บทที่1
“แค่ก ๆ” เสียงไอถี่ดังขึ้นไม่หยุด เมื่อตอนนี้ลำคอของเยว่เหลียนในตอนนี้แห้งเป็นผง ริมฝีปากแตกระแหงเพราะไม่ได้ดื่มได้กินมาหลายวันแล้ว หากนางนับแสงที่ลอดเข้ามาไม่ผิดน่าจะสามวันแล้วกระมัง
สวรรค์ข้าเคยทำผิดมามากมายเพียงใดกันถึงได้ลงโทษกันเช่นนี้ เยว่เหลียนต่อว่าฟ้าดินอยู่เพียงครู่ประตูที่ปิดอยู่ถึงสามวันก็เปิดออก
แม้ดวงตาของเยว่เหลียนจะพร่าเพราะแสงยามเย็น แต่นางก็เห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นน้องสาวต่างมารดาของนาง เยว่เม่ย
“แค่ก ๆ เยว่เม่ย ทะ ท่านแม่ให้มาปล่อย แค่ก ๆ ข้าแล้วหรือ” เสียงหัวเราะเสียดหูดังขึ้นจากน้องสาวต่างมารดาที่ในยามนี้นางเป็นฮูหยินรองของตระกูลตง นางเพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่นานนัก
แววตาสมเพชของเยว่เม่ยมองไปยังคนที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่พื้น
“ปล่อยรึ” เยว่เม่ยยกมือขึ้นมาป้องปากและหัวเราะด้วยท่าทางราวกับเรื่องตรงหน้านี่น่าขันเสียเต็มประดา
“พี่สาวท่านลองนึกดู ยามนี้จะมีใครในตระกูลตงนึกถึงท่านอีก ฮูหยินที่ฆ่าลูกตนเองเพียงเพราะไม่พอใจเรื่องรับเมียรอง รู้ไปถึงไหนก็อายไปถึงนั่น ที่จริงความผิดนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเขียนหนังสือหย่าได้ แต่ข้าไม่พอใจแค่นั้นหรอก”
ดวงตาเหยียด ๆ มองมายังพี่สาวของตน เพราะนางเป็นเหตุทำข้าไม่ได้เป็นที่หนึ่ง เกิดก่อนแล้วอย่างไร สุดท้ายข้าจะแย่งทุกอย่างมาจากเจ้าให้หมด
“ไหน ๆ ก็มีโอกาสที่ดีเช่นนี้แล้ว ข้าคิดว่าพี่สาวก็ควรจะติดตามบุตรหรือบุตรีของท่านไปเสียให้สิ้นเรื่องจะดีกว่า”
เยว่เหลียนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ แค่ความรักจากสามีของนางยังไม่เพียงพอจะทำให้น้องสาวคนนี้พอใจอีกหรือ ยังมีสิ่งใดอีกที่เยว่เม่ยต้องการจากนางอีก
“แววตาเช่นนี้ มิรู้จริง ๆ น่ะหรือ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นรองนางไม่ว่าจะเกิดทีหลัง หรือเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลตงหลังจากนาง
“แค่ก ๆ เจ้า อึก เจ้า หมายความเช่นไร” เยว่เหลียนอยากจะเอ่ยถามให้ชัดกว่านี้ แต่เมื่อครู่นางคงใช้เสียงเท่าที่มีถามเรื่องที่ต้องการรู้ไปจนหมดแล้ว ตอนนี้จึงยากเหลือเกินที่จะเปล่งเสียงออกมาจากลำคอแห้งผากนั่น
“เอาเป็นว่าข้าจะบอกให้เอาบุญแล้วกัน” เยว่เม่ยพูดก่อนจะชายตาไปที่สาวใช้ของตน อีกฝ่ายเดินเข้าไปคุกเข่าใกล้ ๆ กับคนที่ได้ชื่อว่าฮูหยินเอก นางจับเอาชายผ้าของเยว่เหลียนยัดเข้าไปในปากของนายหญิงที่มีแต่ตำแหน่ง
“ถึงจะมั่นใจว่าพรุ่งนี้ทุกคนจะเจอพี่สาวอย่างท่านไหม้เป็นเถ้าธุลี แต่ข้าก็ขอสร้างความมั่นใจอีกสักนิดก็แล้วกันนะเจ้าคะ เพราะเรื่องที่จะบอกนั้นไม่อาจจะให้คนเป็นรู้ได้”
หญิงสาวเอียงคอมองใบหน้าที่สร้างความรำคาญใจให้กับนางเสมอมาก่อนจะฉีกยิ้มแม้จะงดงามแต่กลับไม่น่ามอง
“ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน รอวันที่จะได้กำจัดเสี้ยนที่ตำอยู่ที่เท้า แม้จะเห็นอยู่แต่กลับเอาออกไม่ได้ช่างน่ารำคาญใจยิ่งนัก” เยว่เม่ยเดินวนเวียนไปรอบ ๆ ตัวของพี่สาวที่เป็นเหมือนศัตรูของนางมาทั้งชีวิต เหมือนกับมารดาของอีกฝ่ายที่เป็นศัตรูของมารดาของนางเช่นเดียวกัน ฉะนั้นแล้วนางก็จะกำจัดอีกฝ่าย เหมือนอย่างที่มารดาของนางเคยทำ ไม่ให้อยู่เป็นเสี้ยนหนามตำตาไปแบบนี้หรอก
“ไม่แค่นั้นเสี้ยนนั่นยังมีมากกว่าหนึ่ง ทั้งลูกและแม่ อะเกือบลืมไป มารดาของเจ้าก็เป็นเสี้ยนที่ถูกกำจัดทิ้งเฉกเช่นเดียวกันกับเจ้า ข้าเสียเวลาพูดมากไปแล้ว เอาเป็นว่าอย่ามัวแต่เสียเวลาพูดพร่ำกันให้มากเลย รีบ ๆ ตามลูกของเจ้ากับแม่ของเจ้าไปได้แล้ว และก็รู้ไว้ว่าอย่าเกิดมาเป็นศัตรูของพวกเราแม่ลูกอีก มิเช่นนั้นจะต้องตายเช่นนี้ทุกชาติไป”
เยว่เม่ยเดินออกจากสุสานบรรพชน นางไม่ลืมที่จะหันไปมองย้ำกับสาวใช้ของตนให้ทำสิ่งที่ตระเตรียมกันเอาไว้แล้ว สถานที่แห่งนี้จะต้องมีคนเข้ามาจุดธูปเทียนไม่ให้ขาด แต่เพราะหลายวันมานี้ ฮูหยินของคุณชายถูกขังเพราะทำความผิด หน้าที่จุดธูปเทียนจึงมีเพียงนางที่ทำ และหากมันจะเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยก็คงไม่มีใครเอะใจ นั่นก็เพราะหลาย ๆ คนนั้นกลายเป็นคนของเยว่เม่ยมานานแล้ว และคนพวกนั้นก็ไม่ได้ยินดีที่ตระกูลตงจะมีฮูหยินใหญ่นามเยว่เหลียน ทุกคนยินดีที่จะมีข้าเยว่เม่ยเป็นฮูหยินเอกมากกว่า นางยิ้มเยาะ ก็แน่ล่ะ ต่อให้เยว่เหลียนจะแสนดีและโอบอ้อมอารีกับบ่าวในจวนเพียงใด ไหนเลยจะเทียบกับคนที่เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยอย่างนางได้กัน
เปลวไฟจากเทียนที่ตกลงไปที่พื้นจากการกระทำของสาวใช้ของเยว่เม่ยค่อย ๆ ลุกลามจากเล็กเป็นใหญ่และโหมกระหน่ำจนทุกอย่างค่อย ๆ ถูกเผาไหม้
เยว่เหลียนที่อ่อนล้าจากร่างกายที่ขาดน้ำและอาหาร เหมือนจะเพิ่งเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะบอก
นี่หมายความว่าเยว่เม่ยจะบอกว่าท่านแม่และลูกของนางที่สิ้นไปนั้นอีกฝ่ายเป็นคนจัดการสินะ
การตายของท่านแม่ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่ใครๆ คิด แต่เป็นฝีมือของคนที่พึ่งเดินจากไปเมื่อครู่
คิดแล้วเยว่เหลียนก็ยิ่งรู้สึกแย่ ผิดหรือที่นางเกิดมาเป็นบุตรสาวของท่านแม่ ผิดหรือที่ท่านแม่เป็นฮูหยินใหญ่ ท่านแม่ของข้ามาก่อนแท้ ๆ แม้จะไม่มีเรี่ยวแรงแต่เยว่เหลียนก็พยายามดึงตนเองมาให้พ้นไฟแม้มันจะทำได้ยากเต็มที
ดวงตาที่เหนื่อยล้ามองไปรอบ ๆ หากท่านแม่ไม่ตกลงกับมารดาของตงเนี่ยนเจินชีวิตของนางจะเป็นเช่นนี้หรือไม่นะ
“แค่ก ๆ แค่ก”
หญิงสาวคิดน้ำตาไหลเป็นทางก่อนที่นางจะสิ้นสติไปทามกลางกองเพลิงที่ลุกโชน แต่ประตูที่พังทลายลงในช่วงสุดท้ายก่อนที่หญิงสาวจะไร้ซึ่งสติกลับทำให้นางเห็นอะไรบางอย่าง เพราะนั่นเป็นภาพที่ทำให้เยว่เหลียนปวดร้าวที่สุดในชีวิต