Chapter 3
ให้ผมช่วยไหม (2)
‘ไอ้บ้าเอ๊ย บ้ากาย มึงมาทำอะไรที่นี่’
หรัณย์รู้สึกกระสับกระส่ายทั้งที่บรรยากาศภายในบาร์โฮสนั้นแสนเย็นฉ่ำจนหนาว ตอนรับทราบภารกิจเขาคิดว่ามันจะง่ายเพราะงานเข้าหาสาวๆ มันคืองานถนัดที่เขาชอบอยู่แล้ว…แต่ทุกครั้งเขาจะเป็นฝ่ายล่าและเลือกเหยื่อด้วยตัวเองไม่ใช่เล่นบทบาทผู้ถูกล่าให้ใครมาชี้นิ้วเลือกเช่นนี้
‘เธอมาทำบ้าอะไรที่นี่นะยายรัก’
มาลารินมองหน้าพีอาร์หนุ่มที่กำลังเรียกโฮสมาให้เธอเลือกหลังจากนั่งดื่มอย่างเอาเป็นเอาตายมาได้สักพัก ดวงตากลมโตกลอกไปมาระคนตื่นกลัวกับสิ่งรอบกาย เมื่อได้เข้ามาเหยียบบรรยากาศจริงของบาร์โอส เธอกลับรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ
ไม่เป็นไรใครๆ เขาก็มากัน เธอปลอบใจตัวขณะเหลียวมองไปยังโต๊ะที่มีแขกนั่งอยู่ก่อนตน...มันคือโลกใหม่ที่เธอเพิ่งจะค้นพบว่านักเที่ยวโฮสส่วนใหญ่ไม่ใช่สาวแก่แม่ม่ายอย่างที่เคยเข้าใจ ยุคสมัยเปลี่ยนไปเมื่อสาวๆ สมัยใหม่เป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าบาร์ผู้ชายอย่างเปิดเผย โดยไม่แคร์ว่าใครจะมองอย่างไร
‘รู้ยังงี้ชวนไอ้อั๊ตมาด้วยก็ดี’ เธอหมายถึงอติเทพเพื่อนเกย์ ฝ่ายนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอแอบมาที่นี่คนเดียว ...เพราะอารมณ์เสียใจและเปลี่ยวเหงาเข้าขั้นวิกฤติ ทำให้ตัดสินใจประชดชีวิตที่ไม่เหลืออะไรด้วยการมาหาความสุขด้วยคำอ้างหัวใจที่ว่า ใครๆ เขาก็ทำกัน
หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มหุ่นล่ำกล้ามโตหน้าตาดีที่เรียงแถวมาให้เธอเลือก พลางลอบกลืนน้ำลายลงคอเพราะมันช่างให้อารมณ์เหมือนมาชี้ตัวนักโทษไปเข้าซังเตไม่มีผิด แต่ทำไม เธอจึงสะดุดตากับเขาคนนั้น คนที่เหมือนคุ้นหน้าเพียงแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน
หรัณย์สบตาหญิงสาวที่กำลังจ้องมองหน้าตนอย่างสงสัย เขาคุ้นหน้าเธอแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน ใบหน้าสวยที่ซ่อนอยู่ภายใต้เครื่องสำอางค์ที่ก็ไม่รู้ว่าเธอประโคมอะไรเข้าไปบ้าง ทำให้เขาได้แค่สงสัยเพราะนึกเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า คนที่เดินเข้ามาเที่ยวโฮสคนเดียวในเวลานี้เคยเจอกันที่ไหน
สบตากันไปมาจนได้เรื่อง มาลารินหันไปบอกพีอาร์หนุ่มหล่อว่าเธอขอให้เขาคนนั้นมาอยู่เป็นเพื่อนกันสักคืน…'ฉันไม่ใช่คนบ้ากามอย่ามองแบบนั้น’ คิดเมื่อยามสายตาคู่เดิมจับจ้องมองมา ยามที่ได้รู้ว่าเขาคือผู้ถูกเลือกให้มานั่งดริ๊งค์กับเธอ
ค่อยยังชั่วที่ประเดิมคืนแรกเขาเจอแขกที่ทั้งสาวและสวยสนใจให้เขานั่งเป็นเพื่อนคุย หรัณย์คิดพลางนำเธอเดินไปที่ห้อง
วีไอพี ตามความต้องการของแขกที่อยากได้ความเป็นส่วนตัว
เขามาที่นี่เพราะภารกิจลับ ฉะนั้นเธอจะดื่มมากหรือน้อยเขาไม่สนใจ เขาไม่ได้ร้อนเงินจนต้องเชียร์ดริงค์เพื่อแลกกับเงินที่จะได้จากแขกที่ยิ่งดื่มมาก โฮสคนนั้นก็จะได้มากตามไปด้วย
เธอคงจะไม่ธรรมดาถึงได้มาคนเดียว หรัณย์คิดขณะลอบมองไปยังเรือนร่างที่ห่อหุ้มด้วยเดรสสีดำขับผิวขาวให้โดดเด่น ในสายตาของเขาผู้หญิงที่เดินเข้ามาหาเพื่อนคุยในบาร์ ล้วนแล้วแต่มีปมด้อยในใจและพวกเธอแค่เข้ามาเพื่อลบล้างปมด้อยเหล่านั้นออกไป เขามองผู้หญิงเที่ยวโฮสแค่นั้นจริงๆ
‘ละ แล้วเขาต้องทำกันยังไง’
มาลารินยืนเก้ๆ กังๆ หลังจากมาอยู่เพียงลำพังสองต่อสอง เขาไม่ใช่ภาคิมที่จะคุ้นชินกับความใกล้ชิด ในชั่ววินาทีที่กำลังมึนงง โฮสหนุ่มหล่อก็คว้าข้อมือเธอให้เดินตามเขาไปนั่งที่โซฟา
“ดะ เดี๋ยว!”
“ไม่ต้องเกร็งครับ ไม่มีอะไรต้องกลัว”
หรัณย์ออกแรงทีเดียวร่างเล็กก็แทบหน้าคะมำเข้าไปซบอกแกร่ง เขาหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้า เพราะท่าทีงกๆเงิ่นๆ ของเธอทำให้เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่า ตกลงเธอเดินเข้ามาที่นี่เพราะอารมณ์พาไป หรือใครบังคับให้เธอเข้ามา
“ฉะ ฉัน ไม่เคยเที่ยวอะไรแบบนี้”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องกลัว เพราะนี่ก็เป็นงานแรกของผมเหมือนกัน” เขาส่งยิ้มเพื่อให้เธอผ่อนคลาย ใหม่กับไม่เคยมาเจอกัน มันอาจช่วยคลายความอึดอัดในใจเธอ
“จริงเหรอคะ คุณเพิ่งมาทำงานที่นี่เหรอคะ”
“ใช่ครับ พอดีที่บ้านผมมีปัญหาเรื่องเงิน พ่อแม่ไม่มีเงินส่งน้องเรียนก็เลยออกมาหาเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัว”
พูดไปแล้วให้นึกขำตัวเอง กับการตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จจนดูเหมือนเธอจะเชื่อ...เขาเดาเอาจากแววตาของเธอ
‘ทำไมน่าสงสารจัง โถพ่อคุณ หาเงินส่งน้องเรียน’
ดูเหมือนใจที่อ่อนแอของมาลารินจะทำให้เธอกลายเป็นคนอ่อนไหวไปเสียทุกเรื่อง แค่เขาบอกเล่าถึงครอบครัว ก็พลอยเศร้าสลดหดหู่อย่างไม่เคยเป็น
“แล้ว…ทำไมคุณต้องมาทำงานแบบนี้คะ”
“คุณคิดว่างานที่ค่าตอบแทนดีๆ หาง่ายเหรอครับ งานนี้มันทำให้ผมได้เงินก้อนไปช่วยพ่อแม่ใช้หนี้ให้หมดเร็วๆ”
“ฉันคิดว่า...ในโลกนี้มีแต่ฉันที่มีปัญหา...”
หญิงสาวหลุบตาลงต่ำ เมื่อเรื่องตอนหัวค่ำวิ่งย้อนกลับมาในความทรงจำ พานให้ปวดหนึบหนับอยู่ที่กระบอกตา
“ทุกคนล้วนมีปัญหา อยู่ที่ว่าจะผ่านมันไปได้มั้ย”
“ฮึกๆ ฮือๆ”
อยู่ดีๆ มาลารินก็ร้องไห้ออกมา ทำให้หรัณย์ถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ เพราะไม่ได้เตรียมทำใจรับมือกับเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้มาก่อน
“นี่ผมพูดอะไรแทงใจดำครับ คุณถึงร้องไห้ออกมาแบบนี้”
“ฮือๆ ฉันมันไม่ดี ฉันมันน่าเบื่อ เขาถึงทิ้งฉันไปมีคนอื่น ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นมันหนีฉันไปมีเมียน้อย ฮือๆ”
หรัณย์ถึงกับเบือนหน้าไปอีกฟาก ลอบผ่อนลมหายใจออกมา ‘เอาแล้วไงไอ้กาย ทำไมต้องเจอแต่คนอกหักรักคุดวะ’
“จะ ใจเย็นๆ นะครับ”
“บอกฉันมาสิว่าฉันมันน่ารังเกียจตรงไหน เขาถึงทิ้งฉันไป”
มือเล็กขยำไปบนสาปเสื้ออีกฝ่ายแล้วกระชากเข้าหาตัว อย่างแรง ร่างของหรัณย์เซมาข้างหน้าเล็กน้อย แววตาสั่นระริกที่สบประสานกับนัยน์ตาเขานั้น ทำให้ชายหนุ่มเคลื่อนฝ่ามือมากอบกุมมือเล็กเอาไว้ ความอบอุ่นจากฝ่ามือแกร่งกำลังแทรกซึมเข้าไปตามหลังมือเนียนนุ่มจนเจ้าตัวยังสัมผัสได้ถึงความอาทร
"ดูเหมือนคุณจะเครียดมากๆ ให้ผมช่วยเอาไหม"
"ช่วยยังไงคะ คุณช่วยอะไรฉันได้"
"ขยับมาสิครับ"
ชายหนุ่มจับท่อนแขนเรียวเพื่อให้ร่างเล็กขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะให้เธอเอนซบลงมาบนแผงอกกว้าง แล้วกอดเอาไว้เพื่อให้เธอรู้สึกดี
"ฉันขอร้อง ช่วยเป็นแฟนหลอกๆ ของฉันสักคืน ได้ไหม…"
หญิงสาวสะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อความอบอุ่นจากอ้อมกอดไม่คุ้นเคยแผ่ซ่านเข้ามาห่มคลุมกาย แม้จะรู้ดีว่ามันคือความสุขอันแสนจอมปลอมที่เขาทำเพื่อแลกเงิน เงินที่ผู้หญิงขี้เหงาเช่นเธอยอมจ่ายเพื่อหาความสุขใส่ตัว...แต่ถึงมันจะเป็นความสุขชั่วคราวและจอมปลอม เขาก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีใครสักคนที่เข้าใจ เดินเข้ามาแบ่งเบาบรรเทาความทุกข์ออกไปจากใจ
"ไม่เป็นไรผมจะช่วยคุณเอง"
หูของเธอได้ยินเสียงกระซิบแผ่วท่ามกลางหัวสมองที่หนักอึ้ง...ความอุ่นซ่านแทรกซึมเข้ามาในหัวใจยามฝ่ามือแกร่งสอดประสานปลายนิ้วเข้ากับฝ่ามือตน เพียงแค่บีบกระชับเบาๆ พลังแห่งการสัมผัสก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเบาหวิวและกำลังล่อง ลอยไปบนอากาศโดยมีเขาเป็นผู้นำทางจับมือกันพาท่องล่องลอยไปไกล...