บทที่6
เยว่เหลียนเอียนกับการกระทำปั้นแต่งของแม่เลี้ยงของนางเต็มทน นางจึงคอยที่จะหลบเลี่ยงอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าสองแม่ลูกนั่นก็ไม่รู้เลยสักนิด ทั้งคู่ยังคงทำดีกับนาง แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่การแสดงเพราะหญิงสาวเคยแอบไปฟังสองแม่ลูกคุยกัน ซึ่งทำให้รู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี่นางไม่ได้คิดไปเอง
เพราะทุกอย่างมันช่างน่าเหลือเชื่อจึงทำให้มีอยู่แวบหนึ่งที่เยว่เหลียนคิดว่าบางทีนี่มันอาจจะต่างออกไป แต่เมื่อได้ฟังคำของแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดาคุยกันแล้วนางคงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีก
“ข้าไม่ออกไปเจอเขาหรอกท่านแม่ ให้เขามาหาข้าถึงที่เรือน ตัวเสนียดนั่นจะได้รับรู้ไปเลยว่าพี่เนี่ยนเจินน่ะของข้า”
คนเป็นแม่ตีบุตรสาวที่พูดจาปากไม่มีหูรูด
“มิไปนั่งตะโกนที่หน้าจวนเลยเล่า เรื่องบางเรื่องแม้จะจริงแต่ก็มิอาจพูด อย่างไรคนที่เป็นคู่หมายของตงเนี่ยนเจินก็คือพี่สาวของเจ้า”
“ยี้ ท่านแม่ เหตุใดจึงเรียกนางเช่นนั้นข้ามิอยากมีพี่หรอกนะเจ้าคะ”
เยว่เหลียนส่ายหน้า นางฟังมามากพอแล้ว แต่เยว่เม่ยตั้งใจจะให้ตงเนี่ยนเจินมาหยามหน้านางหรือ ครั้งก่อนนางไม่ได้สังเกตเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย คิดแค่ว่าเขาเข้านอกออกในจวนสกุลเยว่มานานจึงคุ้นชินกับการไปมาหาสู่ และเอ็นดูเย่วเม่ยที่เป็นน้องสาวคนเดียวของนาง
‘ไม่ต้องห่วงนะหากเขาไม่มาข้าจะจัดการให้สมใจเจ้าเอง’เยว่เหลียนคิดในใจ
“ยิ่งใกล้วันงานเจ้าก็ต้องเตรียมตัวรู้หรือไม่”
เยว่ฮูหยินเดินมาหาเยว่เหลียนถึงเรือนนอนยื่นกระปุกแป้งประทินผิวให้
เยว่เหลียนเห็นสมุนไพรที่แม่เลี้ยงของนางถือมาแล้วก็ทำหน้าแหยง ๆ จะไม่ให้นางกลัวได้เช่นไร เพราะสมุนไพรพวกนี้วันงานมงคลของนางนางจึงมีผื่นแดงแพ้ไปทั้งตัว
“ข้าไม่ชอบกลิ่นของมันเลยเจ้าค่ะ” แม้ว่าหญิงสาวจะเอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่แม่เลี้ยงก็ยังคะยั้นคะยอ เยว่เหลียนจึงดันสมุนไพรนั่นจนมันกระเด็นไปโดนอีกฝ่าย แน่นอนว่าหญิงสาวพยายามช่วยเช็ดออกและเอาน้ำราดลงไปเพื่อล้างออก โดยที่นางรู้ดีอยู่แล้วว่าสมุนไพรชนิดนี้จะน่ากลัวยิ่งขึ้นก็ตอนที่โดนน้ำนั่นแหละ เยว่เหลียนยิ้มเมื่ออีกฝ่ายรีบกลับไปในทันที
‘แสบร้อนหรือไม่ แต่แค่นั้นคงไม่แสบเท่าถูกเปลวเพลิงเผาทั้งเป็นหรอก ท่านโดนแค่นั้นไม่ถึงตาย’
แม่เลี้ยงของนางชอบทำเป็นเห็นอกเห็นใจไม่ก็อยากแบ่งปันและช่วยเหลือ แต่ทุกสิ่งที่นำมาให้นั้นล้วนสร้างความเสียหายให้กับเยว่เหลียนในทุกครั้ง ปากก็บอกว่ารักนางนักนางหนา แต่เยว่เหลียนรู้ว่าที่นางไม่ได้กลับมาที่นี่มิใช่แค่เรื่องท่านพ่อไม่อยากเห็นนางที่หน้าเหมือนท่านแม่หรอก แต่เป็นเพราะแม่เลี้ยงของนางคนนี้ด้วย นางเหลือเวลาไม่มากที่จะยกเลิกงานหมั้นหมายนี้หรือไม่ก็เปลี่ยนตัวไปซะให้สิ้นเรื่องอยากแต่งกันก็แต่งไปจะมายุ่งกับนางทำไม
ดวงตาสวยเหลือบไปมองผงขัดผิวของแม่เลี้ยงนางเมื่อครู่ หวังว่ามันจะเหลืออยู่มากพอ หากตงเนี่ยนเจินเห็นว่านางน่าเกลียดก็คงจะขอถอนหมั้นนางแน่ ๆ นี่เป็นแผน เพราะนางรู้ดีว่าสามีของนางเป็นคนเช่นไร ในคืนเข้าหอตอนเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวเขาแสดงสีหน้ารังเกียจนางอย่างชัดเจน แต่ก็ยอมเข้าหอกับนาง นางในตอนนั้นคิดว่าเขาเป็นคนดีไม่รังเกียจที่นางมีผื่นแดงน่ารังเกียจ แต่เยว่เหลียนหลงลืมไปว่าเขาและนางพบเจอกันหลายคราก่อนจะเข้าพิธี ตงเนี่ยนเจินจึงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าแท้จริงนางมีใบหน้าเช่นไร
มือเรียวเก็บกระปุกยาขัดผิวที่สามารถจะทำให้ขึ้นผื่นได้ในทันทีนั่นเอาไว้ นางจะต้องขอบคุณแม่เลี้ยงนางสินะที่หาทางออกมาให้ถึงเรือนขนาดนี้ ที่เหลือก็คงเป็นการนัดเจอกับว่าที่สามีก็เท่านั้น
และก็ต้องเตรียมแผนสำรองเอาไว้ด้วย เพราะหากแผนนี้ไม่ได้ผลนางก็จะต้องหาวิธีอื่นมายกเลิกการหมั้นหมายนี่ให้ได้
เพราะนางจะไม่ยอมตายอย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนั้นอีกแล้ว มิใช่แค่เรื่องความตายเท่านั้นที่ทำให้นางทรมาน ตอนอยู่นางเองก็โดนข่มเหงทั้งร่างกายและจิตใจไม่ต่างกัน
ทั้งที่คิดวางแผนเอาไว้เช่นนั้นแล้ว แต่เมื่อใกล้จะถึงวันมงคลคู่หมั้่นคู่หมายของนางก็ยังไม่เคยแวะมาหากันเลยสักครั้ง โชคยังดีที่นางเข้าออกจวนได้เป็นปกตินั่นก็เพราะท่านพ่อคาดหวังว่านางอาจจะไปเจออะไรดี ๆ เข้าอีก
การเป็นอยู่ในจวนตระกูลเยว่ของนางจึงมิได้ลำบากนัก ทั้งยังมีสาวใช้คนสนิทอีกคน แน่นอนว่าน้อยกว่าน้องสาวของนาง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี อย่างไรนางก็เป็นคุณหนู จะให้ไปไหนโดยไม่มีผู้ติดตามคงไม่เหมาะนัก
“เยว่เหลียน” เสียงของชายหนุ่มที่นางคุ้นเคยเอ่ยเรียก เยว่เหลียนจึงหันไปหาอีกคนในทันที
“ท่านตงห่าว” หญิงสาวเอ่ยทักอีกฝ่ายกลับไปเสียงใส
นางรู้จักคนผู้นี้เป็นอย่างดี พี่ชายของตงเนี่ยนเจิน ตงห่าว เยว่เหลียนยิ้มให้อีกฝ่ายมันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจเพราะคนคนนี้คอยไปเยี่ยมเยียนนางอยู่เสมอ ๆ แต่ครั้งนี้นางอาจจะต้องใช้เขาเป็นเครื่องมือเสียแล้ว
“เดินทางกลับมาเมื่อไรเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงใส
“ต้องเป็นข้ามากกว่าที่ถามว่าเจ้ามาถึงที่นี่เมื่อใดกัน แล้วทำไมถึงไม่ให้คนมาบอก”
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกลับมาเมื่อไรแต่ตงห่าวแกล้งทำเป็นไม่รู้ และจงใจบอกนางด้วยว่าคนที่จวนตระกูลตงทำเหมือนไม่รู้ว่านางอยู่ตรงนี้ กลับมาเมืองหลวงเพื่อที่จะจัดงานแต่งงานของสองตระกูล
“ท่านพ่อคงลืมที่จะแจ้งพวกท่าน วันนี้เจอท่านแล้วก็รบกวนฝากข่าวได้หรือไม่เจ้าคะ”
แม้จะไม่อยากทำเช่นนั้น เขาอยากยื้องานแต่งบ้า ๆ นี้ออกไปให้นานที่สุด เหตุใดคู่หมายของนางจึงไม่ใช่เขา แต่นี่เป็นคำร้องขอจากหญิงที่เขามีใจให้ตงห่าวจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับปาก ทั้ง ๆ ที่เขารู้ดีว่าคนที่จวนสกุลตงคงไม่มีใครสนใจหรอกว่าหญิงสาวจะมาถึงหรือยังไม่ถึง