“ครับ/ครับ” สองหนุ่มขานรับพร้อมกัน
“คุณหนูครับ คุณขุนขอคุยด้วยครับ” เบิ้มที่คุยกับแขกผู้มาเยือนเสร็จ ก็เดินมาบอกบุตรสาวของเจ้านายผู้ล่วงลับ
“ค่ะลุงเบิ้ม” เขมมิกาขานรับ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับสองหนุ่ม “ขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ/ครับ” อรรถพลกับสายชลพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้หัวหน้าคนงานที่ได้ทำความรู้จักกันไปแล้ว
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวทางนี้ผมดูแลต่อเองครับ” เบิ้มบอกยิ้มๆ
“ค่ะ” เขมมิกาขานรับก่อนจะเดินไปหาชายหนุ่มที่ยืนหันหลังจ้องมองไปยังวิวทิวทัศน์ของไร่ที่อยู่เบื้องหน้า
ขุนพันที่พอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ จึงหันไปมอง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆ “ศาลานี่ลมเย็นจังเลยนะครับ”
“ค่ะ คุณทานอิ่มแล้วเหรอคะ?” เขมมิกาเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ครับ แล้วคุณล่ะ” ขุนพันตอบก่อนจะขยับไปนั่งที่ม้านั่งข้างๆ กับนางฟ้าคนสวย
“อิ่มแล้วค่ะ” เขมมิกาบอกอย่างรู้สึกประหม่านิดๆ
“พรุ่งนี้ไปหาผมที่เพนต์เฮาส์นะครับ ผมส่งโลเกชั่นให้ในไลน์แล้ว”
“...” เขมมิกาถึงกับสตั๊นไปทันใด กับการรวบรัดของอีกฝ่าย
“ผมถามหัวหน้าคนงานแล้วนะ ถ้าคุณตกลงรับข้อเสนอ พวกเขาได้ทำงานต่อไป ระหว่าง 5 ปีนี้ผมจะช่วยบริหารปรับปรุงและฟื้นฟูไร่ รวมไปถึงการดูแลเรื่องเงินเดือนของคนงานด้วย หากคุณพร้อมก็เข้าไปคุยกันเรื่องรายละเอียดของสัญญา ข้อไหนที่ต้องการให้ปรับเปลี่ยน ผมจะแก้ไขและหาจุดที่ลงตัวสำหรับเรา”
“คุณปกติจริงๆ ใช่ไหมคะ” เธอยิงคำถามเดิมที่เคยถามไปแล้วอีกครั้ง เพื่อขอความมั่นใจ
“เรื่องบนเตียงผมปกติครับ แค่ชอบทำสัญญาเพราะมันจะปกป้องเราสองคนในวันที่ต้องแยกย้าย” ขุนพันบอกยิ้มๆ กับแม่สาวขี้กังวล
“คุณอยากให้ฉันมีส่วนร่วมในสัญญาด้วยใช่ไหมคะ?”
“ครับ จนกว่าเราจะเห็นพ้องต้องกัน ถึงจะให้ทนายร่างสัญญาขึ้นมา แล้วตรวจสอบดูอีกครั้งก่อนจะเซ็น”
“ค่ะ” เธอขานรับเบาๆ
“สัญญาที่ผมส่งให้ในไลน์ มันเป็นสัญญาฉบับเดียวที่ผมใช้มาตลอด แต่ระหว่างเราสัญญาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่หลักๆ กฎข้อห้ามก็จะประมาณนั้น คืนนี้คุณลองอ่านดูก่อน อยากให้ปรับแก้ข้อไหน พรุ่งนี้ไปคุยกันที่เพนต์เฮาส์ของผมครับ”
“มีผู้หญิงที่เคยเซ็นสัญญามาก่อนเหรอคะ?”
“ครับ ผมไม่เคยคบหากับสาวคนไหน มันเสียเวลาหลายๆ อย่างของชีวิต แค่มีความสัมพันธ์ทางกายกันเท่านั้น”
“ก็ดีนะคะ แล้วตอนนี้คุณยังคบหากับพวกเธออยู่หรือเปล่า?”
“ไม่มีครับ”
“สักคนเลยหรือคะ?”
“ครับ ผมไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกับสาวคนไหนมาเกือบปีแล้ว” ขุนพันบอกตามตรง
“เพราะ?” เขมมิกาถามอย่างอยากรู้ความเป็นมาของอีกฝ่าย
“เพราะพวกเธอทำผิดกฎข้อห้ามครับ หากคุณอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ก็ไปคุยกันพรุ่งนี้ครับ” ขุนพันบอกอย่างรู้สึกหงุดหงิดนิดๆ ที่สาวเจ้าไม่ยอมแสดงเจตนาที่ชัดเจน
“กี่โมงคะ?” เขมมิกาถามอย่างอายๆ รู้สึกเหมือนกำลังจะนัดไปเสียตัวยังไงอย่างงั้น
“สายๆ ดีไหมครับ?” ขุนพันฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาทันใดที่ในที่สุด สาวเจ้าก็ยอมไปเจรจาเรื่องสัญญากับตน
“งั้นสิบโมงนะคะ” เขมมิกาบอกพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพราะเวลาก็ใกล้เข้ามาทุกที หากเธอไม่ตัดสินใจเลือก ทุกอย่างอาจจะช้าไป
“ครับ” ขุนพันยิ้มรับก่อน จะชวนคุยเรื่องอื่นต่ออีกสักพัก ก็ชวนสาวเจ้าไปขับรถเที่ยวชมส่วนต่างๆ ของไร่ จากนั้นก็เดินทางกลับเพนต์เฮาส์พร้อมกับคนสนิท
เวลา 20:45 น. หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเสร็จ เขมมิกาก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วกดเปิดอ่านกฎข้อห้ามต่างๆ ในข้อความแชตที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ด้วยหัวใจสั่นๆ
กฎข้อห้ามที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
1 ห้ามแสดงตัวและห้ามพูดคุยเรื่องส่วนตัวต่อหน้าบุคคลที่สาม
2 ห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์ให้กับบุคคลภายนอกทราบ
3 ห้ามโทรหา หรือ โทรตาม ทุกครั้งที่มีเรื่องด่วนให้ติดต่อผ่านโยธิน
4 ห้ามก้าวล้ำสถานที่ส่วนตัว เช่น มาดักรอพบที่เพนต์เฮาส์หรือที่ทำงาน
5 ห้ามเข้าไปทักทายเวลาที่พบเจอกันโดยบังเอิญตามสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า หรือ ตามงานต่างๆ
6 ห้ามสารภาพรัก หรือ พยายามจะก้าวข้ามความสัมพันธ์
7 หากละเมิดกฎข้อห้ามใดก็ตาม (1-6) จะยุติความสัมพันธ์ลงทันที
“อีตานี่เย็นชาสุดๆ เลยนะเนี่ย แต่ก็นั่นแหละ เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมีปัญหาภายหลัง”
เขมมิกาบนพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงอย่างรู้สึกเหนื่อยล้า กับมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ที่เธอจะต้องก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้
วันต่อมา...เพนต์เฮาส์ของขุนพัน
เขมมิกาที่ขับรถไปตามสัญญาณโลเกชั่น ที่หนุ่มหล่อมาดผู้ดีส่งมาให้ จนกระทั่งขับรถไปจอดรถยังที่จอดวีไอพี แล้วกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดของคอนโดหรู พอไปถึงก็ต้องตกใจ เพราะทั้งชั้นมีเพียงแค่ห้องเดียว เธอยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปกดกริ่งที่ประตูเบาๆ และเพียงไม่นานประตูบานใหญ่ก็เปิดออก
คลิก!
“สวัสดีครับ” ขุนพันเอ่ยทักทายพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้นางฟ้าคนสวยที่สวมชุดเดรสสีฟ้าอ่อนเสมอเข่า สวมทับด้วยเสื้อสูทสีขาวนวล ร้องเท้าผ้าใบสีขาว รวบผมที่ขึ้นสูง แต่งหน้าบางๆ แลดูน่ารัก สดใส สุดๆ
“สวัสดีค่ะ เอ่อ...ทั้งชั้นเป็นของคุณเหรอคะ?” เขมมิกายกมือไหว้ด้วยหัวใจสั่นๆ พลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มมาดผู้ดี ที่สวมเสื้อยืดโปโลแขนสั้นสีกรม โดยเอาเสื้อใส่ในกางเกงสีดำขายาว คาดเข็มขัดหนังสีดำเงา แน่นอนว่าเขาดูสมบูรณ์แบบ เพอร์เฟกต์ราวกับนายแบบอินเตอร์ก็ไม่ปาน
“ใช่ครับ ผมชอบความเป็นส่วนตัว และหากคุณตกลงทำสัญญากับผม คุณก็จะได้สบายใจว่าจะไม่มีบุคคลภายนอกมาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเรา เพราะที่จอดรถและลิฟต์ของผมก็มีแบบส่วนตัวอีกเช่นกัน” ขุนพันเอ่ยพร้อมกับขยิบตาส่งให้อย่างโปรยเสน่ห์
“ดีจังเลยนะคะ” เขมมิกาเอ่ยพลางหลบสายตาแวววาวคู่นั้นโดยหันไปมองรอบๆ ห้องพักขนาดใหญ่ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม
“สรุปคุณว่าไงครับ” คนใจร้อนถามเข้าเรื่อง ใช่! เมื่อคืนเขานอนไม่หลับ และเธอก็คือต้นเหตุอีกเช่นเคย
“ฉันอยากรู้ว่า...อาทิตย์หนึ่ง ฉันต้อง เอ่อ...มีอะไรกับคุณกี่ครั้งคะ” เขมมิกากัดฟันถามเรื่องสำคัญ ที่เธอจำเป็นต้องรู้ เพื่อประกอบการตัดสินใจในลำดับต่อไป
“ไม่รู้เหมือนกันครับ บางวันก็อาจจะ 2 หรือ 3 บางวันก็อาจจะไม่เลย คือ...ผมกำหนดความต้องการของตัวเองไม่ได้” ขุนพันอมยิ้มกับการเปิดประเด็นของสาวเจ้าที่ตรงไปตรงมา
“งั้นขอถามใหม่ค่ะ อาทิตย์หนึ่งฉันต้องมาหาคุณกี่วัน เพราะอีกไม่นานฉันก็ต้องเข้าทำงานแล้ว”
“อืม...เราไปคุยเรื่องสัญญากันต่อที่ห้องนั้นกันดีกว่าครับ” ขุนพันบอกพร้อมกับผายมือเชิญนางฟ้าคนสวยเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของตน
“...” เขมมิกายืนนิ่งอยู่กับที่อย่างมึนงง ที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็ชวนเข้าห้อง
“ไปเถอะครับ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก จนกว่าคุณจะเซ็นสัญญากับผมก่อน” ขุนพันบอกพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าตื่นๆ ของสาวเจ้า
“แล้วห้องนั้นห้องอะไรคะ” เธอถามก่อนจะชี้ไปยังห้องข้างๆ ที่มีแป้นพิมพ์ใส่รหัสอยู่ตรงประตูหน้าห้อง
“ห้องนั้นคือห้องต้องห้ามครับ เป็นห้องเดียวที่คุณเข้าไม่ได้” ขุนพันบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออก แล้วผายมือเชิญนางฟ้าคนสวย “เชิญครับ”
“ว้าว! ห้องนี้วิวตอนกลางคืนคงจะสวยน่าดูนะคะ” เขมมิกาออกความเห็น หลังเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกผ่านกระจกใส ก็ทำให้รู้สึกโล่งและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
‘เราคงจะได้จ้องมองมันด้วยกันสักคืน’ ขุนพันตอบในใจพลางจ้องมองเรือนร่างที่เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งจากด้านหลังอย่างรู้สึกทึ่ง
“ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ?” เขมมิกาหันไปถาม หลังอีกฝ่ายเงียบไป
“เปล่าครับผมก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เอ่อ...คุณทำอาหารเป็นไหมครับ” ขุนพันรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะกลัวว่าสาวเจ้าจะล่วงรู้ความคิด 25+ ของตนในตอนนี้
“เป็นค่ะ แต่ไม่รู้ว่ารสมือจะถูกปากคุณหรือเปล่านะคะ”
“โอเคครับ! งั้นเราไปทดสอบกันดีกว่า” ขุนพันเอ่ยชวนพร้อมกับออกเดินนำไปที่ด้านนอก
“ได้ค่ะ” เขมมิกาเดินตามไปอย่างรู้สึกเขินๆ
ชั่วโมงต่อมา...เขมมิกาทำเมนูยำรวมทะเลกับต้มยำปลากะพงใส่เห็ดฟาง และเนื้อย่างแบบมีเดียมแรร์ ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วโดยมีขุนพันคอยเป็นลูกมือ หยิบนู่นนั่นนี่ส่งให้จนกระทั่งเสร็จ ก็พากันยกไปวางเรียงบนโต๊ะรับประทานอาหารด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“คุณทำกับข้าวเก่งใช่เล่นเลยนะเนี่ย” ขุนพันเอ่ยชมหลังจ้องมองหน้าตาของอาหารที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายของเขาสุดๆ
“ลองชิมดูก่อนเถอะค่ะ” เขมมิกาบอกก่อนจะเข้าไปนั่งตามอีกฝ่าย
“ครับ” ขุนพันขานรับก่อนจะหยิบช้อนมาตัดชิมน้ำซุปของต้มยำปลากะพง “อื้ม! เป็นรสชาติที่ถูกใจผมมากๆ เลยครับ แบบนี้ต้องเปิดเชมเปญสักหน่อยแล้ว”
“เอ่อ...จะดีเหรอคะ” เธอถามอย่างตกใจนิดๆ ที่อีกฝ่ายชวนดื่มแต่วัน
“ดีสิครับ ต้องฉลองกันหน่อย เพื่อที่เราจะได้คุยเรื่องข้อสัญญากันได้ง่ายขึ้น คุณอยากถามอะไร หรือข้องใจตรงไหน ก็ถามผมมาได้เลยครับ” ขุนพันบอกก่อนจะลุกเดินไปหยิบแชมเปญในตู้แช่ขนาดใหญ่ออกมาหนึ่งขวดพร้อมกับแก้วทิวลิปสองใบ จากนั้นก็ค่อยๆ คลายเส้นลวดที่ฝาจุกออก พร้อมกับจับจุกไม้โอ๊คที่ค่อยๆ ดันตัวออกเอาไว้ เพื่อไม่ให้แรงดันที่อยู่ในขวดทำให้จุกไม้โอ๊คพุ่งไปโดนสิ่งของภายในห้องเสียหาย
จากนั้นก็ค่อยๆ รินแชมเปญใส่แก้วทิวลิปทั้งสองใบ ก่อนจะหยิบส่งไปให้กับนางฟ้าคนสวยหนึ่งใบ แล้วหยิบอีกแก้วขึ้นมาชนเบาๆ
กริ้ง!
“แด่มิตรภาพของเราครับ” ขุนพันเอ่ยพลางจ้องมองใบหน้างดงามที่ทำให้ตนนอนไม่หลับมาสองคืนเต็มๆ อย่างมีจุดหมาย
“ค่ะ” เขมมิกายิ้มก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบเบาๆ ได้กลิ่นหอมหวานของผลไม้คุคลุ้งไปทั่วทั้งปากอย่างรู้สึกหลงใหลในรสชาติของไวน์ซ่า
“รสชาติเป็นไงบ้างครับ?”