ตอนที่ 5

1348 คำ
ครั้นเมื่อรุ่งเช้าก้าวเข้ามานั้นกัลย์ได้ตัดสินใจบอกกับพี่สาว หลังจากที่เขาเดินออกไปซื้อโจ๊กอาหารที่ทานง่ายและย่อยง่ายให้พี่สาวได้กินก่อนและกัลย์ขอฝากพี่สาวไว้กับป้าทุมมาเพื่อนบ้านใกล้ชิดกันที่รู้จักครอบครัวของกัลย์ณพ มาตั้งแต่สมัยที่พ่อแม่ของเขายังไม่ทันด่วนจากลูกทั้งสองไป “ไม่เป็นไรหรอกกัลย์ฝากป้าไว้นี่ล่ะป้าจะช่วยดูอรเองกัลย์รีบไปสอนหนังสือเถอะดีใจด้วยนะที่ได้งานทำแล้ว” เสียงของป้าทุมมาบอกตามหลังเมื่อมาเยี่ยมอาการของศรีบังอรพี่สาวของเขา “ขอบคุณนะครับป้า”เอ่ยตอบป้าผู้ใจดีขานั่งรถประจำทางแล้วไปต่อรถตู้อีกครั้งผ่านหน้าโรงเรียนนานาชาติที่เขาสอนอยู่พอดี เด็กนักเรียนเหล่านี้มีพ่อแม่เป็นชาวต่างประเทศมาทำธุรกิจที่เมืองไทยมีพ่อแม่เป็นชาวอังกฤษบ้าง อเมริกา ออสเตรเลีย นอร์เวย์ ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ไต้หวันคละกันไปกับเด็กคนไทย บางคนเป็นลูกครึ่งมีพ่อแม่เป็นไทยแม้แต่เด็กเชื้อสายอินเดียนแดงนิโกรก็มีกัลย์ต้องรับได้ทุกอย่างเมื่อเป็นครูแม้ว่าเด็กพวกนี้จะดื้อจะซนตามประสาซนน้อยถึงกับซนมากแต่อย่างหลังมีมากกว่า ครอบครัวของนักเรียนมีหลายครอบครัวที่พักอยู่ในบ้านจัดสรรหรูหราราวกับคฤหาสน์ตั้งอยู่ย่านแถบนี้และทุกคนเป็นครอบครัวที่มีฐานะ เงินเดือนที่กัลย์จะได้รับสตาร์ทแปดพันกว่าบาทถือว่าไม่ได้น้อย มันก็เท่านี้แหละสำหรับครูคนไทยเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างนี้ แต่เงินเดือนก็ให้ตายตัวพ้นไปจากสามเดือนไปแล้วบรรจุเขาจะเพิ่มขึ้นให้ประมาณหนึ่งหมื่นกว่าที่รู้เพราะพีรธานเป็นคนบอก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูการทำงานของเขาด้วย เจ้าหน้าที่ทางสถาบันจะประเมินออกมา ดังนั้นกัลย์จึงตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดวางตัวให้ดีที่สุดไม่ใช่สักแต่เพียงคิดว่าเขามีเพื่อนเป็นหลานของเจ้าของสถาบันจะช่วยเขารอดได้ และเมื่อเวลาตกเย็นกัลย์รีบกลับเข้าบ้านและเขารีบไปหาพี่สาวก่อนอื่นก็พบว่าภุมมินทร์อยู่กับพี่สาว เพื่อนชายที่เคยมาดูแลและช่วยเหลือพี่สาวในวันก่อนซึ่งเป็นคนมาส่งถึงบ้านแต่ท่าทางเหล่านั้นเหมือนสนิทสนมยิ่งนักจะว่าตาฝาดไป ก็ไม่ใช่ตาฝาดนะเขาเห็นภาพนั้นจริงและคิดตามด้วยอยากให้พี่สาวมีครอบครัวมีคนที่รักเอาใจใส่ซึ่งดูแลใจกันตลอดไปไม่ใช่แบบญาติพี่น้อง กัลย์เองก็นึกภาวนาว่าขอให้คุณคนนี้เป็นคู่แท้ของพี่สาวเขาด้วยเถิด แม้เขาจะยังไม่รู้จักภุมมินทร์มากนักแต่เขาก็มั่นใจได้ว่าเขาน่าจะเป็นคนดีเห็นจากแววตาที่อนาทรห่วงใยพี่สาวมองจากภาพหลายๆอย่างเขานึกคิด หล่อนรู้ดีว่าภุมมินทร์คิดยังไงกับหล่อน หล่อนซาบซึ้งใจเหมือนกันและกำลังจะใจอ่อนลงให้เขาเป็นสุภาพบุรุษที่วางตัวดี เท่าที่คบกันมานาน เขาเป็นคนดีมากเพียงแต่ไม่รู้ในหัวใจของเขาว่ามีหล่อนเป็นรักแท้หรือรักเทียม หรือเขามีที่หมายอื่นแอบเอาไว้หรือเปล่าหล่อนเฝ้าคิดและอยากจะรู้เหมือนกันวันนี้การเทกแคร์ของเขาทำให้หล่อนเขินไปหมด ไม่ได้อยากให้เขาทำและให้เขาช่วยแต่เขาก็อาสาดื้อที่จะทำจนหล่อนอดขัดใจไม่ได้ “อยู่เฉยๆเถอะนะอร คุณนะไม่สบายให้ผมทำให้เองอย่ามาทำดื้อเหมือนเด็กหน่อยเลยน่า” หล่อนก็เลยปล่อยเลยตามเลยให้เขาช่วยเหลือจึงเกิดหวามๆเขินๆในใจยังเต็มไปด้วยความซาบซึ้งเหมือนเขามาปรนนิบัติหล่อนเช่นคนรักแต่ว่าอาการของหล่อนเริ่มดีขึ้นมากแล้วที่ข้อเท้าตรงนั้นรู้สึกคลาย อีกไม่เกินอาทิตย์คงหายเป็นปกติ และไปทำงานได้ เพราะศรีบังอรไม่อยากหยุดงานนานๆ หล่อนชอบทำงานมากกว่าจะนั่งอยู่เฉยๆในบ้านแบบนี้ แต่ความจำเป็นทำให้ต้องยอมรับสภาพ ถ้าหล่อนไม่เจ็บป่วยถึงขนาดเดินไม่ได้อย่างนี้ เพื่อนร่วมงานทุกคนก็เข้าใจหวังดีกับหล่อนทุกคนยกเว้นเติมพักตร์ที่แอบชอบภุมมินทร์อยู่ ไม่พอใจมากที่ภุมมินทร์เอาใจใส่หล่อนขนาดนี้ “เพิ่งกลับมาถึงหรือ” เขากลับมาสักพักแล้วแต่เพิ่งโผล่หน้ามาพี่สาวเพิ่งเห็นจึงทักนึกว่าเขาเพิ่งมาถึง “ครับวันนี้รถก็ไม่ได้ติดมากเหมือนทุกวันจึงกลับมาถึงเร็วก็นั่งรถตู้มาครับ” “ตายจริงก็แพงมากกว่าเดิมสิ” ศรีบังอรค่อนข้างประหยัดในการใช้จ่ายมากเล็กน้อยหล่อนก็คิด เพราะว่ามันเป็นเงิน กัลย์เข้าใจพี่สาวดีเพราะเขาบอกว่าจะนั่งรถเมล์ไปกลับ “แต่ว่าแพงกว่ากันไม่มากเท่าไหร่หรอกครับพี่อรสะดวกดีผมเองก็ห่วงพี่อรด้วยถึงรีบมา” ศรีบังอรถอนใจแล้วก็ปล่อยวาง “ขอบใจจ้ะที่ห่วงพี่มากก็ตามสบายแล้วกันนะกัลย์เถอะจ้ะถ้าเป็นความสะดวกสบายพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร” กัลย์เหลือบมองไปที่ภุมมินทร์แต่ไม่เห็นเพราะพี่สาวบอกว่าอยู่ในห้องน้ำพอเขาออกมาจากห้องน้ำเขาจึงยกมือไหว้สวัสดี “ขอบคุณนะครับที่แวะมาช่วยเหลือแล้วก็ดูแลพี่สาวของผม จนอาการดีขึ้นมาก” ภุมมินทร์ยิ้มให้น้องชายของเจ้าของบ้านเขาทำเพราะใจเรียกร้อง อยากมาดูแลหล่อนต่างหาก “ไม่เป็นไรครับผมห่วงคุณอรเหมือนกันเห็นว่าน้องชายไปทำงาน อยู่บ้านคนเดีย คิดว่าคงจะช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มากเท่าไหร่ ก็เลยอาสามาช่วย” เขาให้เหตุผลที่ฟังแล้วดูดีแต่กัลย์เข้าใจว่าเพราะมันเป็นความรักด้วย เขาแอบเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้มีใจพิเศษให้กับพี่สาวของเขาเพราะคนป่วยอย่างพี่สาวของเขาหน้าตาสดใสขึ้นทำท่าเหมือนว่าจะหายเร็วกว่าปกติอีก “งั้นพี่อรทานข้าวแล้วหรือยัง ผมแวะซื้อโจ๊กหมูตลาดปากซอยมาฝากด้วย” กัลย์หันไปทางพี่สาวโชว์ถุงที่ติดมือมาให้ดู “ขอบใจจ๊ะน้องรักคุณมินทร์เขามาเยี่ยมพี่พร้อมของฝากชวนพี่ทานไปแล้ว ทีแรกว่าจะรอทานกันพร้อมกัลย์ก็เลยต้องทานกับคุณมินทร์” หล่อนเอ่ยไปทางเขาซึ่งภุมมินทร์เอาแต่ยิ้มเขาพอใจที่หญิงสาวพูดเช่นนี้แสดงว่าหล่อนก็มีใจให้เขาด้วยนั่นเอง “งั้นไม่เป็นไรครับกัลย์ทานเองก็ได้ แต่เห็นพี่อรบอกว่าทานข้าวแล้วผมก็สบายใจนึกว่าจะทนรอหิวเพื่อคอยผม” จากนั้นเขาขอตัวขึ้นไปที่ห้องของตัวเองจัดการเรื่องส่วนตัว ปล่อยให้ภุมมินทร์อยู่กันตามลำพังกับพี่สาว และมันจะสะดวกกว่า เขาอยากให้ทั้งสองคุยกันโดยไม่ต้องมีเขาไปขัดขวางเนื่องจากเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องหัวใจที่คนทั้งสองอยากจะดูแลกันและกันเขาเปี่ยมไปด้วยความหวังว่า ในอนาคตอันใกล้นี้เขาอาจจะมีพี่เขยที่ชื่อ ภุมมินทร์ก็เป็นได้เพราะพี่สาวของเขาเองก็ปลื้มชายหนุ่มเองก็ปลื้มพี่สาวจึงไปด้วยกันได้ทั้งคู่ถึงอย่างไรก็เป็นความรักแบบผู้ใหญ่เขายังเป็นหนุ่มอยู่ ไม่อยากจะสนใจหรอกเพราะว่าตนเองยังไม่มีความรักแบบนี้ แต่ในอนาคตความรักเองต้องกวักมือเรียกเขาไปหา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม