ตอนที่ 1 ชื่อตอน ชาติที่แล้ว
ในชาติที่แล้วนางขายบิดาและผู้คนทั้งสกุลเซี่ยให้บุรุษของนาง เพราะนางเห็นว่าบิดาของนางนั้นคือคนชั่วของแผ่นดิน นางหลงไหลฉูหวางจนโงหัวมิขึ้น ยอมเป็นสายลับให้กับฉูหวาง นางลักลอบนำสาส์นสำคัญของบิดาและตราประทับออกไปให้ฉูหวาง จนเมืองหน้าด่านหวยเหอนั้นลุกเป็นไฟ ความรักของนางที่มีให้บุรุษมากจนเกินไป จนถึงยามสุดท้าย เมื่อประตูเมืองได้เปิดออกจากคำสั่งปลอม นางผู้เป็นสายให้ฉูหวาง ถูกฉูหวางคิดหวังสังหารเป็นคนแรก ในขณะที่ลูกธนูเหล็กจากคันศรของฉูหวางนั้นพุ่งตรงเข้ามา บิดาของนางขยับกายเข้ามาปกป้องบดบังนาง ช่วยนางปัดลูกธนูนั้นออกไป ก่อนที่บิดาของนางจะทานทนมิได้ และให้ทหารคู่ใจของสกุลเซี่ยนำทางนาง ผู้เป็นคนทรยศคนทั้งเมือง ให้เร้นรอดออกไปจากเมืองหวยเหอ ออกไปได้อย่างปลอดภัย หลังจากนั้นเมืองทั้งเมืองของนางก็ลุกไหม้เป็นเถ้าถ่าน มิมีผู้ใดรอดพ้นมาจากกองเพลิงได้ เพราะผู้คนต่างมิยินยอมที่จะล่ะทิ้งเมืองหวยเหอออกไปกันทั้งสิ้น
“ปกป้องเสี่ยวหลันเสวี่ยเอาไว้ให้ได้ จงปกป้องนางแทนข้า “
“ขอรับ ข้าสัญญาจะปกป้องคุณหนูใหญ่เอาไว้ให้ได้ ข้าน้อยขอสัญญาด้วยชีวิตขอรับ “
“ไป พานางหนีไปให้ได้ อย่ากลับมาที่นี่อีก “
“ฮรือ ท่านพ่อ ลูกขออภัย ขอท่านพ่อโปรดอภัยให้ลูกอกตัญญูผู้นี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะท่านพ่อ “
“เสี่ยวหลันเสวี่ยมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี เจ้าตัวน้อยของพ่อ “
เสียงของบิดาของนางยังคงดังดังกึกก้องอยู่เช่นนั้น ในระหว่างที่นางนั้นขึ้นม้าหนีออกมากับขบวนคุ้มกันมือดีของเมืองหวยเหอได้ ราตรีนั้นคือคืนวันที่นางบ้านแตกไร้หนทางให้กลับอีกต่อไป นางมิได้แม้แต่จะมองชมการนำร่างของสกุลเซี่ยไปแขวนประจานไว้ที่กำแพงเมืองตามธรรมเนียมศึก นางกลับไปมิได้อีกแล้ว คนรักที่นางเคยรัก คิดสังหารนาง และเล่าขานออกไปว่า นางนั้นคือสตรีโฉดชั่วที่ขายบ้านและแผ่นดินของตนเองออกไป นางหนีการไล่ล่าของฉูหวางจนตลอดชีวิตของนาง ก่อนที่ชีวิตนางจะดับดิ้น นางได้มองเห็นฉูหวางนั้นกดกอดสตรีแสนงดงาม ที่มีนามว่าเจ้าหลิงหว่าน บุตรสาวแสนงามของสกุลเจ้า สตรีที่เคยเป็นสหายรักของนาง อยู่ในอ้อมแขนของฉูหวาง หัวใจของหลันเสวี่ยแทบเผาไหม้ นางถึงกับสะบัดมือที่ดึงรั้งขององครักษ์ร่งฉี แล้ววิ่งออกไปตรงหน้าขบวนของฉูหวางกู่ร้องลั่นขึ้นมา
“หวางเย่พระองค์ทรงหลอกลวงหม่อมฉันมาโดยตลอด “
“บังอาจ สังหารนางเสีย สตรีชั่วช้าสกุลเซี่ย สังหารนาง “
ฉูหวางปิดดวงตาของเจ้าหลิงหว่านลงไป แล้วอินทรีย์ทมิฬทหารรับใช้ของฉูหวาง ก็ทะยานลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ร่งฉีกระโดดออกมาปัดป้องคมอาวุธนั้นออกไป
“เคร้ง”
“นำทางคุณหนูออกไป นำนางหนีออกไปให้ได้ “
เสียงตะโกนของร่งฉีดังขึ้นมาในโสตประสาทของนาง ในสายตาของนางกลับเพิ่งสำนึกได้ว่า บุรุษที่คู่ควรกับนางนั้นมิใช่ฉูหวางแต่เป็นร่งฉีผู้นี้ต่างหาก คิดได้ดังนั้นก็สายจนเกินไปเสียแล้ว ฉูหวางเขวี้ยงมีดบินลงมาตัดลำคอของนาง แม้นางจะหลบไปได้ในคราหนึ่ง แต่ทว่านางก็ถูกลูกธนูมากมายยิงเข้ามาในร่างกายทุกส่วน ร่งฉีคำรามลั่นและกระโดดลงมาโอบกอดนาง โดยที่มิสนใจว่าตนเองนั้นจะถูกฝนธนูทิ่มแทงกายเฉกเช่นกัน
“คุณหนู คุณหนู ข้าจะพาท่านหนีไป ฮึ่ก อ๊าก คุณหนูลืมตาขึ้นมา คุณหนู ท่านอย่าจากข้าไป คุณหนู “
น้ำตาของหลันเสวี่ยหยดหยดลงมาที่หางตา ในดวงจิตของนางคิดเพียงว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ นางจะมิรักคนชั่วช้าผู้นี้อีกต่อไปแล้ว นางจะทำดีกับท่านพ่อของนางให้มาก นางจะปกป้องเมืองหน้าด่านหวยเหอของนางให้ดี เสียงของร่งฉีร้องไห้ออกมาดังๆและคำรามลั่นดั่งว่ากำลังจะหัวใจสลาย ทุกสิ่งคล้ายดังติดตามนางไปจนถึงยมโลก ทุกสิ่งคล้ายลางเลือนไปเหมือนอยู่ในความฝัน
“เฮือก ฮรือ “
“คุณหนูท่านตื่นได้แล้วนะเจ้าคะ “
เสียงของเพ่ยเพ่ยดังขึ้นมาปลุกนางจากความฝัน หลันเสวี่ยตกใจตื่นขึ้นมา นางน้ำตานองในใบหน้า นางกายสั่นไหวอย่างรุนแรง ค่อยๆลืมดวงตาขึ้นมากวาดมองไปรอบๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางเคยมีในยามเยาว์นั้น ยังอยู่ที่นี่มิเปลี่ยนไป เสียงของเพ่ยเพ่ยที่สนทนาในยามเช้าดังขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณหนูเจ้าคะ วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ คุณหนูต้องเร่งแต่งกายให้งดงามนะเจ้าคะ ผู้คนในสกุลเซี่ยทั้งสาขาหลักและสาขารอง ล้วนจะมารวมตัวกันในวันนี้ คุณหนูของเพ่ยเพ่ยจะต้องงดงามกว่าผู้ใดในสกุลเซี่ย ท่านจะต้องมิให้ผู้ใดนั้นแย่งชิงความสนใจไปได้นะเจ้าคะ “
เสียงของเพ่ยเพ่ยทำให้นางนั้นตื่นตระหนก วันไหว้พระจันทร์นั้นคือวันที่นางจะได้พบกับฉูหวาง ในราตรีนี้นางจะได้พบฉูหวางเป็นคราแรก บุรุษชั่วช้านั้น บุรุษที่ทรยศนาง หักหลังนางและทำลายเมืองหวยเหอนี้จนลุกไหม้ไปเป็นจุลไปหลันเสวี่ยตื่นตระหนก นางที่เห็นเพ่ยเพ่ยก็ร่ำไห้ขึ้นมา จนเพ่ยเพ่ยนั้นตื่นตกใจวิ่งมาที่ข้างเตียงของนาง และโอบกอดนางปลุกปลอบขวัญนางในทันที
“คุณหนู ราตรีที่ผ่านมานั้น ท่านกินขนมกุ้ยมากจนเกินไปจนฝันร้ายหรือเจ้าคะ อาเพ่ยบอกท่านแล้วว่าท่านนั้นต้องงดงาม ท่านจะดื่มกินสิ่งใดตามใจของท่านมากมายมิได้นะเจ้าคะ “
“ฮึ่ก ข้าจะฟังเจ้า ต่อไปข้าจะเชื่อฟังเจ้าเป็นอย่างดี ข้าจะมิดื้อกับเจ้าอีกแล้ว “
“โถ่ คุณหนูของอาเพ่ย ท่านป่วยมากจนร่ำไห้เช่นนี้ คงต้องให้ร่งต้าเกอไปตามท่านหมอแปดมาแล้วนะเจ้าคะ “
อาเพ่ยหมายถึงท่านลุงแปดของนางที่มีตำแหน่งหมอหลวงอยู่ในวัง ซึ่งในวันนี้จะต้องมาร่วมงานเลี้ยงในวันไหว้พระจันทร์กันทั้งนั้น ร่างบางเพียงได้ยินขึ้นมา ก็พยักหน้าออกมาอย่างคิดว่านี่คือในความฝัน นางอยากพบทุกผู้คนในสกุลเซี่ย ขอเพียงทุกคนนั้นยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น แม้แลกด้วยชีวิตโง่เขลาของนางก็ยินยอม
“ร่งต้าเกอ คุณหนูใหญ่ท่านปวดท้อง ท่านเร่งไปเชิญท่านหมอแปดมาให้ดูอาการของคุณหนูด้วยเถิด “
ทันทีที่อาเพ่ยร้องเรียกออกไป ร่งฉีที่หลบอยู่นอกเรือนก็เร่งเปิดประตูเข้ามา เดินสาวเท้าเข้ามาถึงภายในห้องของนาง แล้วใช้หลังมือนั้นอังลงมาบนหน้าผากของนาง ก่อนจะทดสอบมืออีกด้านกับหน้าผากของตนเองแล้วเอ่ยออกไป
“อร่า คุณหนูตัวร้อนน้อยๆ คงเป็นไข้หนาวจากละอองดอกถิงสุ่ยที่ล่องลอยมาเสียแล้ว ข้าจะให้คนไปทำลายดอกไม้ชั่วช้านั้น ที่ทำให้คุณหนูของข้าป่วยไข้ขึ้นมาอีกแล้ว “
“อร่า ใช่แล้ว คุณหนูแพ้ละอองดอกถิงสุ่ยนี่นะ ข้าจะไปบอกท่านพี่ต้าเฟิงให้ออกไปทำลายมันเสีย ท่านอยู่ที่นี่เสียก่อน ยามที่ข้ากลับมา ท่านค่อยไปตามท่านหมอแปดมาให้คุณหนูนะเจ้าคะ “
“อืม ท่านหมอแปดนั้นเพิ่งมาถึงได้มินาน ข้ายังมิอยากไปรบกวนนัก ในปีนี้นายท่านทั้งหลายต่างเดินทางมาอย่างยากลำบากเพราะมีหินถล่มลงมาปิดทางสัญจร และอากาศนั้นก็ร้อน เพราะมีไฟโหมลงมาใกล้ๆกับเส้นทางที่สัญจร “
“อร่า เช่นนั้น ข้าจะไปหายาแก้ไข้ของคุณหนูมาทดลองเสียก่อน คุณหนูแพ้ดอกถิงสุ่ย ขอเพียงพวกเราออกไปกำจัดมันให้สิ้น คุณหนูของข้าก็จะหายดีแล้ว “
เพ่ยเพ่ยทำตาวาวอย่างแค้นเคืองดอกถิงสุ่ย แล้ววิ่งออกไปในทันที ส่วนคนข้างเตียงของนางก็ยิ้มแย้มออกมาจนเต็มใบหน้า และหน้าแดงขึ้นมาจนถึงใบหู เมื่อได้สบกับดวงตาที่รื้นน้ำตาของนางนั้น ร่งฉีมีสายตาที่บ่งบอกว่ามีความรักให้นางอย่างแท้จริง หลันเสวี่ยมองแล้วก็น้ำตาไหลทะลักออกมาจนสิ้น นางดึงฝ่ามือหนามาซบลงไป ฝังใบหน้าเปื้อนน้ำตาและน้ำมูกของนางลงไปบนฝ่ามือนั้น
“ร่งฉี ฮึ่ก ร่งฉี “
“คุณหนูท่านเจ็บป่วยที่ใดท่านบอกข้า คุณหนูท่านอย่าร่ำไห้เช่นนี้ซิขอรับ “
“ใช่แล้ว ใช่แน่แล้ว ที่ผ่านมานั้นมิใช่เป็นเพียงแค่ความฝัน ในวันนี้นางมิเคยป่วยเป็นไข้หนาว ในวันนี้นั้นนางจะตื่นขึ้นมา และแต่งกายอย่างงดงามเพื่อออกไปร่วมงานเลี้ยงของสกุลเซี่ย ท่านอาแปดนั้นมิเคยกล่าวว่าได้พบกับภัยพิบัติระหว่างทางที่จะกลับมาที่จวนสกุลเซี่ย ในวันนั้นมิเคยมีเรื่องราวสำคัญใดของท่านอาแปด หากว่าท่านอาแปดนั้นคือกุญแจในครานี้ นางก็จะใช้กุญแจดอกนี้ กลับไปแก้ไขเรื่องราวทั้งหมดในยามนั้นให้จงได้ นางจะมิรักบุรุษยิ่งใหญ่ผู้นั้นอีกแล้ว ย้อนเวลากลับมาในครานี้ นางจะมินำเมืองหวยเหอไปสู่หายนะอีกต่อไป ท่านพ่อของนาง ท่านแม่ของนาง ทุกคนในสกุลเซี่ยจะต้องมิถูกความโง่เขลาของนางนั้นทำลายชีวิตลงไปอีก “