ชนาธรณ์ที่นอนบนเตียงมองไปยังร่างเล็กคุ้นตาที่กำลังเก็บเสื้อผ้าของเขาอยู่ที่มุมห้อง อลิลดากำลังเก็บเสื้อผ้าของเขาไปซักในเช้าวันหยุด ปกติวันหยุดเขาจะค้างที่คอนโด แต่เมื่อคืนเขากลับบ้านมาทานข้าวกับคุณแม่ชม้อยที่รัก และดึกจึงนอนค้างที่นี่ สงสัยอลิลดาจะไม่รู้ว่าเขาค้างที่นี่จึงถือวิสาสะเข้ามารบกวนเวลานอนพักผ่อนของเขาในตอนเช้า
“รีบเก็บรีบไปได้แล้ว ฉันหนวกหู” เขาบอกเธอพร้อมพลิกตัวนอนหันหลังให้เธอที่กำลังก้มเก็บเสื้อผ้าของเขาอยู่และคัดแยกเสื้อผ้าของเขาด้วย
“ขอโทษค่ะคุณธร ดาไม่รู้ว่าเมื่อคืนคุณค้างที่บ้าน” เธอบอกเขาพร้อมรีบทำงานของตัวเองให้เสร็จ
“อือ...ถ้ารู้แล้วก็รีบทำงานแล้วรีบออกไปซะ รำคาญ” เขาบอกจบก็ดึงรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวตัวเอง
ส่วนอลิลดาก็รีบเก็บเสื้อ กางเกง กางเกงบ็อกเซอร์และกางเกงชั้นในของเขาใส่ตะกร้าโดยไม่สนใจจะแยกผ้าอีก เพราะตอนนี้ต้องรีบออกไปจากห้องของเขาให้เร็วที่สุด ก่อนจะถูกไล่อีกครั้ง และเมื่อเก็บเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าครบหมดแล้วก็รีบถือเดินออกไปทันที
ปึก!
“รำคาญชะมัด!” ชนาธรณ์ดีดตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงทันทีเมื่อเสียงประตูห้องปิดแนบสนิท
“แล้วใครจะหลับต่อได้ล่ะตื่นแล้ว”
เขาบ่นพึมพำแล้วก้าวเท้าลงจากเตียงด้วยร่างเปลือยเปล่า ดีนะที่เมื่อกี้เขานอนห่มผ้า ไม่งั้นอลิลดาได้ร้องกรี๊ดลั่นห้องแน่ เพราะเวลานอนเขาไม่ชอบใส่เสื้อผ้า เขาชอบนอนเปลือย
คุณนายชม้อยมองดูลูกชายที่เดินมานั่งทานข้าวได้ในเช้าวันหยุด ปกติแล้วชนาธรณ์จะตื่นสายในวันหยุดและจะนอนค้างที่คอนโด แต่เมื่อคืนอยู่คุยกับนางจนดึก นางเลยบอกให้นอนค้างที่บ้าน และเช้านี้นางก็ดีใจที่มีเพื่อนทานข้าวด้วย
“ตักข้าวได้แล้วแม่นิด” นางสั่งนิดาทันทีเมื่อลูกชายนั่งลง
“ค่ะ คุณท่าน” แล้วนิดาก็ตักข้าวต้มทะเลเสิร์ฟคุณท่านและลูกชายของคุณท่านทันที
“ขอบใจแม่นิด ไปไหนก็ไปเถอะ ให้น้อยกับนางมาดูแลก็ได้ หล่อนน่ะอายุเยอะแล้ว ไปพักบ้างก็ได้ ช่วงนี้ได้ยินพ่อเข้มผัวหล่อนบอกว่าหล่อนปวดหัวบ่อยๆ ไม่ใช่เรอะ!” ชม้อยบอกแม่บ้านของตนเองให้ไปพักผ่อน ด้วยรู้เรื่องสุขภาพของนิดามาจากเข้ม สามีของนางที่เป็นคนขับรถประจำตัวของตน
“ไม่เป็นไรหรอกคุณท่าน อิฉันแค่ปวดหัวเพราะนอนไม่พอเฉยๆ ค่ะ” นางบอกตอบ
“อือ...ได้ยังไง เดี๋ยวมาเป็นลมเป็นแล้งอีก หัดไปหาหมอบ้างนะ เงินทองน่ะจะเก็บไว้ทำไม ถ้าไม่อยากออกค่าหมอมาเบิกกับฉันได้ ฉันออกให้” นางบอกพร้อมส่ายหัวเล็กน้อยแล้วหยิบน้ำขึ้นมาจิบดื่มก่อนจะทานข้าว
“นั่นสิครับน้านิด ไปหาหมอก็ดีนะครับ สุขภาพเราสำคัญ เรื่องงานในบ้านก็ให้นางกับน้อยและดาทำก็ได้นี่ครับ ให้วัยรุ่นคนหนุ่มคนสาวเขาทำน่ะดีแล้ว” ชนาธรณ์เอ่ยเห็นด้วยกับคนเป็นแม่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงน้าจะแก่ แต่น้าก็ไหวนะคุณธร” นางบอกเจ้านายหนุ่ม
“ครับ ผมรู้ว่าไหว แต่ร่างกายเราสำคัญ ไปตรวจร่างกายบ้างนะครับ เดี๋ยวมาเบิกกับคุณแม่ชม้อยได้ ใช่ไหมครับ พาน้าเข้มไปด้วยนะครับ” เขาบอกพลางส่งยิ้มทรงเสน่ห์ให้คนเป็นแม่
“แม่ก็นึกว่าจะออกให้แม่นิดกับพ่อเข้ม แต่ช่างเถอะ ไปตรวจสุขภาพกันทุกคนนั่นแหละ ทั้งนางและน้อยก็ไปด้วย ฉันจะออกค่าหมอให้เอง อย่างกนักเลย เงินทองของนอกกาย หามาก็ต้องใช้ ไม่ใช่เก็บไว้รักษาตัวเองตอนป่วยหนักใกล้ตายนะแม่นิด ไปพักเถอะ ให้นางกับน้อยอยู่ก็พอ แล้วแม่ดาไม่ไปเรียนเหรอวันนี้” นางถามถึงลูกสาวของนิดา
“วันนี้ยัยดาไม่มีเรียนค่ะคุณท่าน”
“อืม...บ่ายๆ ให้ไปนวดให้ฉันบนห้องหน่อยนะแม่นิด คิดถึงฝีมือนวดแม่ดาจริงๆ” นางบอก
“ค่ะ คุณท่าน” นางรับคำ
“อือ...ไปพักเถอะ แล้วหลังทานข้าวอิ่ม ฉันจะออกไปซื้อของข้างนอกให้พ่อเข้มผัวหล่อนเตรียมตัวด้วยล่ะ”
“ค่ะ คุณท่าน” นิดารับคำสั่งแล้วก็เดินออกจากห้องรับประทานอาหารไปทิ้งเหลือแต่เจ้านายทั้งสองและนางกับน้อยในห้องรับประทานอาหาร
“พ่อธร แม่จะไปเยี่ยมพ่อธิปที่ฝรั่งเศสนะอาทิตย์หน้า”
“ครับ เรื่องตั๋วเครื่องบินคุณแม่ให้ผมจัดการให้ไหมครับ”
“อือ...จัดการให้แม่เถอะ แม่ว่าจะไปสักหนึ่งเดือนนะพ่อธร จะอยู่ให้หายคิดถึงน้องชายเราสักหน่อย ไม่รู้ไปหลงแหม่มผมทองแล้วลืมแม่หัวขาวๆ คนนี้ไปแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้”
“คุณแม่ก็ คุณแม่ชม้อยยังสาวยังสวยนะครับ มองยังไงก็เหมือนพี่สาวมากกว่าแม่ผมนะเนี่ย” เขาชมเย้าหยอกแม่
“ปากหวาน แม่ล่ะอดอิจฉาหนูแป้ง คู่หมั้นลูกไม่ได้เลย”
“ทำไมต้องอิจฉาน้องแป้งด้วยครับ ไม่มีใครแทนแม่ชม้อยได้ แม่ก็รู้ ว่าแต่ไปหนึ่งเดือนไม่คิดถึงลูกชายทางนี้บ้างเหรอครับ” เขาถามท่าน
“ไม่คิดถึง แม่เบื่อหน้าเราไงถึงต้องไปหาพ่อตัวดีที่ฝรั่งเศส ว่าแต่เราเถอะ อย่าก่อเรื่องรู้ไหม เอาใจหนูแป้งด้วย แม่รู้นะว่าเราน่ะแอบทำอะไรลับหลังหนูแป้งบ้าง แต่แม่ก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย แต่ระวังด้วยล่ะ โรคมันเยอะ อีกอย่างเพลาๆ ลงบ้างก็ได้ อีกไม่นานก็ต้องแต่งงานแล้ว ลูกไม่ควรทำแบบนี้แล้วนะ นึกถึงใจหนูแป้งด้วย”
“ครับผม ผมก็ไม่ได้เที่ยวตั้งแต่หมั้นกับน้องแป้งแล้วนะครับ เนี่ยผมก็จำศีลอยู่ ไม่ได้แตะต้องสตรีนางใดเลยช่วงนี้” เขาพูดตอบกลับ
“ให้จริงเถอะ จำศีลให้ถึงแต่งงานปีหน้าได้ยิ่งดี แม่ล่ะกลัวเหลือเกินว่าเราจะก่อเรื่องทำให้หนูแป้งเสียใจ หนูแป้งก็เหมือนลูกสาวแม่นะ แม่เห็นมาแต่เด็ก แถมเป็นลูกสาวของรุ่นน้องแม่สมัยเรียนด้วย อย่าทำอะไรให้ผู้ใหญ่ต้องบาดหมางกันก็พอ เข้าใจไหมพ่อธร เราน่ะอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ” ชม้อยเอ่ยสั่งสอนลูกชายขณะตักข้าวต้มในชามทานไปด้วย แม้ว่าปีนี้จะอายุ 68 ปีแล้ว แต่นางยังคงแข็งแรง ถ้าคนไม่รู้จักคงคิดว่านางเพิ่งอายุ 50 ปีต้นๆ แน่นอน
“ครับ ที่รักของลูก ทานข้าวเถอะครับ”
“อือ...ลูกล่ะ วันนี้จะออกไปไหนหรือจะอยู่บ้าน”
“ไม่ไปไหนครับ อยู่บ้านดีกว่าขี้เกียจ”
“อือ...ดีแล้ว”
แล้วสองแม่ลูกก็สนใจทานข้าวตรงหน้าตัวเองต่อไม่พูดโต้ตอบกันอีกเมื่อหมดเรื่องจะคุยกันแล้ว