ครั้นเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นจากชายเสื้อและกระโปรงที่เปียกเปรอะไปด้วยคราบน้ำ ตอนนั้นจึงได้เห็นว่ารถปอร์เช่ บ็อกสเตอร์ สไปเดอร์ คันหรู ราคาเกือบสิบล้านคันหนึ่งกำลังชะลอจอดเลียบข้างไหล่ทาง กระจกไฟฟ้าของประตูฝั่งคนขับเลื่อนลงช้าๆ เผยเค้าโครงหน้าคมคร้ามของชายผู้เป็นคนขับ
เขาชะโงกออกมามองด้วยสีหน้าสำนึกผิดที่รีบร้อนขับรถเร็วจนไม่ทันได้ระมัดระวังหลุมบ่อข้างทาง
“ขอโทษนะครับ…”
เสียงทุ้มกังวานตะโกนออกมาก่อน
จากนั้นก็รีบเปิดประตูลงมาจากรถ
เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เกินกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร อกกว้างผึ่งผายสมชายชาตรี ก้าวออกมาสู่ประกายแสงแดดสีทองของยามสาย ขณะที่บริเวณถนนด้านหน้าของโรงแรมเริ่มคลาคล่ำไปด้วยรถรา แล่นขวักไขว่ไปมา
ร่างสูงใหญ่ตรงรี่เข้ามาหาเธอที่ยืนทำหน้าเซ็งอยู่อีกฟากถนนอย่างมิอาจปิดซ่อนความรู้สึกโกรธ เมื่อเสื้อผ้าของเธอต้องเปรอะเปื้อนเพราะความไม่ระมัดระวังของเขา
“ขอโทษที…ผมรีบไปหน่อย”
สาเหตุที่ไทเลอร์ขับรถเร็วก็เพราะไม่อยากให้คนที่มานั่งรอสัมภาษณ์ต้องคอยนาน ด้วยยังไม่รู้ว่าพีระพงษ์ซึ่งเป็นประธานบริษัทได้สัมภาษณ์และตกลงรับแอลลี่เข้าทำงานเป็นที่เรียบร้อย
แอลลี่มองสบตาเขา เครื่องหน้าทุกอย่างบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาประกอบกันอย่างได้รูปที่สุด ซึ่งแวบแรกเธอก็ตกใจอยู่เหมือนกัน…เมื่อเห็นว่าเจ้าของร่างสูงใหญ่นั้นเป็นใคร
สายตาของทั้งสองจ้องประสานกันราวกับมีอำนาจแม่เหล็กเหนี่ยวนำให้พุ่งทะยานเข้ามาหา ไทเลอร์เกิดอาการเหมือนต้องมนตรา ใบหน้าสะสวยของหญิงสาวสะกดจนเขาแน่นิ่ง
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความรู้สึกที่เรียกว่า ‘รักแรกพบ’ หรือ ‘Love At First Sight’ จะเกิดขึ้นกับผู้ชายที่มีคู่หมั้นและกำลังจะแต่งงานอย่างเขา
แอลลี่ส่งยิ้มหวานให้เขาอย่างมีจริต
มีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าผู้ชายที่มีภาพปรากฏอยู่บนหน้าปกนิตยสารบ่อยๆ คนนี้คือใคร ล่าสุดถ้าเธอจำไม่ผิด…เขาเพิ่งขึ้นปกนิตยสารจีเอ็ม แมกกาซีนมาหยกๆ ในฐานะนักธุรกิจด้านโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุเพิ่งจะสามสิบต้นๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ…แต่คราวหน้าระมัดระวังกว่านี้ก็ดีนะคะ ดีที่ฉันสัมภาษณ์งานเสร็จแล้ว ไม่เช่นนั้นคงแย่หน่อย ถ้าขืนต้องเข้าไปสัมภาษณ์งานในสภาพทุลักทุเลเหมือนลูกหมาตกน้ำแบบนี้”
เธอชี้นิ้วมาที่ตัวเอง แม้ว่าจะตำหนิเขา หากแต่อารมณ์กรุ่นโกรธก็ค่อยๆ คลายลง อย่างน้อยเขาก็ได้ขอโทษเธอแล้ว
“เอ่อ…”
เจ้าของร่างสูงใหญ่ขมวดคิ้ว เมื่อรู้ว่าหญิงสาวคนนี้เพิ่งเดินออกมาจากโรงแรมซึ่งเขาทำงานอยู่ ดวงตาสีน้ำตาลชวนฝันของชายหนุ่มหรี่ลงเล็กน้อย นิ่งอยู่ในอาการครุ่นคิดว่าเคยเห็นใบหน้าสะสวยสะดุดตาของหญิงสาวคนนี้จากที่ไหนสักแห่ง กระทั่งนึกขึ้นได้ในนาทีต่อมาว่าเขาเคยเห็นรูปเธอจากจดหมายสมัครงานนั่นเอง
“ผมนึกออกแล้ว…คุณคือคนที่ผมนัดเข้ามาสัมภาษณ์นั่นเอง”
กล่าวแล้วก็หยุดไปชั่วขณะ ความจำเขาเป็นเลิศ อึดใจเดียวก็นึกชื่อของหญิงสาวตรงหน้าได้อย่างแม่นยำ
“คุณแอลลี่ใช่ไหมครับ”
เขาจดจำชื่อเธอได้
แอลลี่ส่งใบสมัครงานเข้ามาในตำแหน่งพนักงานต้อนรับส่วนหน้า หรือที่เรียกกันว่า Front Reception Office เขาเพิ่งสัมภาษณ์เธอทางโทรศัพท์เมื่อสามวันก่อน
“ใช่ค่ะ…เอ่อ คุณคือ…”
หญิงสาวแกล้งทำสีหน้าประหลาดใจออกไปอย่างนั้นเอง อันที่จริงเธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร รู้แม้กระทั่งประวัติโดยละเอียดของเขา…
“ผมไทเลอร์ครับ”
ชายหนุ่มรีบแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มกว้าง
ท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มร้อนแรงขึ้นทุกที สายตาคมเหมือนเหยี่ยวนักล่าจ้องเหยื่อ แทบไม่ละไปจากดวงหน้าสะสวยของหญิงสาว
ไทเลอร์กำลังนึกในใจว่าตัวจริงของแอลลี่สวยกว่าในรูปถ่ายที่เขาเห็นเป็นสิบเท่า ใบหน้าได้รูป แก้มเรื่อละมุนไปด้วยความเปล่งปลั่งของวัยสาว น่าแปลกที่เขาไม่เคยรู้สึกชื่นชมผู้หญิงคนไหนเหมือนกับความรู้สึกที่กำลังเกิดกับเธอในตอนนี้
“ตายจริง…ที่แท้ก็จุดใต้ตำตอ สวัสดีค่ะคุณไทเลอร์”
เธอแกล้งทำเสียงตกใจ ก่อนยกมือขึ้นไหว้นอบน้อม
หากแต่ไม่ทันที่ไทเลอร์จะกล่าวอะไร เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน
เป็นวิไลวรรณนั่นเองที่โทรเข้ามา หล่อนรีบรายงานให้รู้ว่าพีระพงษ์ได้สัมภาษณ์แอลลี่แทนเขาไปแล้วเมื่อครู่ และตัดสินใจรับหญิงสาวเข้าทำงานเป็นที่เรียบร้อย
ไทเลอร์เหมือนมีเลขาฯ สองคน วิไลวรรณเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของพีระพงษ์ก็จริง แต่เธอจำเป็นต้องรู้รายละเอียดเกี่ยวกับตารางนัดหมายในแต่ละวันของเขาด้วยเช่นกัน แม้ว่าไทเลอร์จะมีสายสมรเป็นเลขาฯ ส่วนตัวอยู่แล้วก็ตาม
เกี่ยวกับสายสมร อันที่จริงไทเลอร์ไม่ปลื้มเธอสักเท่าไร เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าการที่สายสมรถูกส่งมาเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของเขานั้นเกิดจากความเห็นชอบแบบเผด็จการทางความคิดของสโรชาซึ่งเป็นคู่หมั้นของเขานั่นเองที่ต้องการให้ช่วยจับตาดูความประพฤติของเขา ด้วยหวาดระแวงว่าเขาอาจจะเผลอไผลไปทำรุ่มร่ามกับพนักงานสาวๆ ของโรงแรมเข้าสักวัน โดยเฉพาะแผนกต้อนรับที่ต้องคัดสรรเฉพาะหญิงสาวหน้าตาสะสวยเข้ามาทำงาน
ในสายตาของไทเลอร์ นอกจากสายสมรจะไม่สวย จืดชืดไร้เสน่ห์ มิหนำซ้ำเธอยัง ‘เนิร์ด’ อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็มีข้อดีในเรื่องสติปัญญา ทำงานเร็วและเก่งคอมพิวเตอร์
จากบุคลิกภาพของสายสมรที่ได้เห็น ไทเลอร์เดาได้ว่าตอนเป็นนักศึกษาสายสมรต้องเป็นพวกที่ไม่ชอบเข้าสังคม วันๆ หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องเรียน ถือตำราเล่มหนาๆ สวมแว่นตากรอบดำหนาเตอะ แต่งตัวเชยๆ แต่ที่สายสมรสามารถเข้ามานั่งเชิดหน้าเป็นเลขาฯ หน้าห้องของเขาได้อย่างทุกวันนี้ ก็เพราะว่าเธอเป็นญาติและเป็นเพื่อนรักของสโรชา
“โอเค…งั้นก็ดีแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้ผมไม่เข้าออฟฟิศนะ อะไรที่นัดไว้ก็บอกให้เลื่อนไปพรุ่งนี้…ตอนบ่ายผมไม่รับโทรศัพท์”
ไทเลอร์สั่งสั้นๆ
เขานึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าการที่พีระพงษ์ตัดสินใจสัมภาษณ์แอลลี่ด้วยตัวเองนั้น…บางทีอาจจะมีเหตุผลบางอย่างซ่อนเร้นเอาไว้ ซึ่งไทเลอร์ก็พอจะรู้ทัน ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นเสือผู้หญิง ราวกับ ‘เสือ’ เห็น ‘เสือ’ ด้วยกันเอง ทำให้เขาอดครุ่นคิดไปในทางลบไม่ได้ว่าบางทีว่าที่พ่อตาของเขาซึ่งในอดีตก็เคยสร้างวีรกรรมความเจ้าชู้จนกระฉ่อนฉาวเป็นที่เล่าลือ อาจจะเกิดความสนใจในตัวของแอลลี่ขึ้นมาก็ได้ เหมือนสุภาษิตสำนวนไทยที่ว่า ‘วัวแก่อยากกินหญ้าอ่อน’
“ค่ะ…คุณไทเลอร์”
วิไลวรรณรู้ว่าไม่ควรซักไซ้ต่อ
เมื่อวางสายจากเลขาฯ ความสนใจของชายหนุ่มก็มุ่งตรงมาที่แอลลี่ในทันที