บทที่ 2 บทรักที่ต้องเรียนรู้

1793 คำ
บทที่ 2 บทรักที่ต้องเรียนรู้ แม้ว่าปรเมศจะประกอบธุรกิจสีเทา วนเวียนอยู่กับอบายมุขหลากแขนง แต่เขาไม่ใช่คน ‘มั่วกาม’ ที่จะหลับนอนกับใครต่อใครไปทั่วไม่เลือกหน้า เขามักจะมีผู้หญิงไว้บำบัดความใคร่ตอบสนองความต้องการทางเพศครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น นางบำเรอของเขาทุกคนจะมีอายุงานเพียงแค่หนึ่งถึงสองปี น้อยที่สุดแค่คืนเดียวก็มีหากเขาไม่ถูกใจ โดยปรเมศจะเป็นคนคัดเลือกด้วยตนเองทุกครั้ง เพื่อจะได้ไม่เบื่อหน่ายในรสชาติของกามราคะ อย่างคนก่อนหน้านี้... ‘อรอุมา’ เด็กเสิร์ฟในกาสิโนที่ผันตัวเองมาเป็นนางบำเรอของเขา เธอนมใหญ่คัพดี สะโพกผาย ขึ้นขี่เก่ง ร่อนสะโพกได้อย่างถึงอกถึงใจ ใช้เรียวปากสำเร็จความใคร่ให้เขาได้อย่างถึงพริกถึงขิง เอาอกเอาใจและเอาเก่ง ไม่จู้จี้วุ่นวายทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อีกทั้งยังเชื่อฟังอยู่ใต้อาณัติเป็นอย่างดี เขาร่วมหลับนอนกับอรอุมาถึงสองปีกว่าเพราะติดใจในรสสวาท จนกระทั่งจับได้ว่าอรอุมาแอบมีสัมพันธ์กับการ์ดในกาสิโนของเขาคนหนึ่ง แน่นอนว่าปรเมศไม่ใช่คนใจกว้างที่จะให้อภัยใครง่ายๆ อีกทั้งไม่นิยมแบ่งปันผู้หญิงร่วมกับใคร เขาจึงไล่อรอุมาออกไปและสั่งสอนการ์ดคนนั้นพอหอมปากหอมคอว่าไม่ควรยุ่งกับผู้หญิงของนาย ผลคือ...แขนหัก ขาหัก กระดูกซี่โครงหัก ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลถึงเกือบสองเดือนเต็ม ทว่า...เมื่อระเห็จออกไปได้เพียงเจ็ดเดือน อรอุมาก็ย้อนกลับมาพร้อมกับเด็กทารกชายที่มีชื่อว่า ‘กานต์เกล้า’ ใบหน้าสวยสดยิ้มกว้างอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า ผลตรวจดีเอ็นเอชี้ชัดว่าเป็น ‘เด็กชายกานต์เกล้า’ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของปรเมศ หาใช่ลูกที่เกิดจากการ์ด ความยุ่งยากทั้งหลายประดังเข้ามาราวกับแมลงหวี่กวนใจ เมื่ออรอุมาเรียกร้องเงินหลายสิบล้านเพื่อแลกกับเด็กที่เพิ่งถือกำเนิดออกมา หญิงสาวไม่สนใจเด็กทารกตัวแดงในห่อผ้าที่แผดเสียงร้องไห้จ้าเลยด้วยซ้ำ เธอเอาแต่พูดถึงเงิน เงิน และเงินตลอดเวลา ไม่มีความเป็นแม่ ไม่มีความเป็นมนุษย์ หึ! คิดหรือว่า ‘เด็ก’ จะเป็นเครื่องมือในการปอกลอกเงินจากเขา หากเขายอมอ่อนข้อให้ในวันนั้น อรอุมาก็คงจะถือเอาเด็กเป็นตัวประกันคอยมารีดไถเงินเขาอยู่ร่ำไป ก็แค่น้ำเชื้อ... แค่เด็กที่เขาไม่ได้ต้องการให้เกิดมา! ปรเมศให้บอดี้การ์ดหิ้วปีกอรอุมาออกไปอย่างไม่ไยดี ทว่าสิบเอ็ดเดือนนับจากนั้นเขาก็ได้ข่าวว่าอรอุมาและการ์ดหนุ่มชู้รักประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตกเหวจนถึงแก่ความตาย โดยในรถยนต์คันนั้นไม่มีศพของเด็กชาย! ปรเมศจึงได้ออกควานหา ‘กานต์เกล้า’ เด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข แล้วก็พบว่าเด็กชายอยู่ในการดูแลของ ‘แก้มใส’ ผู้หญิงที่กำลังเปลือยเปล่าต่อหน้าเขาในเวลานี้ “ผ่านมากี่คนแล้ว” คำถามหยาบคายส่งผลให้คนตัวเล็กถึงกับนิ่งอึ้งอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะย้อนถามกลับไปอย่างไม่มั่นใจนักว่าเธอหูอื้อจนได้ยินผิดไปหรือไม่อย่างไร “อะ...อะไรนะคะ” “ฉันถามว่าเธอผ่านผู้ชายมากี่คนแล้ว” คราวนี้แก้มใสถึงกับหน้าแดงก่ำ เธออ้าปากนิดๆ ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของเขาอย่างไรดี ในเมื่อที่ผ่านมาแค่หาเงินประทังปากท้องยังยากลำบาก จะเอาเวลาที่ไหนไปมีคนรักอย่างคนอื่นเขา เธอไม่เคยผ่านชายใด แต่กลับผ่านการคลอดลูกมาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าในข้อนี้เธอไม่อาจบอกเขาได้ เพราะมันคือความลับที่เธอตั้งใจจะเก็บงำเอาไว้ตลอดชีวิต “ตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ...” “เอ่อ...” “ฉันไม่ได้ซีเรียสว่านางบำเรอของฉันจะต้องเป็นสาวบริสุทธิ์ เพียงแต่นับจากนี้เธอจะต้องไม่ยุ่งกับใครนอกจากฉัน ถ้าจับได้ว่าส่ำส่อนมั่วไม่เลือก คำสัญญาที่เธอต้องการจากฉันจะกลายเป็นโมฆะทันที” เจ้าของร่างสูงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ถึงเขาจะไม่ใช่คนดีเด่ แต่ก็ไม่เคยตีค่าผู้หญิงด้วยเยื่อพรหมจรรย์ แล้วยิ่งสังคมสมัยนี้เปิดกว้าง การมีเซ็กส์ก่อนแต่งงานเป็นเรื่องธรรมดาของคนหนุ่มคนสาวไปเสียแล้ว “อะ...เอ่อ ค่ะ” แก้มใสพยักหน้าหงึกๆ ห่อไหล่เข้าหากันด้วยความหนาวสั่น ไม่รู้ว่าอุณหภูมิในห้องเย็นเกินไปหรือเป็นเพราะสายตาคมกริบที่กำลังลามเลียร่างเปลือยเปล่าของเธออยู่กันแน่ จึงทำให้เธอถึงกับสะท้านจนหายใจติดขัดไปหมด “มาเถอะ เธอต้องเรียนรู้ว่าฉันชอบ...หรือไม่ชอบอะไร” ปรเมศไม่ได้พูดเปล่าแต่ปลดกระดุมเสื้อออกจนหมดเผยให้เห็นแผงอกเปิดเปลือยเต็มไปด้วยมัดกล้าม เขาสลัดมันออกลงไปกองกับพื้น จากนั้นมือหนาจึงเลื่อนลงไปคลายหัวเข็มขัดหนังจนทำให้เห็นขนอ่อนๆ ที่โผล่พ้นขึ้นมาเหนือขอบกางเกงอยู่รำไร แก้มใสเหลือบมองตรงส่วนนั้นที่เธอแอบรู้สึกว่ามันช่างเซ็กซี่จนทำให้ใจเต้นแรง ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นแล้วกะพริบเปลือกตาไปมาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกราวกับกำลังเรียกสติ มือข้างหนึ่งพยายามปกปิดทรวงอกเอาไว้ส่วนอีกข้างก็พยายามปกปิดเนินหนันสงวนแล้วเดินตามเขาไปยังประตูบานใหญ่อีกบานหนึ่งด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว หลังประตูบานนั้นคือห้องนอนเรียบหรูโทนสีเทาดำอึมครึม ซึ่งห้องนอนจริงๆ ของปรเมศนั้นอยู่บนชั้นสามของตัวคฤหาสน์ แยกออกไปอย่างชัดเจนเพื่อความเป็นส่วนตัว ส่วนห้องนี้มีไว้เพื่อหลับนอนกับผู้หญิงที่ทำหน้าที่บำเรอความใคร่ให้แก่เขาเท่านั้น เจ้าของร่างสูงเดินไปทรุดกายลงนั่งที่ปลายเตียง ก่อนจะหงายฝ่ามือขึ้นแล้วกระดิกนิ้วเรียกหญิงสาวที่เอาแต่ยืนนิ่งราวกับก้อนหิน “มาสิ...เริ่มหน้าที่นางบำเรอของเธอได้เลย” ‘หน้าที่นางบำเรอ’ คำนี้ดังก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวของแก้มใส อย่างไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มทำหน้าที่นางบำเรออย่างไร ในเมื่อเธอไม่เคยผ่านการหลับนอนกับชายคนไหน เขาเป็นคนแรก... แต่เพื่อน้องกานต์ เธอต้องพยายามทำให้ดีที่สุด เธอจะพลาดตำแหน่งนางบำเรอไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะนั่นหมายถึงการพรากจากลูกไปตลอดชีวิต หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าหาเขา แทรกตัวเข้าไปตรงกลางหว่างขาของชายหนุ่มที่อ้าออกด้วยท่าทางเอกเขนก ก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าหาเขาแล้วปิดเปลือกตาตนเองแน่นสนิทด้วยความกลัว “โอ๊ย!” คนตัวโตร้องคล้ายหงุดหงิด เมื่อจู่ๆ หญิงสาวก็โน้มหน้าลงมาแล้วเอาคางกระแทกเข้ากับจมูกของเขาเต็มแรง “จะลองดีกับฉันงั้นเหรอ” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือหนาบีบแรงเข้าที่ต้นแขนเล็กจนหญิงสาวถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาคลอหน่วยตา ใบหน้าแดงก่ำระเรื่อไปถึงใบหู “นะ...หนูขอโทษค่ะ หนูขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง” พูดจบเธอก็โผเข้ากอดเขาแน่น สองแขนเล็กสั่นเทิ้มอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่อครู่เธอตั้งใจจะเริ่มจากการจูบเขา แต่ด้วยความตื่นเต้นทำให้เธอเผลอหลับตา จึงพลาดกระแทกคางลงบนสันจมูกโด่งของเขาเต็มแรง “พอแล้วฉันหมดอารมณ์” เขาผลักหญิงสาวให้ถอยห่าง พลางถอนหายใจด้วยท่าทางหงุดหงิด ยกมือขึ้นเสยผมหยักศกแรงๆ ก่อนจะหมุนตัวทำท่าจะเดินออกจากห้องไป แก้มใสเห็นท่าว่าโอกาสสุดท้ายของเธอกำลังจะหลุดลอยไป จึงรีบวิ่งไปขวางหน้าก่อนจะพุ่งเข้าหากดข่มความเขินอายเอาไว้สุดกำลัง สองมือเล็กจับที่สันกรามทั้งสองข้างของเขาแล้วดึงร่างสูงให้โน้มต่ำ ในขณะที่คนตัวเล็กเช่นเธอถึงกับต้องเขย่งปลายเท้าเพื่อยืดตัวจูบเขา ริมฝีปากเล็กประกบเข้ากับริมฝีปากหยักศก จูบค้างอยู่เช่นนั้นจนปรเมศถึงกับสิ้นสุดความอดทนตวัดร่างบางขึ้นอุ้มอย่างรวดเร็ว ว้าย! คนตัวเล็กที่กำลังพยายามจูบด้วยท่าทางเงอะงะถึงกับหวีดร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆ ก็ถูกอุ้มแล้วโยนลงบนเตียงเต็มแรง เวลานี้ร่างบอบบางเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงกว้าง ผมสวยสยายบ้างก็คลอเคลียลงมายังทรวงอกอิ่มบ้างก็แผ่กระจายสยายเต็มที่นอนราวกับจะเย้ายวนใจชายให้ไม่อาจละสายตา อีกทั้งดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกราวกับกระต่ายสาวตื่นกลัวภัยยิ่งปลุกสัญชาตญาณนักล่าในตัวเขาให้ตื่นขึ้น “ฮึ! จะเล่นบทไร้เดียงสาใช่มั้ย ได้เลย!” เสือหนุ่มก้าวขึ้นบนเตียงตวัดร่างของเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอย่างกักขฬะ แล้วประกบจูบลงบนริมฝีปากเรียวนุ่มอย่างรวดเร็ว จูบจ้วงเร่าร้อนรุกเร้า บดขยี้บังคับริมฝีปากให้เผยอออกแล้วสอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหอมหวานจากโพรงปากสีชมพูระเรื่อ “อื้อ...” ราวกับหัวใจร่วงหลุดลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้า หัวสมองขาวโพลนมึนงง ร่างกายชาวาบไปทั้งสรรพางค์กาย ภายในท้องหมุนมวนราวกับมีผีเสื้อนับร้อยพากันกระพือปีกบินว่อน แก้มใสอ่อนระทวยดั่งว่าถูกสูบเรี่ยวแรงออกไปจนหมดสิ้น จูบเร่งร้อนทำให้เธอแทบหายใจไม่ทัน “หวาน...” คนตัวโตบ่นพึมพำเมื่อค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกก่อนจะซุกไซ้จมูกไปตามนวลแก้มอวบอิ่ม แล้วหยุดฝังริมฝีปากจูบเม้มลงบนต้นคอระหง “อะ...อื้อ” หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ มือของเขาก็คว้าหมับเข้าที่ก้นงามงอนก่อนจะบีบเฟ้นเคล้นคลึงก้อนกลมจนเป็นรอยริ้วนิ้วมือแดงระเรื่อ “สมบทบาทมาก” เขาหัวเราะ ‘ฮึ’ ในลำคอ ก่อนจะแค่นน้ำเสียงเย้ยหยันคนในอ้อมกอด ทว่าแก้มใสกลับไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เพราะรสจูบของเขาทำให้เธอถึงกับหูอื้อตาพร่าเลือน รู้สึกร้อนผ่าวรุมๆ ราวกับจะเป็นไข้เสียอย่างนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม