งานคืนแรกผ่านไปด้วยดี ศาลาปิดลงแล้ว เหลือเพียงกลุ่มของปรางทิพย์ หญิงสาวพยุงนางปวีณาขึ้นรถ อานนท์มาส่งทุกคนที่บ้าน พยาบาลรอบดึกมารอที่บ้านแล้ว รอบบริเวณบ้าน ยังคงมีคนของอานนท์
“ทุกคนกินข้าวก่อนนะครับ คุณน้ากับปรางทิพย์ยังไม่ได้กินอะไรเลย “
“คุณก็มากินด้วยกันนะคะ “นางปวีณาเชิญอานนท์เข้ามาภายในบ้านและชวนกินข้าวด้วยกัน บรรยากาศสุดเศร้า สองแม่ลูกกินข้าวได้น้อยมาก
“คืนนี้ดึกแล้ว ผมขอตัวกลับก่อน พรุ่งนี้สิบโมงเช้าผมมารับไปถวายเพลพระนะครับ “
ปรางทิพย์ออกมาส่งอานนท์ที่หน้าบ้าน หัวใจเธออ่อนลง แต่ก็ยังงง เวลานี้เธอไม่มีความมั่นใจอะไรเลย
“ไม่ต้องส่งผมหรอก คุณไปพักผ่อนเถอะ ทำใจให้สบายนะ เป็นหลักให้คุณน้า ท่านดูเหนื่อย”
“ขอบคุณมาก เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“ผมไม่ได้ขับเองหรอก มีคนขับให้ ขอบใจนะที่เป็นห่วง”
อานนท์รอจนปรางทิพย์เข้าบ้าน คิดถึงวันพรุ่งนี้ ปราโมทย์เพิ่งรู้ข่าวของอุสาวดี เขาคิดว่าพรุ่งนี้ต้องวุ่นวายแน่นอน
“คุณเขากลับไปแล้วใช่ไหมลูก หนูปราง”
“ค่ะแม่ ไปแล้ว นี่เราต้องขอบคุณเขาใช่ไหมคะแม่ ที่ช่วยดูแลเราทุกอย่างเลย”
“ใช่ลูก แม่ไม่รู้หรอกนะว่าจริงๆแล้วเขาคิดยังไง อย่างที่แม่บอก ดูว่าเขาจริงใจ”
“ที่รู้มาปราโมทย์ไม่ใช่น้องแท้ๆนะคะแม่ เป็นลูกติดมา แต่แม่ของปราโมทย์โกหกว่าเป็นลูกของคุณอารักษ์“
“ใครกันคุณอารักษ์”
“พ่อของคุณอานนท์ค่ะ อุสาเคยพูดให้ฟัง”
“แม่ว่านายปราโมทย์กับแม่เขาจะมาขออโหสิกรรมไหมคะ”
“จะรู้หรือยังเถอะ ว่าอุสาไม่อยู่แล้ว”นางปวีณาพูดเสียงเครือ”
“ปรางจะบอกนะคะว่า ปรางไม่ยินดี ถ้ามาไม่ดีเจอปรางแน่”
“ใจเย็นๆนะลูก แม่ว่าอย่าสร้างศัตรูเลย”
ปรางทิพย์ไม่ได้รับปากผู้เป็นแม่ เลี่ยงเข้าไปหาหลานชายที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้องกับพยาบาล การที่อานนท์ส่งพยาบาลมาช่วยดูแลหลานชาย เป็นผลดีกับแม่และเธอ ตัวเธอเองไม่มีญาติที่ไหนในกรุงเทพฯมีแค่เพื่อนที่ทำงาน และเพื่อนของน้องสาว แต่ก็นั่นแหละใครเขาจะมาอยู่ด้วยตลอดเวลา
เรื่องจ้างพยาบาลและบอดี้การ์ดที่อานนท์จัดหามา ไว้งานของอุสาวดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับทุกคนเอง ถึงเขาจะทำดีเพื่อช่วย หรือชดเชยอะไรก็ตาม ก็ไม่ได้ทำให้ความโกรธเกลียดของเธอ ที่มีต่อแม่เลี้ยงและน้องชายของเขา ลดน้อยลงเลย
เธอเคยเห็นอานนท์มาบ้าง เวลาไปส่ง หรือไปรับน้องสาวที่โรงแรม ได้แต่ยกมือไหว้เมื่ออุสาวดีแนะนำ ไม่เคยทักทายกันเป็นแบบทางการ เธอไปส่งน้องที่โรงแรม เขานั่งรถออกจากโรงแรม หรือวันไหนเธอไปเขาก็ออก เห็นแค่ผ่านตาไม่เคยได้สนทนากันมากกว่านั้น
อุสาวดีพูดถึงชื่ออานนท์ให้เธอได้ยินบ่อยๆ ฟังดูเขาก็เอ็นดูน้องสาวและหลานชายเธอ ยิ่งหลังๆอุสาวดีมีปัญหากับปราโมทย์ เธอจะได้ยินชื่อของอานนท์บ่อยๆในฐานะคนห้ามทัพ
ล่าสุดที่เจอกับเขา อุสาวดีหอบลูกไปหาปราโมทย์ที่โรงแรม ทั้งที่เป็นงานวันเกิดของมารตี โทรหาเธอให้มาช่วย เธอทั้งไปรับและไปช่วย แถมฝากรอยนิ้วมือไว้บนแก้มของมารตี ใครจะไปทนได้มาด่าว่าครอบครัวเธอ งานฉลองวันเกิดคืนนั้นวุ่นวาย เธอจำได้แล้วว่าอานนท์นั่นเองที่เข้ามาห้าม และขอร้องให้อุสาวดีกลับบ้านไปก่อน เอาจริงๆเธอกับเขาก็เจอกันหลายครั้ง แต่เธอจำเขาไม่ได้เองเพราะอยู่ในอารมณ์โกรธ
ปรางทิพย์นอนพลิกไปพลิกมา ขบคิดปัญหาต่างๆคิดว่าต่อไปเธอกับแม่ต้องมีปัญหาแน่ๆ ปราโมทย์กับแม่เขาคงไม่ยอมให้เธอกับแม่เลี้ยงหลาน เธอรู้ว่าต่อสู้ไปก็ไม่ชนะ เพราะเธอเป็นแค่ป้ากับยาย ไม่ใช่แม่ ส่วนปราโมทย์ยังไงเขาก็เป็นพ่อ ไม่รู้ล่ะ เธอจะสู้ให้ถึงที่สุด ไม่ยอมคืนก้องภพให้ง่ายๆหรอก และถ้าหากให้คืนไป เจอกับแม่เลี้ยงอย่างมารตี ฝ่ายนั้นจะยอมรับหลานเธอไหม นี่คือปัญหาใหญ่ ส่วนคุณดารารายเธอไม่ห่วง เพราะรู้ว่าย่าอยากได้หลานชายอยู่แล้ว
>>>>>>>>>
จริงอย่างที่อานนท์คิดไว้ ปราโมทย์โทรหาเขาหลายสาย แต่เขายังไม่อยากรับ บอกเรื่องที่เกิดขึ้น แค่กับพ่อและแม่ของเขาเท่านั้น ถือว่าปราโมทย์และแม่เลี้ยงไม่เกี่ยว ในเมื่อสองคนนั้นไม่ยอมรับอุสาวดี ถึงกับไล่ออกจากบ้าน ก็ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน เขาเคยได้ยินว่าปราโมทย์ไม่เชื่อว่าก้องภพเป็นลูกของตัวเอง จนอุสาวดีต้องพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอ สองแม่ลูกถึงได้ยอมรับ และเจรจาขอเด็กไปเลี้ยงเอง แน่นอนอุสาวดีไม่ยอม เพราะโกรธสองแม่ลูกที่ก่อนหน้านั้น ไม่เชื่อว่าเธอท้องกับปราโมทย์จริงๆ
มีหลายเหตุการณ์ที่คุณดาราราย ปราโมทย์ และมารตี พยายามบีบบังคับ เพื่อที่จะให้อุสาวดียกลูกชายให้ สามคนพยายามทำทุกอย่าง เขารู้เรื่องเพราะคนงานในบ้านมาเล่าให้ฟัง สงสารอุสาวดี แต่เขาก็เข้าไปยุ่งมากไม่ได้ เด็กสาวใสๆที่หลงรักปราโมทย์ ถึงเขาจะทำให้เจ็บปวดก็ยังรัก และเมื่อไม่สามารถดึงเขากลับมาได้ ก็เลือกที่จะจากไป โดยที่ไม่ได้คิดถึงลูกน้อยเลยว่าจะอยู่ยังไง
สงสารอุสาวดีและก้องภพ ถึงแม้ว่าแรกๆย่ากับพ่อจะไม่ได้ต้องการ เขาเคยคิดด้วยซ้ำว่าถ้าหากไม่มีใครสนใจก้องภพ เขาจะรับเป็นบุตรบุญธรรมเสียเอง และดีใจที่ยายและป้าของเด็กชาย รักและหวงหลานมาก เหมือนว่าจะรักมากว่าแม่ผู้ให้กำเนิดด้วยซ้ำ
“พี่นนท์ครับ อุสาวดีเสียแล้วจริงๆเหรอครับ “
“ทำไม?นายสนใจด้วยเหรอ ไม่รักเขาแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เขาเป็นอะไรครับพี่นนท์ ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย”
“กินยา และอีกหลายอย่าง พี่สาวเขาช่วยไว้ได้ทัน พาส่งโรงพยาบาล แต่ภายในแย่หมดแล้ว อย่าพูดนะว่าแกไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร ทำไมเขาถึงเลือกแบบนั้น นายรู้ดี แม่นายก็รู้ มารตีก็รู้”
“ไม่เอาน่าพี่นนท์ ผมไม่อยากทะเลาะกับพี่ เขาอยู่วัดไหนครับ”
“พี่บอกแล้วแกจะกล้าไปเหรอปราโมทย์”
“เดี๋ยวผมหาทางไปเองครับ พี่สาวกับแม่เขาคงไม่อยู่ตลอดหรอกมั้งครับ”
“พี่เตือนไว้ก่อนล่ะกัน ครอบครัวกำลังโกรธและเกลียดนายกับแม่นายมาก ระวังตัวด้วย”
อานนท์ไม่ได้กลับบ้านตัวเอง เขาให้คนขับรถไปส่งที่บ้านแม่ และให้มารับพรุ่งนี้ก่อนสิบโมงเช้า ทุกครั้งที่เขามีเรื่องไม่สบายใจ จะต้องไปปรึกษาแม่ ไม่ได้อยากช่วยปรางทิพย์เฉยๆแต่เขามีความหวังบางอย่าง จะไปบอกแม่ตรงๆว่าเขาสนใจปรางทิพย์ แต่ถ้าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปราโมทย์ เรื่องราวทุกอย่างคงจะง่ายกว่านี้ ในเมื่อเขาตั้งใจแล้ว เขาก็จะไม่สนใจใครทั้งนั้น ถือว่าไม่เกี่ยวกันที่เขาช่วยเหลือปรางทิพย์เพราะเขาเต็มใจ ถ้าเขาไม่ช่วย ครอบครัวนั้นไม่มีใครเลย
“ว่ายังไงลูกชาย ลมพายุอะไรพัดพามาหาแม่วันนี้หือ....”
“คิดถึงแม่ครับ”
“มันต้องมีเรื่องซิน่า มาดึกๆดื่นๆเข้ามาก่อนลูก”
คุณบุษบา รู้ว่าลูกชายต้องมีเรื่องใหญ่แน่ๆไม่งั้นเขาไม่มาหาถึงที่บ้าน ปกติบ้านหลังนี้คุณบุษบาอาศัยอยู่กับลูกชาย แต่เพราะอยู่ชานเมือง งานของลูกชายอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯเขามักจะไปพักที่คอนโดมากกว่ากลับมานอนที่บ้าน แต่ทุกวันเสาร์เขาจะกลับมาหาแม่ เช้าวันจันทร์กลับไปทำงาน ทำแบบนี้มาโดยตลอดตั้งแต่เขาเริ่มออกไปใช้ชีวิต
“ไวน์หน่อยไหมลูก ดูหน้าตาเหนื่อยๆนะ”
“ขอบคุณครับแม่ ดีเหมือนกันนะครับ วันนี้เหนื่อยจริงๆ”
“เล่ามาเรื่องผู้หญิงใช่ไหม ดูหน้าตาเดี๋ยวมีความสุขเดี๋ยวมีความทุกข์”
“ทำไมแม่รู้ครับ”
“แม่เป็นแม่นะอานนท์ ทำไมจะไม่รู้”
อานนท์ตัดสินใจเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากำลังทำอยู่เวลานี้ให้กับผู้เป็นแม่ได้ฟัง
“ชอบเขามากเหรอลูก”
“ชอบมากครับแม่ เขาเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจ “
“เล่นออกตัวแรงแบบนี้ ไม่กลัวมีปัญหากับบ้านโน้นเหรอ”
“ไม่ครับ ผมว่าไม่เกี่ยวกัน อีกอย่างปราโมทย์ก็ไม่ใช่ลูกพ่อ เราก็รู้กันอยู่ ความจริงเราแทบไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย พ่อให้โอกาสสองแม่ลูกนั่นเยอะเกินไป”
“เนี้ยแหละเพราะความใจดีของพ่อเรา เขาทำอะไรถึงไม่เห็นหัวเลย”
“เอาจริงๆเราแทบไม่ได้ข้องเกี่ยวกันแล้วนะครับแม่ พ่อก็ยกสมบัติที่เหมาะสมให้เขาไปแล้ว จริงๆไม่ต้องยกให้ก็ยังได้ เพราะพ่อเห็นว่าช่วงที่น้าดารารายอยู่กับพ่อเขาก็ช่วยเรื่องงาน ดูแลพ่อ ยิ่งมารู้ว่าปราโมทย์ไม่ใช่ลูก ความจริงพ่อน่าจะริบทุกอย่างคืน พ่อก็ไม่ทำ ถ้าเขาจะเอาเรื่องที่ผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปรางทิพย์ มานินทาว่าร้ายปรางทิพย์ ผมก็จะไม่ไว้หน้าเหมือนกัน”
“แม่ก็แล้วแต่นนท์ล่ะกันนะลูก แม่เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่นนท์ทำดีหมด อย่าลืมพาผู้หญิงของลูกมาให้แม่ลูกจักบ้างนะ”
“ครับแม่ จะพามาแน่นอนครับ”
“เอ...หรือว่าแม่จะไปงานของอุสาวดี อยากไปดูหน้าว่าที่ลูกสะไภ้ซะแล้วซิ”
“ถ้าแม่ไปก็ดีซิครับ ปรางทิพย์จะได้ไว้ใจผมมากขึ้น ถึงช่วงนี้เขาจะให้ผมช่วยเหลือ แต่ผมก็เชื่อว่า เขายังไม่ค่อยไว้ใจนักหรอก ยังคิดว่าผมจะพยายามพาหลานของเขาไปให้ปราโมทย์”
“ไว้แม่จัดการเอง นี่แม่เขาอายุเท่าไหร่”
“น่าจะใกล้เคียงกับแม่นะครับ เห็นว่าแยกกันอยู่กับพ่อเขาเหมือนกัน แล้วพาลูกอพยพเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ”
“ไปรู้เรื่องเขาขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ได้ยินอุสาวดีคุยกับปราโมทย์ครับ เมื่อสมัยที่สองคนยังทำงานอยู่ที่โรงแรม”
“เมื่อไหร่นะ พวกผู้ชายถึงจะพอสักที ไม่นึกถึงจิตใจของผู้หญิงบ้างเลย แม่หวังว่านนท์จะไม่เหมือนผู้ชายพวกนั้นนะลูก”
“แม่ก็รู้ว่าผมไม่ใช่นิสัยแบบนั้น ผมรักเดียวใจเดียวครับ”
“นี่ผมหวั่นใจอยู่นะครับ ปราโมทย์เพิ่งรู้เรื่อง เดาเอาว่าเขาต้องไปที่วัดแน่นอน”
“ไปทำไม อย่าบอกนะว่ารู้สึกผิด”
“เขาก็คงจะรู้สึกผิดจริงๆครับแม่และคง อยากได้ลูกมาเลี้ยงเอง”
“จะเชื่อได้ยังไงว่าสองแม่ลูกนั่นรักลูกรักหลานจริงๆ”
“นั่นน่ะซิครับ ไม่เอาแม่เขา แต่จะเอาลูกเขา ใครเขาจะให้”
“ไม่รู้เป็นยังไง แม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ลูกสนใจ ตกลงพรุ่งนี้แม่จะไปงานด้วยนะ”คุณบุษบาคิดแบบนั้นจริงๆ นานมากแล้วที่อานนท์ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน ความจริงไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนไหนให้ฟังเลย ปรางทิพย์เป็นคนแรก คุณบุษบาเชื่อว่าลูกชายเอาจริง