีกับมารตี ถ้าเป็นฉันนะ หนีกลับไปอยู่บ้านกับพ่อแม่แล้ว เห็นว่าทางบ้านก็ไม่ได้ลำบากใช่ไหมคะ”
“ครับ ฐานะทางบ้านของมารตีเข้าขั้นเศรษฐีเลยล่ะ แต่เพราะรักไง ยอมได้ทุกอย่าง”
“บางทีรักมากก็ไม่ดีเลยนะคะ”
“ใช่รักมากก็ไม่ดี ยิ่งรักแบบไม่ลืมหูลืมตา ยิ่งไม่ดีใหญ่ แต่ไม่ใช่ผมนะ รักของผมคือรักที่มีเหตุผล“ อานนท์หัวเราะเสียงดัง เอ็นดูหน้าตาของปรางทิพย์ที่คงเหนื่อยใจ ไม่รู้จะพูดยังไงกับเขาดี หนีเขาไม่พ้นหรอก ถึงหนีได้ก็จะตามให้ถึงที่สุดเลย
“คุณมีคอนโด มีบ้าน อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องซื้ออีกทำไมนะคะ ไหนจะบ้านคุณป้าอีก ท่านก็อยู่คนเดียว คุณหนีมาอยู่บ้านใหม่ ไม่กลัวว่าท่านจะเหงาเหรอคะ”
“แม่เข้าใจครับ รู้ว่าช่วงนี้พี่ติดแฟน ติดคนรัก”อานนท์เข้ามานั่งที่พื้นตรงข้ามปรางทิพย์ หญิงสาวกำลังพับผ้าใส่กระเป๋าให้เขาเพื่อเอาไปใช้ที่บ้านใหม่
“คุณอย่าพูดเยอะได้ไหมคะ รู้แล้วว่ารักถึงมันจะรวดเร็วมาก แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ากลัวๆอยู่ดี “
“ครับไม่พูดแล้ว แต่จะปฏิบัติแทน”
“ห่ะ....อะไรนะคะ นี่อย่าบอกนะว่าคุณจะปล้ำฉัน”
“โอ้ย....ใครจะบ้าทำแบบนั้น ถึงพี่รักปรางมากขนาดไหน พี่ก็ไม่ทำชั่วแบบนั้นหรอก นอกจากว่าปรางจะยอม”
“ไม่พูดกับคุณแล้ว เสร็จแล้วค่ะ กลับบ้านกันเถอะ” ปรางทิพย์รูดซิปกระเป๋า ลากออกไปไว้แถวประตู
“ปรางไม่ต้องพูดก็ได้เดี๋ยวพี่พูดเอง ปรางผ่านความเสียใจกับหลายๆเรื่องมาเยอะแล้ว ถ้ามาอยู่กับพี่รับรองเรื่องของการเสียใจจะไม่มีแน่นอน พี่อยากให้ปรางมีความสุข อย่าแบกเยอะทำตัวเองให้มีความสุข แล้วปรางจะสวยตลอดไป”
ได้ผลปรางทิพย์หัวเราะ กับคำพูดของอานนท์ เขาช่างสรรหาคำมาพูด ดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาพูดเยอะ
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะกลับบ้าน มีสายแปลกๆโทรมาหาปรางทิพย์ หญิงสาวลังเลว่าจะรับดีไหม สุดท้ายก็ตัดสินใจรับ “สวัสดีค่ะ คุณปรางทิพย์ใช่ไหมคะ ฉันมารตี”
ปรางทิพย์หันมามองอานนท์ เธอตัดสินใจเปิดลำโพง “สวัสดีค่ะ คุณมารตี มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณไม่เคยโทรหาฉัน มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“ฉันอยากเจอคุณ มีเรื่องอยากจะคุยด้วย คุณพอจะว่างไหมคะ”
“ได้ค่ะ “ปรางทิพย์มองมาที่อานนท์เหมือนขอความเห็น เมื่อเห็นเขาพยักหน้า ทำให้เธอตกลงนัดคุยกับมารตี แปลกใจว่ามารดีจะคุยอะไรกับเธอ
อานนท์ดีใจ ปรางทิพย์อาจยังไม่รู้ตัวว่าไว้ใจเขามากหลายเรื่องหลายอย่าง
“นัดเขาพรุ่งนี้ แล้วปรางไม่ต้องไปทำงานเหรอ”
“ก็คุณให้ฉันลาออกมาทำงานด้วย วันพรุ่งนี้ฉันไม่ไปทำงานหนึ่งวันคงไม่เป็นไรหรอกมังคะ ไหนๆก็จะลาออกแล้ว โอ้ย....”ปรางทิพย์ร้องเสียงดัง ตกใจที่อยู่ๆอานนท์ เข้ามาประชิดตัวเธอรวดเร็วมาก จับแขนทั้งสองข้างของเธอเขย่าไปมาอย่างแรง
“อะไรกันคุณ เป็นอะไร ปล่อยแขนฉันก่อนค่ะ เจ็บ จะตกใจอะไรนักหนา”
“พี่ดีใจที่สุดเลยรู้ไหม ขอให้เชื่อว่าพี่จะไม่ทำให้ปรางเจ็บใจหรือเสียใจ พี่ไม่ให้ปรางกับครอบครัวลำบากหรอก”
“เชื่อแล้วค่ะ ปรางเชื่อแล้ว ปล่อยได้แล้วค่ะ แล้วกลับบ้านกัน ดึกแล้วเดี๋ยวต้องแวะกินข้าวอีก”
อานนท์ยอมปล่อยปรางทิพย์ลง ถึงแม้ว่าจะเสียดาย เอาเถอะอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แค่นี้เขาก็แทบจะสำลักในความสุขแล้ว บทจะง่ายก็ง่าย บทจะยากก็ยาก เขาชอบแบบนี้ เดาใจไม่ถูกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ระหว่างทางกลับบ้าน อานนท์วนเวียนจับมือของปรางทิพย์มาหอมมาดมอย่างมีความสุข