เด็กโรคจิตข้างห้อง

1137 คำ
        “ เหรอคะเจ๊ แย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” เมษาเอ่ยด้วยความกังวล ตัวเองกับเพื่อนก็มาจากต่างถิ่น เกิดมาเจอเด็กอันธพาล เด็กติดยาหรืออะไรพรรค์อย่างนั้น ใครจะไปรู้ว่าอะไรร้าย ๆ จะเกิดขึ้นบ้าง         เจ๊ดอกไม้หันกลับมาพร้อมพยักเพยิดทันที         “ จริงสิ อยู่กันสองห้อง มันเป็นเพื่อนกันทั้งหมด ห้องฝั่งติดเธอเนี่ยชื่อไอ้ธันวา ไอ้นี่หน้าตาดี ตัวสูงใหญ่ แต่เตือนไว้ก่อนเลยว่าอันตรายที่สุด มันหื่นกาม จิตวิตถารด้วย พาผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้า ไม่รู้ไปฉุดใครหรือออฟหมอนวดที่ไหนมา พ่อล่อไม่เลือก ไอ้นี่เขาอยู่คนเดียวเพราะจะมีผู้หญิงผลัดกันมาเป็นเหยื่ออยู่เรื่อย ๆ ส่วนห้องถัดไปที่ติดเจ๊นั่นมีไอ้แว่นตัวผอม ๆ กับไอ้เตวิทย์ตัวล่ำ ๆ คล้ำ ๆ ที่เป็นนักมวยอยู่ด้วยกัน เห็นว่าใส่แว่นท่าทางเหมือนเด็กเรียนนะ แต่ที่ไหนได้เขาว่ามันทั้งค้าทั้งเสพ วันดีคืนดีเดี๋ยวมันก็พาพรรคพวกมากินเหล้า เล่นยา ดีดกีตาร์ร้องเพลง เราเตือนก็ไม่ได้นะ มันจะกระทืบเอาสิ ไอ้เตวิทย์มันเป็นนักมวยด้วย เจ๊ก็ต้องอยู่ไปอย่างอดทนนี่ละ อาศัยว่าห้องดีราคาถูก ” วินวี่ยกมือขึ้นทาบอก         “ ว้าย ! นี่มันอันธพาล สวะสังคมชัด ๆ เลยนะคะเนี่ย ” เจ๊ดอกไม้พยักหน้าหงึก ๆ         “ ใช่สิ แล้วมีมากกว่านั้นนะจ๊ะ เจ๊จะขอบอกไว้เลย ไอ้ธันวาเนี่ยมันเป็นลูกของเสี่ยธเนศ ตอนน้องเข้ามาน่ะ เห็นบ้านหลังใหญ่ ๆ กลางซอยไหม ” คู่หูเพื่อนรักพยักหน้า         “ เออนั่นล่ะ เป็นพ่อขอไอ้ธันวา เขาลือกันว่า ไอ้ธันวาโดนไล่ออกจากบ้าน เพราะอะไรรู้ไหม ” เจ๊ดอกไม้ลดเสียงลง พร้อมหรี่ตาที่มันแคบอยู่แล้วให้แคบลงกว่าเก่า ทั้งคู่รีบขยับเข้าไปใกล้         “ เพราะอะไรเหรอคะเจ้ ”         “ เพราะมันข่มขืนแม่เลี้ยง เมียใหม่ของพ่อ พ่อมันจับได้ก็เลยโยนมันออกจากบ้านน่ะสิ ”         “ ว้าย ! ตาเถรตกใต้ถุน แม่เลี้ยงก็ไม่เว้นเหรอคะ ” วินวี่ทำตาโต เจ๊ดอกไม้พยักหน้าหงึกหงักรุนแรงคอแทบหัก         “ นี่ เขาลือกันนะว่ามันเป็นโรคติดเซ็กส์ ซาดิสม์ อาศัยว่ามันหน้าตาดี รูปร่างดี ผู้หญิงก็เลยติดกับมันไม่มีหยุดหย่อน หารู้ไม่ว่าเป็นซาตานในคราบเทพบุตร ”         “ หน้าตาดีเหรอคะ ” วินวี่หูผึ่ง         “ ก็... ประมาณหนึ่งแหละ พอไปวัดไปวาได้ ” เจ๊ดอกไม้ว่า         “ ถ้าอย่างนั้นหนูจะลองเสนอตัวเป็นเหยื่อให้นายธันวาคนนี้ดู จะได้ลดอันตรายต่อผู้หญิงคนอื่น หนูยอมเสียสละค่ะ ”         “ อีวินวี่ ! ” ผู้เป็นเพื่อนรีบยกมือขึ้นฟาดแขนดังเพี้ยะ  วินวี่ได้แต่คำแขนป้อย ๆ         “ อะไรวะเมษ์ นี่ฉันกำลังจะพลีร่างเพื่อมวลชน เสียสละเพื่อความสงบสุขแห่งมวลมนุษยยชาติเลยนะ ”         “ เจ๊ขอเตือนคุณน้องทั้งสองเลยนะคะว่า อย่าเอาตัวเข้าใกล้ไฟ ถ้าไม่อยากตายอย่างทุกข์ทรมาน อยู่ห่าง ๆ ไว้ดีที่สุด เจ๊ไปนะคะ เชิญคุณน้องทั้งสองพักผ่อนเถอะค่ะ ” แล้วร่างอวบอ้วนของเจ๊ดอกไม้ก็จากไป ประตูห้องถูกปิดลง แต่เจ๊แก เล่นทิ้งระเบิดก่อนไป ใครที่ไหนจะหลับลง         “ เวรกรรมแท้ ๆ เลย ย้ายมาต่างบ้านต่างเมืองครั้งแรกก็มาเจอเด็กโรคจิตข้างห้อง ” เมษาบ่นอุบก่อนจะเดินลงมาทิ้งตัวนอนบนเตียงแล้วก่ายหน้าผาก         “ ยังไม่ทันเจอของจริงเลย คิดไปถึงไหน ๆ แล้ว ระดับอีเจ๊ดอกนั่นน่ะนะ วินวี่มองก็รู้แล้วว่าบอร์นทูบีเสือก เกิดมาเพื่อเสือกและเม้าท์เท่านั้น ไม่รู้เชื่อได้หรือเปล่า ”         “ แกก็อย่าบ้าผู้ชายให้มากนักวินวี่ มันไม่ใช่เด็กธรรมดา มันทั้งค้า ทั้งเสพ ทั้งโรคจิต ระวังจะตายแบบศพไม่สวย ”         “ เออ ฉันรู้แล้วน่า ไปนอน ๆ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่  ดูสถานการณ์ไปก่อน ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ ก็ค่อยขยับขยายละกัน อย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้เลยแก นอน ๆ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าหน้าสวย ๆ เผลอ ๆ ฉันอาจจะเจอเนื้อคู่ที่นี่ก็ได้ ”         พูดจบวินวี่ก็ทิ้งตัวลงนอน เมษาจึงทำตามเพื่อนรักบ้าง ไม่ถึงห้านาที สองสหายก็หลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลีย         ขณะกำลังอยู่ในห้วงแห่งภวังค์นิทราอันแสนสุขอยู่ พลันนั้นเมษาก็ต้องสะดุ้งเฮือกตื่นจากฝันอันแสนหวานทันที เนื่องด้วยมีเสียงบางอย่างกระทบโสตประสาท         “ โอ๊ย อย่า อย่าทำแบบนั้น ได้โปรด... ”         เมษาตาลุกโพลง ใจหายวาบ ถ้อยคำของเจ๊ดอกไม้ที่สาธยายให้ฟังเกี่ยวกับไอ้เด็กข้างบ้านติดยาแถมยังโรคจิตพุ่งเข้ามาในหัวทันที         “ หรือว่ามันกำลังจับผู้หญิงมาทรมานวะน่ะ ”         “ อ๊า ! ” เสียงกรีดร้องดังขึ้น หญิงสาวสะดุ้งเฮือก สายตาตวัดไปมองนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนครึ่ง ห้องเช่าอยู่แถบชานเมืองแบบนี้ คงไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงคนนั้นเป็นแน่แท้ ไวเท่าความคิด เมษารีบเขย่าแขนเพื่อนสาวที่นอนกรนเอาเป็นเอาตายราวกับเสียงเรือหางยาวก็ไม่ปาน         “ วินวี่ ลุกเร็ว ไอ้เด็กข้างบ้านมันเอาผู้หญิงมาทรมานร้องเสียงโหยหวนเหมือนใกล้ตายเลย ” ร่างกำยำของเพื่อนรัก     ทำเพียงขมวดคิ้วแล้วพลิกตัวเอาผ้าห่มมาคลุมโปงก่อนจะกรนต่อ         “ อีเทวินทร์ ! ” เธอเรียกดังขึ้น หากแต่กะเทยไทยนางนั้นยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง         “ นี่มึงนอนหรือมึงซ้อมตายเนี่ย ชักช้าอยู่นั่น ผู้หญิงคนนั้นตายพอดี ไปดูลาดเลาก่อนแล้วกันเว้ย ” เมษาตัดสินใจ ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังที่มาของเสียง ไม่ลืมที่จะหยิบมีดหนึ่งเล่มที่ปอกมังคุดกินกับเพื่อนสาวก่อนเข้านอนมากระชับไว้ในอุ้งมือ         เสียงมันดังมาจากทางด้านหลังที่ต้องเปิดประตูครัวออกไป ซึ่งทางบ้านเช่าต่อออกไปเป็นพื้นที่สำหรับตากผ้าหรือ ซักล้าง ดังนั้นระหว่างห้องจึงโบกปูนปิดทึบไว้เฉพาะด้านล่างขึ้นมาราวหนึ่งเมตร ส่วนด้านบนใช้ไม้ฝาเฌอร่ากว้างราวฝ่ามือตีห่างกันราวสองนิ้วในแนวตั้งเพื่อให้ลมพัดผ่านเข้าได้ ดังนั้น เมษาจึงสามารถมองลอดจากระเบียงหลังห้องของตัวเองไปยังห้องติดกันได้ และภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็ทำเอาเมษาแทบช็อค        
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม