ตอนที่ 3 ชื่อตอน นางคิดว่าความรัก 18+

1542 คำ
ทุกสิ่งเปลี่ยนไปจากเดิมไปหลายสิ่ง จากที่ราตรีนี้นั้นนางจะต้องออกมางานไหว้พระจันทร์ กับเจ้าหลิงหว่านที่เป็นสหายของนางเพียงสองคน ในราตรีนี้นางกลับอ้อนวอนให้ท่านพ่อท่านแม่นั้นพานางออกมา โดยที่เจ้าหลิงหว่านได้ออกมากับสาวใช้ของนางเท่านั้นเอง ขบวนของสกุลเซี่ยจึงดูยิ่งใหญ่ขึ้นมา ยามที่ท่านพ่อของนางนั้นตื่นเต้นมากที่บุตรสาวจะพาตนเองมางานไหว้พระจันทร์เป็นคราแรก ท่านพ่อของนางนั้นได้ตระเตรียมงานเทศกาลให้ยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีก จากเมืองชายแดนเล็กๆที่ต้องประหยัดไปทุกสิ่ง เพียงเพื่อบุตรสาวคนงามเพียงผู้เดียว ท่านพ่อท่านแม่ของนางให้คนของสกุลเซี่ยนั้นปรับงานเทศกาลเสียใหม่ นำคนรับใช้ออกมาตั้งวางของขายไปทั่ว บนชายหลังคานั้นก็แขวนโคมไฟและผ้าหลากสีสัน โอ้อวดว่าที่แท้เมืองท่าหวยเหอนั้นมีดี จากที่ในยามแรกนั้น ผู้คนนั้นกลัวมรสุมฝุ่นจากทรายเหลืองที่จะพัดมาจึงสวมใส่เสื้อผ้าสีทึบทึม แต่ทว่าในยามที่ท่านเจ้าเมืองนั้นออกมาจัดงานเทศกาลเองเช่นนี้ ผู้คนในเมืองหวยเหอที่ดูไร้ค่าและยากจน กลับนำผืนผ้ามีราคามาสวมใส่ และสนใจนำของมีค่า ทั้งงานฝีมือของตนเองออกมาตั้งวางขายกันที่ในงานเทศกาล ที่จะจัดถึงแปดวันแปดคืน จากที่จะมีร้านขายของในเทศกาลนี้เพียงราตรีเดียวเท่านั้นเอง เมื่อข่าวลือนี้แพร่กระจายออกไป มิน่าเชื่อว่าเมืองท่าหวยเหอที่ซอมซ่อจะมีผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวงานเทศกาลกันอย่างล้นหลาม ฉูหวางที่ยามแรกนั้นทรงคิดจะปิดล้อมตีเมืองนี้ให้แตก เพราะเห็นว่าเมืองหวยเหอมิมีสิ่งใดน่าสนใจนัก เก็บไว้ก็มิมีค่าใด และจะนำผลงานกลับไปที่เมืองหลวง เพื่อใช้ผลงานนี้ไต่เต้าขึ้นไปแย่งชิงบัลลังก์กับองค์รัชทายาท ยามนี้ฉูหวางได้พบกับความลำบากใจขึ้นมา เพราะเมืองท่านี้นั้นกลับได้รับความนิยม เพียงเพราะจัดงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ขึ้นมาเพียงชั่วข้ามราตรีหนึ่ง แม้แต่องค์ฮ่องเต้นั้นยังทรงเสด็จมาทอดพระเนตรงานเทศกาลนี้ด้วยพระองค์เอง ฉูหวางที่คิดจะเผาไหม้เมืองนี้ลงไปในคราแรก ครานี้ถึงกับต้องทุบโต๊ะและทรงกริ้วขึ้นมาเป็นอย่างมาก เพราะหากเมืองท่าใดที่มีผู้คนนั้นค้าขายชุมนุมกันมาก ย่อมนำความมั่งคั่งมาสู่แคว้น มิเพียงเผาไหม้มิได้ยังมิอาจทำสงครามยึดกันลงไปได้โดยง่าย เมืองหลวงจะต้องส่งผู้ตรวจการมาควบคุมการเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้น และจะต้องมีการรายงานผลการเก็บภาษีเมืองท่านี้ออกไปตลอดทุกยาม จากที่ทรงจะเผามันให้เป็นฝุ่นละอองไปเสีย แล้วตั้งค่ายทหารขึ้นมาใหม่ ในยามนี้มีผู้คนมาเยือนเมืองหวยเหอมากมายเช่นนี้ พระองค์จะทำสิ่งใดได้อีกเล่า ฉูหวางทรงครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะได้พบสตรีนางหนึ่งที่งดงามต้องพระทัยของพระองค์ ฉูหวางขยับกายเดินไปขวางทางนาง และร่างบอบบางทั้งสองนั้นก็ล้มลงไปในอกแกร่งทันที เป็นเจ้าหลิงหว่านและสาวใช้ของนางนั้นเอง ในชาติที่แล้ว สตรีสองนางที่จะต้องล้มลงไปในอกแกร่งนั้น คือเซี่ยหลันเสวี่ยและเจ้าหลิงหว่าน นางทั้งสองได้ไออุ่นจากอกของบุรุษเพศพร้อมๆกัน นางมิเคยคิดว่าที่แท้แล้วสหายของนางนั้นก็มีใจให้ฉูหวาง ตั้งแต่ยามที่ได้สัมผัสร่างกายอุ่นร้อนของบุรุษแล้ว เซี่ยหลันเสวี่ยถอนหายใจแรงขึ้นมา นางที่ผ่านการร่วมหอกับบุรุษปลิ้นปล้อนฉูหวางมาแล้วในชาติก่อน รู้รสรักไปเสียแล้ว ในชาตินี้นางตื่นมาก็ได้พบร่งฉี นางจึงใช้กายของร่งฉีนั้นลบล้างความหื่นกระหายในใจของนางลงไปเสีย “ที่แท้บุรุษที่มีกล้ามตึงและใบหน้างามทุกผู้คน ก็ให้ความเร่าร้อนอบอุ่นกับสตรีได้มิต่างกัน “ หลันเสวี่ยหัวเราะเจ้าหลิงหว่านในใจ สตรีผู้นี้มีบิดาเป็นขุนพลเรือหากว่าฉูหวางตบแต่งนางย่อมได้ประโยชน์จากนางในทางน้ำ หากหลังจากที่ฉูหวางเผาเมืองของนางจนปลิวไปเป็นเถ้าถ่านแล้ว ต่อไปให้อำนาจสกุลเจ้าในทางน้ำมาปิดกั้นเมืองท่าหวยเหอก็ยังมิสายจนเกินไป ยามก่อนนั้นฉูหวางนั้นช่างล่อลวงเอ่ยคำหวาน พบกันคราแรกก็ชื่นชมพวกนางและมอบของกำนัลมาให้แล้ว ยามที่ฉูหวางนั้นเอ่ยบอกนางว่าพระองค์นั้นพักอยู่บนเรือที่ท่าน้ำเงียบสงบแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นนางได้แอบออกมาพบฉูหวางอีกในยามราตรี ฉูหวางชวนนางนั้นดื่มสุราและวางยาปลุกกำหนัดให้นางดื่ม ตื่นขึ้นมาอีกครานางก็ถูกเล้าโลมจนร้อนเร่า ปฎิเสธมิได้ว่าฉูหวางนั้นมีปากลิ้นที่ดีมาก ทำให้นางนั้นตกอยู่ในห้วงฝันไปหลายวันทีเดียว นางคิดว่าเป็นธรรมชาติที่ร้อนรุ่ม แต่มิคิดว่าบุรุษนั้นชั่วช้า คิดปลิดผลไม้อ่อนลงจากขั้วโดยมิปล่อยให้มันสุกงอมไปเสียก่อน ยามที่นางนั้นร่านราคะในตนเอง บุรุษเอ่ยคำหวานเชื้อเชิญนางให้มาพบกันยามราตรี นางก็ลักลอบออกมาเพราะกำหนัดที่ล้นปรี่ เพียงสามราตรีกาลฉูหวางก็ได้ควบขี่นางอย่างง่ายดาย คราแรกของนางนั้นร่านราคะจนมิอาจจะทานไหว บุรุษร่างหนาหนักกดรั้งร่างกายนางลงอยู่ใต้ร่างกายแกร่ง เพียงสามวันที่นางถูกปลุกเร้าด้วยปากลิ้น และนิ้วหยาบระคายที่ทิ่มแทงเข้ามาในกลีบเนื้อนุ่มนวลของนาง รุกรานจนน้ำหวานนั้นเปียกชุ่ม ฉูหวางจุมพิตนางเอ่ยคำหวาน ชื่นชมนางว่างดงามล้ำค่ามากเพียงใด ปลุกเร้าอ้อนวอนนางให้ส่งมอบพรหมจรรย์ของนางออกไป ปลุกเร้านางเพียงสามวัน ทรมานนางด้วยปากลิ้น โดยมิให้นางสัมผัสถึงความสุขในยามสุดท้าย เมื่อนางนั้นร่านราคะด้วยพิษกำหนัดที่ไหลเวียนอยู่ในกาย และฉูหวางก็มิให้นางพบกับความสุขในยามสุดท้าย เช่นนั้นนางจึงคล้ายมิพอเพียง ต้องเร่งออกมาที่เรือของฉูหวาง และปล่อยให้บุรุษนั้นปลุกเร้าจนนางนั้นมิอาจจะทานทน เมื่อธูปปลุกกำหนัดส่งกลิ่นหอมขึ้นมา นางถึงกับยกแยกเรือนกายสาวออกไปจนหมดสิ้น ครานั้นฉูหวางหัวเราะนางขึ้นมา แล้วกดแทรกกายขยับควบลึก ดันสิ่งแข็งขึงอุ่นร้อนฉีกคร่าพรหมจรรย์ของนางอย่างรุนแรง และสะโพกหนาหนักก็ขยับขย่มลงมาอย่างรุนแรง นางเสียพรหมจรรย์อย่างทรมานและสุขสมลึกๆในคราเดียว กำหนัดควบคุมนาง ฉูหวางขย่มกายลงมาบดขยี้กลีบเนื้อนางอย่างรุนแรงและลึกล้ำเหมือนสัตว์ป่า นางถูกกระทำเช่นนั้นทั้งราตรี ก่อนที่ฉูหวางจะสงบลงไปและกอดรัดนางเอ่ยคำหวานขึ้นมา บุรุษแรกของนาง กำหนัดแรกของนาง ความรักแรกของนาง นางมิรู้ตนคิดว่ากำหนัดนี้คือความรัก นางแยกมิออกว่านี่คือห้วงฝันแห่งราคะ ฉูหวางบอกสิ่งใดนางก็คิดว่าบุรุษนั้นพึงพอใจนางไปหมด ยามที่ฉูหวางล่อลวงว่าบิดาของนางนั้นมีความผิด และฉูหวางจะแก้ไขเรื่องราวในครานี้ให้ก่อนผู้ใด นางหลงไหลในคำลวง นางถึงกับขโมยตราประทับและคัดลอกสาส์นลับทั้งหมดออกมาให้ฉูหวาง ความลับของราชการของเมืองหวยเหอนั้นรั่วออกไปสู่ฉูหวางได้ก็เพราะนาง เส้นทางลับที่จะเข้าออกในเมืองหวยเหอถูกคัดลอกไปส่งถึงพระหัตถ์ ข่าวสารมากมายที่นางรับรู้ได้ล้วนตกอยู่ในกำมือของฉูหวาง นางกลายเป็นสตรีที่ไร้ค่าตบแต่งกับผู้อื่นมิได้เพราะกายนั้นมิบริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว และในยามนั้นนางมิเคยรู้เลยว่า ฉูหวางนั้นพบกับเจ้าหลิงหว่านพร้อมๆกันกับนาง สลับเวลากันในยามทิวาและราตรี ผู้อื่นได้เห็นฉูหวางกับเจ้าหลิงหว่านในยามทิวาจึงมีค่ามีเกียรติยศมาก แต่นางนั้นทอดกายให้บุรุษนั้นควบขี่อย่างไร้ค่าในยามราตรี มิมีผู้ใดรับรู้ว่านางคือสตรีข้างกายของฉูหวาง นางทำตนเองไร้ค่ากว่านางคณิกา สุดท้ายฉูหวางมิเคยเห็นว่านางนั้นมีค่า คิดสังหารนางปิดปากลงไป และเผาไหม้สกุลของนางทิ้งลงไปทั้งหมดสกุล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม