และเมื่อถึงก่อนฝึกงานหนึ่งวัน ขนมผิงได้เดินทางมาหาลูกสาวอีกครั้งหลังจากที่บินกลับไปไม่นาน เธอมาคนเดียวเพราะอยากจะมาดูความเรียบร้อยให้ลูกสาวก่อนฝึกงานจริง
"คุณแม่ขา ฝ่ายบุคคลบอกว่าปล่อยผมได้ค่ะถ้าไม่ได้อยู่ต้อนรับลูกค้า แต่หนูยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะไปอยู่ที่ไหน"
"งั้นวันนี้แม่จะพาลูกไปทำผมใหม่ค่ะ"
น้ำหวานมองหน้าคุณแม่อย่างแปลกใจ เธอไม่เคยเปลี่ยนทรงผมเลยนอกจากปล่อยยาวแล้วรวบ ไม่เคยมีใครได้เห็นเธอปล่อยผมด้วยซ้ำไปเพราะมันเกะกะ จะตัดสั้นคุณแม่ก็บ่นไม่หยุด
"ผมใหม่เหรอคะ คุณแม่ให้น้ำหวานตัดผมเหรอ"
"เดี๋ยวก็รู้ค่ะ ไปกันเถอะ"
สองแม่ลูกกุมมือกันพาไปขึ้นรถแล้วเดินทางไปบนห้าง เธอเดินหาร้านทำผมชื่อดังก่อนจะพาลูกสาวไปส่งให้ช่างพร้อมกับส่งรูปภาพทรงผมใหม่ไปให้
"เอาทรงนี้เลยค่ะ"
"ได้ค่ะ นั่งรอก่อนนะคะ เชิญคุณน้องทางนี้เลยค่ะ"
ช่างเรียกให้น้ำหวานไปนั่งหน้ากระจก ใช้เวลานานมากเกือบครึ่งวันที่เธอต้องทนนั่งปวดหลังอยู่ในนั้น จนเวลาล่วงเลยไปคล้อยบ่าย เธอทั้งหิวทั้งง่วงแอบเผลอหลับไปเลย
"เรียบร้อยแล้วค่ะ"
ช่างทำผมจัดทรงให้เธอเรียบร้อยก่อนจะพาไปยังกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นทั้งหน้าและหลัง เธอตาโตอย่างตกใจเพราะทรงผมใหม่นั้นเป็นลอนสวยงามมากอย่างกับทรงผมดารา
"หูย! คุณแม่ขามันไม่เหมาะมั่งคะ"
เธอไม่ค่อยมั่นใจในทรงผมของตัวเองเท่าไหร่ อาจจะเพราะชีวิตไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตมาก่อน แต่ว่ามันสวยดีนะทำไมรู้สึกชอบก็ไม่รู้
"ดูเป็นผู้หญิงขึ้นเยอะเลยลูกสาวแม่ ผมหน้าม้านี่เหมาะกับหนูมากเลยลูก โอ๊ย! แม่อยากมีโมเม้นท์แบบนี้บ้างแต่งตัวให้ลูกสาว ตั้งแต่เด็กหนูรู้มั้ยว่าตัวเองไม่ยอมให้แม่แต่งตัวให้เลย ถักเปียก็ไม่เอาไม่เอาอะไรเลยซักอย่าง"
น้ำหวานยิ้มกว้างออกมาก่อนจะสวมกอดเอวคุณแม่อย่างออดอ้อน เธอรู้เพราะท่านบ่นให้ฟังตลอดว่าตอนเด็กเธอไม่ยอมให้แม่แต่งตัวแบบผู้หญิงให้เลย ใส่แต่ชุดที่คุณพ่อเลือกให้เท่านั้น
"น้ำหวานเป็นเด็กอย่าถือสาเลยนะคะ"
"ไม่ต้องมาอ้อนเลย ไหนดูสิหน้าต้องบำรุงหน่อยนะลูกจะได้ชุ่มชื่นขึ้น เดี๋ยวแม่ซื้อให้"
ขนมผิงเดินไปชำระเงินค่าทำผมของลูกสาวก่อนจะพาเดินไปเลือกซื้อเครื่องสำอางค์ ของบำรุงใบหน้าและบำรุงผิวกาย เธอจะต้องให้ลูกดูแลตัวเองบ้างจะได้ไม่เสี่ยงขึ้นคานทอง
เมื่อทั้งสองคนมาถึงที่บ้านก็เกือบเย็นแล้ว น้ำหวานถูกเอ่ยชมตั้งแต่คุณปู่คุณย่า ลงมาจนถึงแม่บ้านคนขับรถ จะบอกว่าเธอมั่นใจในตัวเองขึ้นมาเยอะมากก็ว่าได้ เพราะทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าดูเป็นผู้หญิงขึ้นเยอะเลย แถมสวยด้วย
"สวยมากเลยหลาน นี่ปู่จะมีหลานสาวแล้วใช่มั้ยเนี่ย"
"คุณปู่อ่ะ! น้ำหวานเป็นหลานสาวอยู่แล้วนะคะ"
"ก็มันห้าวเกินหญิงไปนิ ปู่บอกแล้วอ่อนโยนอย่างผู้หญิงทั่วไปบ้าง แบบนี้แหละหนูดูสวยขึ้นเยอะเลยลูก มั่นใจในตัวเองเข้าไว้พรุ่งนี้ฝึกงานจะได้มีภาพลักษณ์ที่ดี"
คุณปู่เอ่ยอวยพรหลานสาว คุณย่าก็เช่นกัน และครั้งนี้คนสนิทของคุณหญิงเดินทางมาด้วยมาหาหลานสาวโดยตรงเลย
"หลานยายสวยมากเลยจ้ะ"
"ใช่มั้ยคะ ไม่มีใครมองว่าเป็นเลสเบี้ยนแล้วนะ"
น้ำหวานเอ่ยติดตลก ทุกคนมองสบตากันก่อนจะหัวเราะร่าออกมาอย่างขำขัน ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเธอจะต้องฝึกการใช้ชีวิตในแบบมนุษย์ทำงานแล้ว คุณแม่จะสอนเสมอว่าต้องอดทนเท่านั้น ไม่พอใจอะไรให้เก็บไว้ในใจ เพราะเราทำงานร่วมกับคนมาก ต้องมีวุฒิภาวะและต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้มากที่สุด ยิ่งทำงานบริการแล้วล่ะก็ต้องอดทนมากกว่าปกติหลายเท่า
"อดทนนะลูก โรมแรมไม่เหมือนที่รีสอร์ทของเรา ที่นั่นคือถิ่นของลูก หนูจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่าอะไรได้ แต่การฝึกงานคือเราต้องไปเรียนรู้ประสบการณ์จากคนอื่น หนูต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ดีที่สุดเข้าใจมั้ยคะ"
"รับทราบค่ะคุณแม่"
สองแม่ลูกกอดกันกลมก่อนจะนอนหลับไปพร้อมกัน พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางกลับแล้วเพราะสามีอนุญาตให้มาแค่วันเดียวเท่านั้น
"ฝันดีนะคะคนสวยของแม่"
"เช่นกันค่ะ รักคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ"
เช้าวันต่อมา....
เช้านี้ขนมผิงตื่นแต่เช้ามาช่วยลูกสาวแต่งตัวแต่งหน้าเพื่อให้ดูดีในการไปฝึกงานครั้งแรก เธอจัดลอนผมให้ลูกสาวเลือกชุดนักศึกษาที่ดูดีให้ใส่ ประดับด้วยนาฬิกาและสร้อยคอทองคำขาวที่คุณย่าเคยให้ไว้ตั้งแต่คลอด
"น่ารักแล้วลูก ถ้าใครยังมองว่าเป็นเลสเบี้ยนอยู่นี่ด่าไปเลยนะ"
"คุณแม่อ่ะอย่าแซวสิ"
"ไปได้แล้วสายแล้วค่ะ โชคดีนะคะลูกสาว"
"ค่ะคุณแม่"
น้ำหวานถือกระเป๋าเดินออกไปขึ้นรถ และลุงดำยังทำหน้าที่ไปส่งคุณหนูของบ้านเหมือนเดิมตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่ ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงที่หมาย
เธอเดินเข้าไปรายงานตัวที่ห้องฝ่ายบุคคล ผู้จัดการเห็นก็มองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะร้องว้าวออกมาทันที
"น้ำหวานทำไมวันนี้สวยอ่ะ พี่เข้าใจว่าเราเป็นทอมนะตอนแรก เอ๊ะ! หรือว่าเป็นนั้นแหละแต่ว่าแค่แปลงโฉมเพราะต้องทำงาน"
น้ำหวานยิ้มแห้งออกมาไม่ตอบคำถามอะไรทั้งนั้น ใครอยากเข้าใจอะไรก็ตามใจเถอะเพราะเธอไม่สามารถไปบังคับใครได้
"น้ำหวานต้องทำอะไรบ้างคะ"
"เอาแฟ้มนี่ไปห้องท่านประธานจ้ะ"
"ค่ะ"
น้ำหวานรับแฟ้มเอกสารมาถือไว้ในมือก่อนจะเดินออกจากห้องบุคคลแล้วเดินตรงไปยังห้องของท่านประธาน เธอเคาะประตูสามทีก่อนจะค่อยๆเปิดเข้าไปข้างใน ธีระภัทรที่เพิ่งมาถึงก็วางของลงแล้วหันมามองผู้มาใหม่ เล่นเอาเขาอึ้งไปนานเป็นนาทีเพราะเด็กสาวที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้ บัดนี้ดูสวยเป็นผู้หญิงขึ้นเยอะเลย
"สวัสดีค่ะท่านประธาน"
เขาอ้าปากค้างอย่างตะลึงแต่ซักพักก็ได้สติเรียกให้หญิงสาวไปนั่งลงตรงข้ามเขา
"มานั่งก่อนสิ พี่จะคุยอะไรด้วยหน่อย"
เธอแปลกใจที่ชายหนุ่มเรียนแทนตัวเองว่าพี่ จากก่อนหน้านี้เรียกแทนตัวเองว่าผม แสดงว่าท่านประธานรู้รึเปล่าว่าเธอเป็นเพื่อนของน้องสาวเขา
"เราเป็นเพื่อนดีน่าใช่มั้ย พี่เพิ่งรู้"
นั้นไงล่ะเดาผิดซะที่ไหน แสดงว่าดีน่าคงจะไปบอกหลังจากที่รู้ว่าเธอได้เข้ามาฝึกงานที่นี่ล่ะมั่ง
"ค่ะ น้ำหวานเป็นเพื่อนกับดีน่า"
เขามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเพลินตา สวยแบบเด็กๆไม่มีแต่งเติมใดๆ สวยธรรมชาติมากยิ่งทำผมแบบนี้ยิ่งสวย นี่ถ้าไม่ติดว่าน้องสาวเขายืนยันว่าน้ำหวานเป็นเลสเบี้ยน เขาคงมีแอบคิดไม่ซื่ออยู่บ้างแหละ
"ว่าแต่คุณธีจะให้น้ำหวานฝึกงานที่ไหนคะ"
"มาเป็นผู้ช่วยพี่ดีกว่า แมนๆคุยกันน่าจะเข้าใจง่าย จริงมั้ย..."
เธอมองชายหนุ่มก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นี่แต่งมาขนาดนี้ยังแมนๆคุยกันอีกเหรอ สงสัยจะแก้ตัวยังไงเขาก็คงปักใจเชื่อไปแล้วล่ะ
"ค่ะ แล้วผู้ช่วยต้องทำอะไรบ้างเหรอคะ"
"ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก แปลเอกสารภาษาต่างประเทศซึ่งเราถนัดอยู่แล้วภาษาดีมากขนาดนี้ และคอยตามพี่ไปพบลูกค้า ประชุมก็ต้องไปนั่งด้วย อันนี้คือหน้าที่ของผู้ช่วยนะตามไปทุกที่นั้นแหละ"
"แล้วปกติคุณธีไม่มีผู้ช่วยเหรอคะ"
เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย คือตามปกติเขาต้องมีผู้ช่วยส่วนตัวอยู่แล้ว ขนาดคุณพ่อยังมีลุงดินเป็นผู้ช่วยเลย แล้วจะให้เธอมาทำตำแหน่งนี้ก็ต้องรู้จักผู้ช่วยตัวจริงของเขาสิ
"มี แต่ส่งไปดูงานที่ต่างประเทศ เพิ่งไปได้เดือนกว่าเองอีกตั้งสามเดือนกว่าจะกลับมา ระหว่างนี้น้ำหวานทำแทนแล้วกัน ทำได้มั้ย"
"ได้ค่ะ"
น้ำหวานยิ้มกว้างออกมาก่อนจะตอบรับเสียงสดใส ธีระภัทรมองหญิงสาวก่อนจะเผลอยิ้มตามเธอ พอรู้สึกตัวอีกทีก็รีบหันไปมองอย่างอื่นพร้อมกันเกาหัวแก้เขิน
'ไม่ได้ๆ น้ำหวานเป็นเลสเบี้ยนจะไปยุ่งด้วยไม่ได้เด็ดขาด ท่องไว้ว่าเธอไม่ได้ชอบผู้ชาย ไม่ได้ชอบผู้ชายโว๊ย!!'