แอดดดด~
"อาเยว่ตื่นมาทำไมแต่เช้าล่ะลูก ไม่นอนต่ออีกสักหน่อยเหรอ"
ซุนเยียนกำลังเตรียมห่อข้าวเพื่อจะพกไปกินตอนกลางวันที่แปลงนาของหมู่บ้าน นางหันตามเสียงประตูห้องลูกสาวที่กำลังถูกเปิดออกมา
"ไม่เอาดีกว่าค่ะแม่ มีอะไรให้หนูช่วยบ้างคะ"
"ไม่เป็นไรลูก ช่วงเช้าพ่อของลูกออกไปดูน้ำที่ลำธาร โชคดีได้ปลามาสามตัว แม่ย่างไว้ให้แล้วนะ"
ซุนเยียนเปิดจานปลาย่างขนาดเท่าฝ่ามือออกมาให้ลูกสาวดู นางแบ่งไว้ให้ลูก 2 ตัว ส่วนตนเองและสามีรวมทั้งลูกชายเอาไปเพียง 1 ตัวเท่านั้น แต่ก็ยังมีน้ำแกงไก่ที่เหลือจากเมื่อคืนให้ห่อไปกินด้วย
เนื่องจากครอบครัวซุนมีสมาชิกทำแปลงนาของหมู่บ้านหลายคน เรื่องอาหารจึงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ นอกจากอาหารที่เห็นในครัว พวกเขายังมีห้องใต้ดินเอาไว้เก็บซ่อนเสบียงให้รอดพ้นจากสายตาของผู้คนด้วย
"แม่ไปทำงานตั้ง 3 คน ทำไมเอาปลาย่างไปแค่ตัวเดียวล่ะคะ เอาไปอีกเถอะ เหลือไว้ให้หนูตัวเดียวก็พอ ส่วนมื้อเย็นเดี๋ยวหนูจะลองหาดูแถวชายป่าสักหน่อย เผื่อจะได้เนื้อสัตว์มาทำอาหารอีก"
"อาเยว่ ลูกสามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการ เมื่อไหร่ที่ลูกพร้อมค่อยบอกพวกเราก็ได้ ไม่ว่าลูกจะทำอะไร สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องดูแลตัวเองให้ดี ยุคนี้ค่อนข้างอันตราย อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อเดี๋ยวภัยร้ายจะมาถึงตัว เข้าใจที่แม่พูดใช่ไหมลูก"
ซุนเยว่จ้องหน้าผู้เป็นแม่ของเธออย่างงุนงง แม่พูดแบบนี้ไม่เท่ากับว่าแม่ของเธอรู้เรื่องมิติของเธอแล้วเช่นนั้นหรือ ทำไมไม่มีใครสงสัยหรือเอ่ยถามอะไรอย่างที่เธอกลัว ทั้งยังบอกให้เธอระวังตัวให้ดีอีกด้วย
"ค่ะ หนูจะระวังตัวให้ดี"
"..."
ซุนเยียนก้มหน้าจัดของเพื่อเตรียมออกไปแปลงนาต่อ ระหว่างนั้นซุนเยว่จึงพูดขึ้นเบา ๆ ให้เพียงผู้เป็นแม่ได้ยิน
"เมื่อไหร่หนูพร้อม หนูจะเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังนะคะ"
ซุนเยียนลูบกลุ่มผมนุ่มของลูกสาวเบา ๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่สามีและลูกชายของเธอเดินออกมาจากในห้อง
"อาเยว่จะไปไหนแต่เช้าลูก"
"หนูอยากลองทำแปลงผักหลังบ้านค่ะพ่อ บ้านเราพอจะมีเมล็ดผักเหลือไหมคะ"
บุรุษทั้งสองต่างก็มองหน้ากันด้วยความสงสัยทั้งเป็นห่วงปนเปกันไปหมด ซุนอี้ผู้เป็นพี่ชายจึงรีบเอ่ยท้วงขึ้นทันที
"อาเยว่ น้องรอให้พี่กลับมาทำให้ดีกว่าไหม น้องไม่เคยทำงานหนัก ถ้ามือแตกมือพองขึ้นมาจะทำยังไง ไว้ตอนเย็นหลังกลับจากแปลงนาพี่จะรีบกลับมาทำให้"
ซุนอี้จับมือน้องสาวขึ้นมาลูบเบา ๆ มือของอาเยว่ช่างนุ่มเนียนขนาดนี้จะปล่อยให้ไปทำงานหนัก ๆ ได้ยังไงกัน พื้นดินแถวนี้แห้งแล้งมานาน แม้เมื่อคืนจะมีฝนตกลงมาจนชุ่มฉ่ำ อย่างไรเขาก็ไม่อยากให้น้องสาวต้องทำงานหนักถึงเพียงนี้
"พี่ใหญ่ พี่รู้ไหมว่าพี่กำลังทำให้หนูรู้สึกอิจฉาตัวเอง พี่อย่าเป็นกังวลเลย ถ้าเหนื่อยเมื่อไหร่หนูจะหยุดพัก รับรองว่าไม่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บแน่นอน ถ้าต้องอยู่เฉย ๆ ทั้งวันหนูคงเบื่อแย่"
หญิงสาวได้แต่คิดในใจว่าร่างนี้ช่างโชคดียิ่งนักที่มีครอบครัวที่รักเธอมากถึงเพียงนี้
"เดี๋ยวพ่อไปดูเมล็ดผักมาให้ ส่วนอาอี้พาน้องไปดูที่เก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ นะลูก อธิบายทุกอย่างให้น้องรู้ด้วย"
ซุนชางเอ่ยกับลูกชายก่อนที่เขาจะเดินไปทางห้องเก็บของข้างบ้านเพื่อหาเมล็ดผักมาให้ลูกสาว
ซุนอี้พาน้องสาวลงไปดูห้องเก็บของที่อยู่ใต้ดิน พร้อมทั้งอธิบายเรื่องการเก็บรักษาสิ่งของทุกอย่างให้พ้นจากสายตาของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นมีดพร้า จอบ เสียม เครื่องครัว ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งของที่มีราคาแพงมากในยุคนี้ จะวางทิ้งขว้างไว้ไม่ได้เด็ดขาด
ทุกคนใช้เวลาหาของไม่นานก็ออกไปทำงานที่แปลงนาของหมู่บ้าน จ้าวหลุนเองก็ออกไปพร้อมกันกับบ้านซุน ตอนนี้เหลือเพียงซุนเยว่กับแม่จ้าวเท่านั้นที่อยู่เฝ้าบ้าน
จ๊อก จ๊อก จ๊อก จ๊อก จ๊อก
แม่จ้าวได้ยินเสียงเหมือนใครกำลังขุดดินอยู่หลังบ้าน นางค่อย ๆ เดินออกมาดูว่าเป็นใครทำอะไรอยู่
จ๊อก จ๊อก จ๊อก จ๊อก จ๊อก
"อาเยว่ หลานทำอะไรอยู่ตรงนั้น" หญิงสูงวัยเอ่ยเรียกเด็กสาวที่กำลังใช้จอบขุดดินให้เงยหน้าขึ้นมา
"หนูกำลังจะทำแปลงผักค่ะคุณป้า"
"ทำอะไรอย่างนั้นล่ะลูก มา ๆ เดี๋ยวป้าทำให้" แม่จ้าวรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาเด็กสาวทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ
"ไม่เป็นไรค่ะคุณป้าไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูทำเองดีกว่าค่ะ ถ้าคุณป้าเหงามานั่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ"
ซุนเยว่รีบใช้สันจอบเคาะที่ท่อนไม้ใหญ่ใกล้ ๆ เธอเผื่อว่าจะมีแมลงหรือสัตว์อันตรายอยู่ในนั้น เมื่อพบว่าทุกอย่างปลอดภัยเธอจึงรีบเดินเข้าไปประคองแขนแม่จ้าวให้มานั่งพักก่อน
"ขอบใจมากอาเยว่ งั้นวันนี้ป้าจะอยู่เป็นเพื่อนหนูเองนะ "
"ค่ะคุณป้า"
ว่าแล้วซุนเยว่ก็หันไปตั้งหน้าตั้งตาขุดดิน ทำแปลงผักของเธอต่อ แม้ว่าเธอจะไม่เคยทำมาก่อนแต่ก็พอเคยเห็นผ่านตามาบ้าง
ระหว่างนั้นแม่จ้าวก็เล่าเรื่องราวของคนในหมู่บ้านให้ซุนเยว่ฟังพอสังเขป รวมทั้งเรื่องการเดินทางเข้าเมือง แปลนปลูกสร้างของหมู่บ้านหญิงสาวก็สอบถามแม่จ้าวเอาไว้ทั้งหมด
กระทั่งซุนเยว่ทำแปลงผักได้ 3 แปลง หญิงสาวไม่รอช้านำเมล็ดผักบุ้งที่พ่อของเธอให้มา นำมาหว่านลงบนแปลงไป 1 แปลงเต็ม ๆ ส่วนอีกสองแปลงที่เหลือซุนเยว่หว่านเมล็ดคะน้าและเมล็ดผักชีที่มีอยู่ เธอตั้งใจหว่านเพื่อให้ต้นอ่อนเกิดขึ้นมาก่อน แล้วค่อยนำไปขยายใส่หลุมให้เป็นแถวเรียงกัน
สาวน้อยเกลี่ยดินกลบเมล็ดพันธุ์ผักจนหมด เธอเดินไปหยิบปุ๋ยที่เตรียมเอาไว้ในผ้าผืนเก่า ครั้งนี้ซุนเยว่เอาออกมาจากมิติเพียง 2 กำมือเท่านั้น เธอยังไม่รู้ว่าต้องใช้มากน้อยแค่ไหน หากเอาออกมามากเกินไปอาจจะเกิดเรื่องยุ่ง ๆ ขึ้นได้
"นั่นอะไรเหรออาเยว่"
"ปุ๋ยวิเศษค่ะคุณป้า มีคนให้มา เขาบอกว่าใส่ลงไปจะทำให้ผักโตเร็ว หนูเลยอยากลองดูค่ะ"
ซุนเยว่พูดทีเล่นทีจริงก่อนหว่านปุ๋ยลงไปเพียงแปลงละ 1 กำมือเท่านั้น ก่อนที่เธอจะเดินไปหิ้วถังน้ำมาวิดน้ำ รดทับลงไปเพียงเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จ เหลือก็เพียงรอดูว่าปุ๋ยวิเศษนี้จะมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
"เข้าไปพักที่ชานบ้านดีกว่าค่ะคุณป้า แดดเริ่มร้อนแล้ว อีกไม่นานก็คงเที่ยงวัน"
"ตายแล้ว! ป้าลืมสนิทเลย"
แม่จ้าวพึ่งนึกได้ว่านางยังไม่ได้เตรียมทำอาหารไปส่งให้ลูกชาย เมื่อเช้าที่ผ่านมานางกันลูกก็กินน้ำแกงไก่ที่เหลือจากเมื่อคืน
"มีอะไรเหรอคะคุณป้า"
"ป้าลืมทำอาหารไปให้อาหลุน เดี๋ยวป้าขอตัวก่อนนะ"
"แล้วคุณป้าต้องเอาไปส่งที่แปลงนาของหมู่บ้านเหรอคะ ให้หนูไปเป็นเพื่อนไหม"
"จ้ะลูก เอาอย่างนั้นก็ได้ เราจะได้ไปเดินเล่นกันด้วย"
ทั้งสองแยกย้ายกันเข้าบ้านของตัวเองเพื่อเตรียมตัว ซุนเยว่นึกถึงอาหารเธอจึงเดินมาเปิดดูจานปลาย่างว่าแม่ของเธอเอาไป 2 ตัวอย่างที่เธอบอกหรือไม่
แก๊รก
"เฮ้ออ~ เธอนี่โชคดีจริง ๆ เลยซุนเยว่ ทำไมครอบครัวของเธอถึงดีขนาดนี้นะ"
ปลาย่างในจานยังมี 2 ตัวเหมือนเดิม ส่วน 3 คนที่ออกไปทำงานอย่างยากลำบากยอมกินปลาย่างเพียง 1 ตัว ขอแค่ให้ซุนเยว่ได้กินอิ่มนอนหลับก็พอ เมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงตั้งปณิธานในใจว่าต้องทำให้ทุกคนในครอบครัวนี้มีชีวิตที่ดีขึ้น
ว่าแล้วซุนเยว่ก็เดินไปปิดประตูบ้านให้มิดชิดก่อนที่เธอจะเปิดประตูมิติด้วยมือข้างที่สวมแหวนอยู่ หญิงสาวมองหาอาหารที่ทำเสร็จแล้วเพื่อที่เธอจะนำไปให้ทุกคนกินได้ทันเวลา
"อืออ~ เอาขาหมูตุ๋นแล้วกัน เอาคะน้าออกมาลวกใส่ไปด้วยสักหน่อย"
ซุนเยว่ตักขาหมูตุ๋นออกมา 1 ขา เธอใช้หม้ออวยที่มีหูหิ้วเป็นภาชนะเพื่อใส่อาหารนำไปให้ทุกคน เธอไม่กลัวหากต้องบอกเรื่องมิติให้กับครอบครัวของเธอรู้ เพราะทุกอย่างมันผิดปกติตั้งแต่ที่เธอเอาไก่ออกมาต้มน้ำแกงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ถ้าบอกแล้วทุกคนจะได้กินดีอยู่ดีเธอก็จะทำ
สองขาของซุนเยว่รีบสาวเท้าเดินไปที่ครัวเพื่อจุดเตาไฟลวกผักคะน้าใส่ในขาหมูตุ๋น เมื่อดูขาหมูชัด ๆ อีกครั้งเธอก็พบว่ามันเยอะเกินไปจนเกือบล้นหม้ออวย
ไม่นานผักคะน้าก็สุกได้ที่ ซุนเยว่ใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาวางเรียงกันไว้ที่เขียงแล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ พอดีคำ ตามด้วยการเอาขาหมูออกมาหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วจัดเรียงใส่หม้อพร้อมกับผักคะน้าแล้วราดด้วยน้ำตุ๋นที่ติดมากับขาหมู
"อาเยว่ ไปกันเลยไหมลูก"
แม่จ้าวเดินมาที่หน้าบ้านซุน พร้อมกับกล่องเหล็กใส่อาหารใบเก่า
"เสร็จแล้วค่ะป้า"
แอดดดดด
"งั้นไปกัน แล้วนั่นอาเยว่ได้อะไรไปให้พ่อกับแม่อย่างนั้นเหรอ"
"กับข้าวนิดหน่อยค่ะป้า ของป้าละคะได้อะไร"
"ป้าได้ข้าวสวยกับไข่ต้ม 1 ฟองไปส่งอาหลุนนะลูก"
ซุนเยว่ได้ยินแล้วอดใจเสียไม่ได้ คนใช้แรงงานกลับต้องมากินข้าวกับไข่ต้มเพียง 1 ฟองจะอยู่ท้องได้ยังไง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พอเข้าใจว่าไข่ต้ม 1 ฟองก็เป็นอาหารที่หรูมากแล้วในยุคนี้
"หนูขอเติมอะไรลงไปหน่อยได้ไหมคะป้า"
"อะไรเหรอลูก"
"หนูจะเติมขาหมูตุ๋นลงไปสักหน่อยค่ะ หนูทำไว้เยอะเลย"
"ไม่ต้องลูกไม่ต้อง แค่น้ำแกงไก่เมื่อคืนป้าก็เกรงใจมากพอแล้ว"
แม่จ้าวรีบเอ่ยปฏิเสธเป็นพัลวันเมื่อเด็กสาวตัวน้อยตั้งท่าจะดึงกล่องข้าวไปเติมอาหารให้
"อย่าเกรงใจเลยค่ะป้า อนาคตข้างหน้าหนูอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากคุณป้ากับพี่จ้าวหลุนก็ได้ ให้หนูเอาไปเติมเถอะนะคะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลากินข้าวเที่ยง"
สุดท้ายแม่จ้าวก็ต้องยอมให้ซุนเยว่เอากล่องอาหารไปเติม ไม่นานทั้งคู่ก็เดินผ่ากลางหมู่บ้านไปยังแปลงนารวมที่อยู่อีกฟากกับบ้านของพวกเขา