[หืม? วันนี้ถ่ายชุดนี้?]
ทันทีที่รับสายวิดีโอคอลจากเฮียมาคัส สายตาคมดุจเหยี่ยวก็จ้องมาที่ชุดของฉัน
“ค่ะ สวยไหมคะ”
ฉันยกกล้องขึ้นมุมสูงให้เขาเห็นชุดว่ายน้ำแบบบอดี้สูททว่าเว้าช่วงเอวทั้งสองข้าง
[ถ้าใส่ต่อหน้าฉันเรียกสวย แต่แบบนี้เรียกหวง]
หน้าแดงขึ้นมาทันทีที่อีกคนป้อนคำหวานแบบไม่ให้เตรียมใจ
“แล้วนี่ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ”
รีบเปลี่ยนเรื่องเพราะสายตาคู่นั้นที่จ้องมองมาทำฉันเขินจนตัวแดงหมดแล้ว
[ครับ ประชุมเสร็จก็รีบโทร. หาสุดที่รักทันที]
“ช่วงนี้ปากหวานจัง ทำผิดอะไรมาหรือเปล่าคะ”
แอบถามสักหน่อย แต่จริง ๆ ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกเพราะแฟนคนนี้ฉันไม่มีแววเจ้าชู้เลยสักนิดเดียว
[อาจจะ]
“หือ?”
ทว่าพอได้ยินอีกคนพูดแบบนี้แล้วหัวใจฉันกลับวูบไหวจนเกือบร้องไห้
[อาจจะเพราะรักมากขึ้นทุกวันเลยต้องหยอดคำหวานหนัก ๆ หน่อย]
โธ่! ทำเอาฉันเกือบปล่อยโฮออกมาแล้วเนี่ย!
“แหวะ เลี่ยนกว่าวิปครีมที่เพิ่งทานมาเลยนะคะ”
เฮียมาคัสทำเพียงแค่ยิ้มหล่อมาให้ฉัน
[แล้วนี่งานเสร็จยังครับ]
“เพิ่งถ่ายเสร็จค่ะ เจ๊สุ่มชวนไปดูดวงด้วยนะคะ”
[ดูดวง?]
“ค่ะ แต่น้ำไม่เชื่อเรื่องพวกนั้นหรอกค่ะ พึ่งดวงอย่างเดียวไม่ทำให้เรามีชีวิตสุขสบายขึ้นหรอกเนอะ”
[ดูไว้ก็ไม่เสียหายนะครับ เผื่อกรรมเก่าอาจจะตามทัน]
“คะ?”
[ฉันก็พูดขำ ๆ]
อา...เมื่อกี้สีหน้าเขาจริงจังนะ
หรือว่าเฮียมาคัสเองก็เชื่อเรื่องดูหมอดูดวงเหมือนกัน
“เฮียมาคส์สนใจไหมคะ”
อีกคนเงียบก่อนจะส่ายหน้าตอบ
[ไม่ล่ะ ฉันไม่เชื่อเรื่องดวง แต่ฉันเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม]
ทำไมน้ำเสียงและสีหน้าเขาดูจริงจังขนาดนั้นนะ
“ยัยน้ำ เจ๊บอลลูนมาแล้ว”
เสียงมินตราตะโกนเรียก
“โอเค ๆ แป๊บน้า” ฉันหันไปตอบเธอ
[วันนี้มินตราก็ถ่ายด้วย?]
เฮียมาคัสคงเห็นตอนที่ฉันแพนกล้องไปเมื่อกี้
“ค่ะ ถ่ายขึ้นปกคู่ด้วยนะคะ”
[อืม งั้นก็ไปธุระต่อกับเพื่อนเถอะ คืนนี้เจอกัน]
ว้า! เสียดายจัง ยังคุยไม่หายคิดถึงเลย
“บายค่ะ”
สุดท้ายต้องจำใจวางสายแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในเพื่อเปลี่ยนชุด
“แกพกน้ำหอมติดตัวจริงด้วย”
กำลังเปลี่ยนชุดอยู่มินตราที่เปลี่ยนเสร็จก่อนฉันนางก็หยิบขวดน้ำหอมแบบพกพามาฉีดพรมตามเส้นชีพจร
“อื้อ แปลกเหรอ”
ฉันส่ายหน้าพร้อมตอบ
“เปล่า ฉันนึกว่าเฮียมาคส์โม้เสียอีก”
“เกี่ยวไรกับแฟนแกอะ”
“ก็วันที่แกรถเสียเฮียมาคส์กลับมาถามฉันเรื่องที่แกใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกับฉัน เขาบอกเห็นแกพกติดตัว ตอนนั้นยังไม่อยากจะเชื่อเลย”
“อ้อ! วันนั้นฉันพกไปเพราะงานอยู่กลางแจ้งคิดว่าต้องได้ใช้แน่ ๆ ตัวคงเหนียวหนึบ ไม่คิดเลยนะว่าเรื่องเล็กน้อยแฟนแกยังจะรายงาน”
ยัยมินพูดเหมือนประชดแฟนฉันหน่อย ๆ
“นี่แหละเฮียมาคส์”
“เห็นฉันใช้น้ำหอมแบรนด์เดียวกับแก คงไม่ได้บอกให้แกเปลี่ยนยี่ห้อหรอกใช่ไหม”
ฉันมองหน้ายัยมินที่คิดเล็กคิดน้อย
“แกจะบ้าเหรอ เฮียมาคส์ไม่ใช่คนใจแคบแบบนั้นสักหน่อย อีกอย่าง ใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกันมันผิดตรงไหน ของแบบนี้ใคร ๆ ก็มีโอกาสใช้เหมือนกันได้ มันอยู่ที่ความชอบย่ะ!”
“นั่นสิ ของบางอย่างชอบเหมือนกันก็ไม่เห็นจะแปลก”
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของยัยมินตรา ก่อนจะหันหลังให้นางช่วยรูดซิปเสื้อจากด้านหลังให้
“ไปกันเถอะ เจ๊ ๆ รอนานแล้ว”
ฉันเดินนำหน้าออกจากห้องแต่งตัว โดยมีมินตราเพื่อนรักเดินตามออกมาติด ๆ
ตอนนี้เรากำลังเดินเข้ามาในบ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านทรงเรือนไทยยกพื้นสูง
“ทำไมบรรยากาศมันวังเวงจังอะเจ๊”
ฉันสะกิดถามเจ๊บอลลูนพร้อมเกาะแขนเธอ
รอบ ๆ พื้นที่กว้างขวาง มีต้นไม้ใหญ่หลายต้น ล้อมรอบ แถมยังเป็นเครือเถาวัลย์พันเป็นซุ้มทางเดินแทบจะมองไม่ออกว่านี่กลางวันหรือกลางคืน
“ถึงบอกว่าไงว่าแม่หมอแกแม่นจริง ๆ นะ”
มันเกี่ยวกับบรรยากาศรอบตัวด้วยเหรอไอ้ความแม่นไม่แม่นเนี่ย
“นัดไว้หรือเปล่า”
พอเดินมาถึงบันไดทางขึ้น มีผู้ชายสองคนใส่ชุดสีขาวยืนดักอยู่
“นี่จ้ะ”
เจ๊สุ่มยื่นอะไรสักอย่างให้หนึ่งในนั้น ก่อนที่ประตูทางขึ้นเตี้ย ๆ ของบันไดจะถูกเปิดออก
“เชิญด้านบนเลย แม่หมอรออยู่”
เสียงบันไดดังจเอี๊ยดอ๊าดทำเอาขนลุกขนพอง
นี่ถ้ามาถ่ายหนังผีคงอินน่าดู
“ใครก่อนคนแรกคะ”
พอมาถึงชั้นบนก็จะมีจห้องห้องหนึ่ง และลานโล่งสำหรับนั่งรอ มีพานพุ่ม ดอกไม้เป็นช่อ ๆ ธูปเทียน สารพัดของที่เหมือนไว้กราบไหว้บูชาตั้งอยู่บนโต๊ะขนาดกลาง
ห้องที่อยู่ตรงด้านในมีม่านแบบมู่ลี่ลูกปัดปิดอยู่ทำให้มองเข้าไปไม่ชัดเพราะมันค่อนข้างมืด
“เจ๊ก่อนนะ”
เจ๊สุ่มหันมาบอกพวกเรา ฉันเลยสะกิดถาม
“ต้องเข้าไปทีละคนเหรอเจ๊”
แค่บรรยากาศก็ไม่อยากตัวห่างกันแล้วอะ
“ใช่ แม่หมอจะดูส่วนตัว”
อา...แบบนี้ฉันไม่เอาด้วยคนหรอกนะ