ตอนที่ 4

1305 คำ
เขาแสวงหาผู้หญิงอย่างนี้มานานแล้วเก่งด้วยตัวเองอดทนขยันทำงาน โดยไม่ปริปากบ่น อีกอย่างนั้นเพราะศรีบังอรเป็นคนสวยคนหนึ่ง สวยอย่างลึกซึ้งและอ่อนหวานตามแบบฉบับกุลสตรีไทยซึ่งเขาปรารถนาเขาคิดว่า เขาเพิ่งค้นพบและเจอะเจอแต่หล่อนก็ยังไม่เปิดโอกาสให้เขาเด่นชัดนัก เขารู้แต่เพียงว่าหล่อนวางตัวดีมากเท่านั้นทั้งกิริยามารยาทอุปนิสัยสมเป็นแม่บ้านแม่เรือนมีความอ่อนหวานเหมือนคนสมัยเก่า ที่หาในยุคสมัยนี้ไม่มีอีกแล้วผู้หญิงที่เก่งทั้งการบริหารงานและงานบ้านงานครัวเขาเคยคิดว่าถ้าเขามีภรรยาเขาก็ปรารถนาผู้หญิงแบบนี้ ให้มาเป็นแม่ของลูก และเป็นผู้หญิงที่เคียงข้างเขาตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เหมาะที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาภุมมินทร์ไม่ชอบผู้หญิงที่ฉาบฉวยฟุ้งเฟ้อ มักง่าย ใช้จ่ายข้าวของฟุ่มเฟือย อยากจะให้ศรีบังอรรู้จักตัวตนของเขารู้ถึงความต้องการอย่างแท้จริงของเขาที่มีต่อหล่อนเขาคิดว่าหล่อนจะยืนเคียงบ่าฝ่าฟันอุปสรรคไปกับเขาอย่างตลอดรอดฝั่งแน่เขารู้จักหล่อนมานานแล้ว เขาคิดว่าจะสานสัมพันธ์ให้ก้าวหน้าเรื่อยไปจนกว่าหล่อนจะยอมรับเขาในใจ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ภุมมินทร์ปรารถนาในตอนนี้ จึงมองหล่อนแฝงไปด้วยรอยยิ้มซึ่งมีความเสน่หาอาทรอยู่ตลอดเวลาจริงจังจริงใจอย่างเปี่ยมล้นในขณะนี้จนว่าศรีบังอรเกิดความรู้สึกสะท้านใจ เบือนหน้าไปทางด้านอื่นภุมมินทร์ดีกับหล่อนมากเกินไปดีกับหล่อนมากเกินไปเสียแล้ว หล่อนรู้ตัวจึงไม่อยากจะให้ความหวังแก่ตัวเอง ซึ่งจะเป็นเรื่องเครียดและโรคคิดมากตามมา ถึงแม้หล่อนจะมีใจรักเขาอยู่บ้างก็ตาม ศรีบังอรได้พยายามคิดไปว่า มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก หล่อนพยายามคิดอย่างคนเจียมใจเจียมตน อย่างนี้ตลอดเวลา คงมีผู้หญิงอีกหลายคนที่ฐานะทัดเทียมกันกับภุมมินทร์มากมาย มากกว่าหล่อนด้วยซ้ำหล่อนไม่น่าคิดให้ปวดหัวเลย วันนี้เด็กหนุ่มที่เพิ่งมาถึงรู้สึกแปลกใจถึงกับขมวดคิ้วกับรถยนต์คันแปลกที่ไม่เคยพบเห็นอาจจะเป็นเพื่อนพี่สาวใครก็ไม่รู้อยู่กับพี่สาว แปลกใจมองเห็นเป็นผู้ชายเห็นภาพเขายืนอยู่ริมระเบียงก่อนเดินเข้าไปในบ้านกัลย์ณพก้มหน้าถอดรองเท้าวางไว้บนชั้นเสร็จแล้ว รีบเข้าไปหาพี่สาวข้างในทันที ต้องตกใจอุทานออกมาเห็นพี่สาวนอนเอยู่บนโซฟาด้วยอาการเจ็บข้อเท้าคงทรมานมาก “พี่อรนั่นขาเป็นอะไรไปครับ” “คุณอรพี่สาวคุณลื่นหกล้มในที่ทำงานครับเอ้อผมเป็นเพื่อนกับเธอเลยช่วยพามาส่งที่โรงพยาบาลแล้วก็ที่บ้านนี่” ภุมมินทร์ตอบแทนคนเจ็บ ทำให้กัลย์ยกมือขอบคุณยิ้มออกมาให้กับชายแปลกหน้าที่เขาเองยังไม่รู้จักชื่อ “ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือพี่สาวของผมจนกระทั่งเป็นธุระมาส่งถึงบ้านนี่ด้วย” “ไม่เป็นไรครับผมกับคุณอร รู้จักกันมานานแล้วทำงานอยู่ที่เดียวกัน” กัลย์ณพจึงรู้ข้อมูลประวัติเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนพี่สาวในที่ทำงานแต่ว่าเขาไม่รู้จักชื่อเพราะพี่สาวไม่เคยเอ่ยบอก “งั้นผมขอกลับก่อนนะครับคุณอรน้องชายคุณมาถึงแล้วผมรอให้เขามาถึงก่อน ไม่กล้าปล่อยคุณไว้ คนเดียว” เขาพูดให้หล่อนฟังและดูเหมือนจะดังไปถึงกัลย์ณพเขาซาบซึ้งใจนักผู้ชายคนนี้เป็นคนดีเหมือนกัน กัลย์เห็นอาการของพี่สาวแล้วเขารู้สึกสงสารจึงสืบความเท้าความเรื่องที่เพิ่งผ่านมาทราบว่าคุณภุมมินทร์ เพื่อนพี่สาวเป็นคนนำมาส่งถึงที่บ้านพัก ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีจริงในบ้านของเขาแทบจะไม่มีผู้ชายแปลกหน้าคนอื่นๆเข้ามาในบ้านหลังนี้เลย นอกจากเขาที่เป็นน้องชายของพี่ศรีบังอรแท้ๆ กัลย์ได้งานทำแล้วเขาเริ่มต้นงานสอนเด็ก วันพรุ่งนี้เขาจะบอกข่าวนี้กับพี่สาวแต่ทราบว่าศรีบังอรเคราะห์ร้ายไม่น่าเลยเขาสงสารพี่สาวของเขายิ่งนักเพราะมีกันอยู่แค่สอองคนพี่น้องเขาไม่ได้เอ่ยถามอะไรศรีบังอรมากเพราะศรีบังอรทำได้แค่ล้มตัวลงนอนกับเตียงเท่านั้น แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่เก็บความสงสัยค้างคาใจกัลย์เหมือนกัน หรือว่าผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นคนที่พิเศษสำหรับพี่สาวของเขาถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีกัลย์จะได้หมดห่วงเสียทีที่พี่สาวคนนี้จะเป็นฝั่งเป็นฝาในวัยสาวใหญ่นี่ก็ตามทีเถอะ เขาคิดว่าดวงเนื้อคู่ของพี่สาวอาจจะมาช่วงนี้กัลย์อุบปากเงียบแต่ก็ยิ้มกริ่มเขามาหยุดยืนที่ปลายเตียงร่างของพี่สาวนอนทอดตัวยาว หล่อนยังมีอาการเจ็บเคล็ดที่ข้อ “หมอเขาว่ายังไงบ้างครับพี่อร” “เขาบอกว่าเจ็บเคล็ดที่ข้อเท่านั้นเองเส้นไม่ได้พลิก” พี่สาวเขาตอบก็ยังดี ไม่เป็นอะไรมากมายถึงขนาดนั้นถ้าเส้นพลิกต้องพักงานยาว “พี่อรนอนให้สบายเถอะครับ” เขาบอกพี่สาว อยากจะเอ่ยถามว่าผู้ชายที่มาส่งพี่สาวนั้นเป็นใคร เขาชื่ออะไรแต่ยังไม่บอกหรอกเขาขึ้นไปทำธุระส่วนตัวในห้องก่อน สักแป๊บถึงจะลงมาอีกทีจะมาเฝ้าอาการเจ็บของพี่สาวว่าเขาพอช่วยตรงไหนได้บ้างเจ็บตรงไหนเขาจะช่วยนวดให้ ศรีบังอรแทบจะลืมทุกอย่างในวันนี้ ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง งานบ้านต่างๆของหล่อนเพราะหล่อนเจ็บสมองไม่สั่งการตรึงให้หล่อนนอนอยู่กับที่อาหารการกินก็ลืม ก็เลยอยากให้น้องชายแวะไปซื้อผัดไทยที่ปากซอยมากิน แทนก็แล้วกัน ศรีบังอรไม่อาจเข้าครัวได้ หยิบจับข้าวของก็ยังไม่ได้ปวดหนึบที่ข้อเท้าไปหมดสักครู่จึงเอ่ยปากบอกน้องชายเมื่อเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นแบบบ๊อกเซอร์สวมเสื้อยืดสีเหลืองริ้วแดง ค่อนข้างจะเข้ม กัลย์ณพชอบเสื้อผ้าแบบนี้ผิวของเขาขาวทำให้ขับผิวดูเด่นเพิ่มไปอีก ล้วนแต่เป็นเสื้อผ้าที่ศรีบังอรซื้อมาให้ มีบ้างที่เขาซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าเพราะความชอบ “วันนี้ออกไปซื้อผัดไทยกินเองก็แล้วกันไม่ต้องมาเผื่อพี่หรอก พี่กินมาแล้ว คุณภุมมินทร์มีน้ำใจซื้อมาฝากหรือไม่ก็มีข้าวผัดเหลืออยู่ในตู้กับข้าวอีกห่อ ถ้ากัลย์ชอบไม่ต้องออกไปซื้อก็ได้” หล่อนลืมไปว่าภุมมินทร์ซื้อข้าวผัดมาเผื่อน้องชายด้วยแต่ของโปรดกัลย์ณพประจำคือผัดไทยใส่กุ้งกับหอยทอดซึ่งหล่อนมักจะซื้อมาฝากเขาเป็นประจำเขาเดินไปที่ตู้กับข้าวแล้วมาบอกกับพี่สาว “ถ้างั้นกัลย์กินข้าวผัดก็แล้วกันพี่อรไม่ต้องออกไปหรอกครับขี้เกียจเดินด้วย” “งั้นก็ตามใจ” ศรีบังอรตอบน้องชายเสียงแผ่วๆและค่อนข้างเบา แต่เขาได้ยิน กัลย์ณพจัดการแกะอาหารรับประทานข้าวไปตามลำพังจนอิ่มก็เทน้ำเย็นจากขวดพลาสติคใส่แก้ว ดื่มตามก่อนจะนำจานใบนั้นไปล้างและคว่ำเก็บจน “พี่อรดูแลตัวเองด้วยนะครับ ผมจะต้องไปสอนเด็กแล้ว"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม