ตอนที่ : 2 แพ้ 2

1000 คำ
      การทำงานกับเจ้านายใหม่วันแรกไม่ได้ราบรื่นเลยสักนิด เอรินถูกเรียกเข้าไปพบแทบจะทุกชั่วโมงก็ว่าได้ เนื่องด้วยงานบางอย่างที่คริสยังไม่เข้าใจ เลยต้องถามเธออยู่บ่อยครั้ง แต่การเข้าพบเขาแต่ละครั้งนั้น เอรินแทบจะกลั้นลมหายใจเข้าไปหา จนครั้งสุดท้ายเอรินเริ่มทนไม่ไหวแล้ว หญิงสาวถึงกับต้องสวมหน้ากากอนามัยที่พกติดกระเป๋ามาด้วย            “คุณเป็นบ้าอะไรทำไมต้องใส่แมสด้วย คุณเอริน !” คริสโมโหจนแทบจะปาแฟ้มเอกสารใส่หน้าเลขาตัวเอง นี่มันหยามกันเกินไปแล้ว            “รินไม่สบายนิดหน่อยค่ะ”            “อย่ามาโกหก ผมเห็นคุณสบายดียกเว้นตอนเห็นหน้าผมนี่แหละ” คริสขึงตามองคนปิดแมสจนเห็นแค่ลูกตา            “ไม่สบายจริง ๆ ค่ะ”            “เอรินจะคุยกันรู้เรื่องไหมแบบนี้ มานี่ถอดแมสออก” คริสจับมือของหญิงสาวเอาไว้ แล้วดึงหน้ากากอนามัยออกจากหน้าของเลขา ซึ่งเจ้าตัวก็ยื้อแย่งเอาไว้ดึงกันไปมาจนชุลมุนวุ่นวาย            นอกจากหน้ากากอนามัยที่ถูกดึงออกมา แว่นตาอันหนาเตอะของเอรินก็หล่นกระทบพื้น และคริสก็เหยียบเข้าอย่างจัง            เคร้งงง กร๊อบ !            “ทำอะไรของคุณนี่ แว่นรินอยู่ไหน” เอรินหยีตาย่อตัวคลำหาไปด้วย            “อย่าจับเดี๋ยวบาดมือผมเหยียบแตกแล้ว”            “ฮ้า แตกแล้ว รินมองไม่เห็นเลยนะคะคุณคริส”            “นี่สายตาคุณหนักขนาดนี้เลยเหรอ”            “ใช่สิคะ แล้วรินจะกลับบ้านยังไงล่ะวันนี้ ไม่สิต้องไปร้านแว่นด่วนเลยวันนี้” เอรินแทบจะคลำทางออกจากห้องทำงานของเจ้านายไป            “เอรินจะไปไหน”            “เก็บของค่ะจะกลับบ้าน”            คริสมองนาฬิกาตรงข้อมือของตนเอง เป็นเวลาเลิกงานแล้วจริง ๆ เขาก้มลงเก็บเศษแว่นตาไปทิ้งลงถังขยะ ยืนพิงขอบโต๊ะทำงานอย่างนึกหงุดหงิดในใจ            เอรินกำลังเก็บของใส่กระเป๋าสะพายอยู่ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา นำมาจ่อหน้าใกล้ ๆ ยังเห็นไม่ชัดแต่ก็ยังกดโทรออกได้            “อ้อกลับบ้านกันหมดแล้วเหรอ” เอรินถามปลายสายเพราะในแผนกนั้นเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่แล้ว            “กลับกันหมดแล้วริน ก็มีแต่รินนั่นแหละที่ยังเข้าไปคุยกับเจ้านายใหม่ มีอะไรหรือเปล่านี่อ้อจะไปกินข้าวกับนนท์ นนท์มารับน่ะวันนี้” อันนียาทำเสียงสดใสเมื่อเอ่ยถึงคนรัก            “เอ่อ ไม่มีอะไรกินข้าวให้อร่อยนะ”                  “เคจ้าแค่นี้นะ” ความคิดให้เพื่อนมารับพากลับบ้านคงต้องพับเก็บไปก่อน นานทีอันนียาจะได้เจอหน้ากับคนรัก เอรินไม่อยากทำลายความสุขของเพื่อนในวันนี้            ‘เอาน่าเดินอยู่ทุกวันไม่หลงหรอกยัยริน’            เอรินตัดสินใจเรียกแท็กซี่กลับบ้านเอง พรุ่งนี้วันหยุดเธอคงมีเวลาไปตัดแว่นตาอันใหม่ได้ทัน หญิงสาวลุกขึ้นยืนมองภาพกว้าง ๆ ให้เห็น แล้วค่อย ๆ เอามือคลำทางไปที่ประตู            “เดี๋ยวผมไปส่ง” คริสดึงแขนคนที่เดินเหมือนคลำทางไปที่ลิฟต์ หลังจากยืนสังเกตหญิงสาวอยู่นาน คิดว่าเอรินคงกลับบ้านเองลำบากแน่นอน            “ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณคริสรินเรียกแท็กซี่กลับเองได้”            “เงอะงะแบบนี้แท็กซี่พาไปทำมิดีมิร้ายจะว่าไง”            “ก็ใครทำแว่นรินพังละคะ”            “ผมขอโทษก็แล้วกัน ใครจะคิดว่ามันจะหลุดออกจากหน้าคุณได้ เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่”            “งั้นพาไปวันนี้เลยได้ไหมคะ” เอรินขอเขาตรง ๆ เพราะถ้าไม่มีแว่นเธอใช้ชีวิตลำบากมาก            “รีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ปกติเขาไม่ได้ตัดแว่นกันวันเดียวเสร็จนี่”            “ไปซื้ออันสำเร็จรูปมาใส่ก่อนก็ได้ค่ะ อันที่ตัดค่อยไปเอาตามนัดวันหลัง”            “งั้นก็ได้” คริสมองคนที่พยายามเอานิ้วปิดจมูกตัวเองตลอดเวลาที่เดินตามหลังเขา ยิ่งอยู่ในลิฟต์สองต่อสองยิ่งยืนแอบติดมุมเหมือนเมื่อเช้าไม่มีผิด เอรินต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ            “เอ่อ รินว่ารินกลับแท็กซี่ดีกว่านะคะ” หลังออกจากลิฟต์มาเอรินก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา            “ไปขึ้นรถได้แล้ว นี่อยู่ชั้นลานจอดรถผมแล้วนะ” คริสดึงแขนหญิงสาวให้เดินตามหลังไปติด ๆ เขาเปิดประตูรถแล้วยัดเลขาตัวเองเข้าไปนั่ง            “ก่อนจะออกรถ บอกผมมาตามตรง คุณรังเกียจอะไรผมกันแน่เอริน” คริสหันมามองคนที่เอาแต่หันหน้าหนีเขา แทบตลอดเวลาที่อยู่ใกล้ ๆ กัน            “คะรินไม่ได้รังเกียจคุณคริสนะคะ” เอรินหยีตาหันมามองเขาเพราะเห็นหน้าไม่ชัด            “นี่คุณมองหน้าผมไม่เห็นเลยเหรอ” ชายหนุ่มคิ้วขมวดด้วยความสงสัย            “เห็นค่ะแต่มันเบลอ ๆ ปวดตาด้วยตอนพยายามเพ่ง”            “แบบนี้เห็นไหม” คริสชะโงกหน้าเข้าไปใกล้เอริน ซึ่งอีกคนก็รีบเบือนหน้าหนีในทันที            “ฮัดชิ้ว !” จามไม่พอน้ำมูกก็ไหลตามมาในทันที เอรินนึกอยากจะบ้าตายให้รู้แล้วรู้รอด            “เอรินนี่คุณทำท่ารังเกียจผมอีกแล้วนะ”            “รินไม่ได้รังเกียจคุณคริสนะคะ”            “แล้วที่ทำอยู่นี่มันอะไร”            “รินแพ้กลิ่นน้ำหอมคุณค่ะ ฮัดชิ้ว !” จามไปสั่งน้ำมูกไปด้วย เป็นปฏิกิริยาที่เอรินควบคุมตัวเองไม่ได้ สูดน้ำมูกเข้าจมูกแรง ๆ ก่อนจะจามออกมาอีกรอบ            “ฮัดชิ้ว !”            “แพ้กลิ่นน้ำหอมผมนี่นะ”            “ใช่ค่ะ”            “นี่เหรอที่ทำให้คุณทำท่ารังเกียจผมตลอดทั้งวัน” คริสยกแขนขึ้นดมกลิ่นตัวเองดู ซึ่งก็ออกจะปกติทุกประการ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม