ชิงหมิงมิได้แปลกใจอันใดในชาติกำเนิดของตน อีกทั้งท่านพี่ฉวนชิงก็มิได้ตื่นตกใจมากนัก ใบหน้าหวานตาเหล่คนขึ้นมา และทำแก้มพองลมขึ้นมาอยู่เช่นนั้น จนท่านพี่ฉวนชิงสงสัยนางจึงไต่ถามนางขึ้นมา
“เสี่ยวหลันเจ้ารู้ได้อย่างไรกัน ว่าชิงหมิงคือองค์ชายผู้หนึ่งเช่นกัน “
“ฮึ่ม หากองค์ไท่จื่อนั้นมิมีพระพักตร์เดียวกันกับชิงหมิง ข้าคงมิมีทางค้นพบความลับนี้ตลอดไป ผู้ที่มิคุ้นเคยกับราชวงศ์และสกุลหยาง จะรู้ความได้หรือว่าสกุลเซี่ยนั้นได้หลบซ่อนสิ่งใดๆเอาไว้กัน “
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณหนูใหญ่นั้นเก่งกาจนัก ท่านฉลาดกว่าสตรีในเมืองนี้มากมายจริงๆ “
ชิงหมิงหัวเราะนางแล้วหยิบขนมเปี๊ยะออกมาจากในอก ให้รางวัลนางเช่นทุกคราที่นางนั้นทำสิ่งใดแล้วทำได้ดี เจ้าลิงสามตัวนี้จะมีขนมอยู่ในอก แล้วนำมันออกมาให้รางวัลนางไปทุกครา ที่แท้เจ้าพวกนี้ยักยอกขนมของนางไปก่อน แล้วยามที่มิมีสิ่งใดจะให้นาง ก็นำมันออกมากลับคืนนาง มันช่างน่าทุบตีนัก หลันเสวี่ยคว้าเอาขนมเปี๊ยะออกมาแล้วคว้ามากัดต่อหน้าผู้อื่นในทันที
“พวกท่านต่างหลอกลวงข้า “
“ฮ่า ฮ่า หลอกลวงอันใด ข้ามิเคยเอ่ยสิ่งใดออกไปเลยแม้เพียงคราหนึ่ง ข้าจะเป็นชิงหมิงของคุณหนูคนเดิมมิว่าวันใดๆ ชีวิตนี้สกุลเซี่ยคือบ้านของข้า อยู่ที่ใดก็มิมีความสุขได้เท่าบ้านสกุลเซี่ยของข้าแล้ว “
บุรุษสามคนหัวเราะกันรื่นเริง ลงท้ายแล้วนางก็คว้าเอาขนมทั้งหมดยัดลงไปในปากไปอย่างแค้นเคือง ร่งฉียิ้มให้นางและเทน้ำชาให้นางก่อนจะส่งมาให้ เอ่ยอ่อนโยนกับนางขึ้นมา
“สิ่งที่ดีในชีวิตนี้ของข้าก็คือที่นี่เช่นกัน แต่ทว่าหัวใจของข้านั้นมีท่าน การจะอยู่ใช้แซ่เดียวกับท่านตลอดไปก็คงมิดี หากเพียงท่านนั้นแต่งเข้าในสกุลหยาง ต่อไปนี้เราก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปแล้ว “
“เจ้าตัวแมลงร้ายร่งฉี เจ้ากล้าเกี้ยวพาราสีน้องสาวของข้า ต่อหน้าข้าได้เช่นใดกัน “
ท่านพี่ฉวนชิงชี้หน้าคนแล้วตะโกนลั่นขึ้นมา ทำท่าจะต่อยตีร่งฉี ชิงหมิงดึงรั้งท่านพี่ฉวนชิงเอาไว้ แล้วไล่ร่งฉีออกไปเสีย ร่งฉีขยับคิ้วน้อยๆและค้อมกายลงเบาๆ
“ข้านั้นมิหนีไปที่ใดเลยขอรับ ต่อให้ท่านตีข้า ข้าก็จะยอมให้ท่านพี่เขยตีข้าแต่โดยดีแล้วขอรับ “
“เจ้ามันโจรขโมยข้าวสาร เจ้ามันแมลงร้าย ร่งฉี “
“ข้ารักคุณหนูเซี่ยขอรับ สตรีอื่นใดนั้นข้านั้นล้วนมิชื่นชมพวกนางเลยขอรับ “
ร่งฉีเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจในตนเอง แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าของท่านพี่ฉวนชิงของนาง ทำให้หลันเสวี่ยหน้าแดงขึ้นมาเสียได้ นางตบตีคนและก่นด่าคนขึ้นมา
“เจ้าคนบ้า ข้าอับอายผู้อื่นแล้ว “
ร่งฉียิ้มให้นางและเอ่ยวาจาออกมาอีกครั้ง
“ท่านพ่อและท่านเจ้าเมืองเซี่ยได้ตกลงกันแล้วขอรับ ขอเพียงให้แม่สื่อไปดูดวงอีกนิด มินานก็จะมีฤกษ์แต่งงานแล้ว ต่อไปข้านั้นก็ต้องเรียกท่านว่าพี่เขยแล้วขอรับ “
“ฮึ่ม เจ้าแมวขโมย เจ้าบังอาจจะกินเนื้อหงส์น้อย ที่ข้าขุนเอาไว้ในบ่อน้ำของสกุลเซี่ย เจ้ามัน เจ้า เจ้า เจ้า “
ท่านพี่ฉวนชิงไร้คำที่จะต่อว่าคนต่อไปอีก ในที่สุดก็กระแทกเท้าเดินหนีไป ชิงหมิงมิได้เดินตามคนต่อไปอีก นั่งลงกับพวกนาง แล้วหยิบขนมเปี๊ยะหวานออกมากัดแทะต่อไป เอ่ยคำออกมาเบาๆ
“ต่อให้สูงเทียมฟ้า ข้าก็อยากอยู่ที่นี่ตลอดไป อยากเป็นชิงหมิงของพวกเจ้า และอยากแทะขนมเปี๊ยะหวานนี้ต่อไป ข้ามิพร้อมที่จะจากไปจากจวนนี้ ต่อไปมิมีพวกเจ้า ข้านั้นจะอยู่ต่อไปได้เช่นใดกัน “
“เฮ่อ เจ้าลูกเต่าน้อยติดบิดา ต่อไปเจ้ามีเงินทองแล้ว ก็หาสตรีช่วยคลายเหงาและชวนพวกเราไปร่ำสุราเสีย สุขใดจะดีเท่า ยามที่เมาแล้วพวกเรามีสหายที่รู้ใจกัน “
“เฮ่อ เจ้ายังมีคุณหนูเซี่ย แต่คุณชายฉวนชิงนั้นเป็นบุรุษ ข้าคงนำไปมิได้ ต่อไปข้าคงเหงาตายอยู่ในเรือนแล้ว “
หยางไท่เวยที่แอบฟังอยู่หัวเราะขึ้นมาแล้วเอ่ยความออกไปในทันที
“ซานหวงจื่อ ท่านนั้นมิต้องกังวลไป ยามนี้ท่านรั้งตำแหน่งหวางแปดมนฑลแล้ว เช่นนั้นต่อไปให้ร่งฉีติดตามท่านก็ย่อมได้ ตำแหน่งไท่เวยนั้นมิมีการสืบทอดตำแหน่งมีเพียงการแต่งตั้งขึ้นไปจากกองทัพ เช่นนั้นหากร่งฉีเป็นองครักษ์ของท่าน ท่านนั้นก็จะมิต้องปรับเปลี่ยนสิ่งใดมากมายนัก ร่งฉีและท่านก็คุ้นเคยกับสภาพอากาศและภูมิประเทศของที่นี่แล้ว ย่อมสามารถปรับตนเองได้ง่ายกว่าผู้ใด ส่วนกระหม่อมนั้นเป็นคนแก่แล้ว บุตรอยู่ที่ใดย่อมติดตามไปได้ทั้งสิ้น จวนในชายแดนนี้กระหม่อมก็มีอยู่หลายมณฑลเลยทีเดียว ส่วนการนำคนจากสกุลเซี่ยไปมาก ก็จะส่งผลกระทบต่อสกุลเซี่ยทำให้ต้องคัดเลือกคนต่อไปอีก ร่งฉีอยู่ที่ใดย่อมมีสกุลหยางติดตามไปรับใช้อย่างแน่นอน องค์ไท่จื่อเองนั้นก็มีกองกำลังของพระองค์แล้ว อย่างไรต่อไปหากท่านมิคิดแย่งชิงบัลลังก์ ตำแหน่งของไท่เวยอาจจะเปลี่ยนมาเป็นท่านก็ย่อมได้เฉกเช่นกัน “
“อืม เช่นนั้นตกลงตามนั้น ขอเพียงมิต้องอยู่อย่างเดียวดายก็เพียงพอแล้ว ข้าเพียงมิมั่นใจที่จะออกจากไข่ไปบินสู่ท้องฟ้าอย่างเดียวดายเท่านั้นเอง “
หยางไท่เวยหัวเราะขึ้นมาเบาๆ มองใบหน้าบุตรของตนแล้วก็คว้าคนขึ้นมากอดรัดอีกครั้ง
“เจ้าคล้ายคลึงมารดาของเจ้านัก ยามนี้ป้ายวิญญาณของนางอยู่ที่จวนสกุลหยางแล้ว ต่อไปก็ไปไหว้นางที่นั่น นางคงติดตามปกป้องเจ้าอยู่ตลอด เจ้าจึงมีชีวิตมาถึงในวันนี้ได้ อย่างปลอดภัยเช่นนี้ “
“ขอรับท่านพ่อ”
ร่งฉีเรียกหยางไท่เวยเป็นท่านพ่ออย่างเต็มใจ ชายผมขาวน้ำตารื้นขึ้นมาในที่สุด เหมือนความฝันนั้นถูกเติมเต็มแล้ว ซานหวงจื่อถูกฝ่าบาทเรียกไปเข้าเฝ้าอีกครา ยามที่ได้มองใบหน้าอ่อนเยาว์ชัดๆก็สรวลเอ่ยกับขันทีขึ้นมา
“เหมือนกับองค์ไท่จื่อในยามเยาว์ เจ้านั้นมิเหมือนกับสนมเจียงเท่าใดนัก มีเพียงปากบางๆนี้เท่านั้นเอง “
ขันทีข้างกายพระองค์มิเอ่ยคำใดออกมาขัดฝ่าบาทเลย มีเพียงองค์ไท่จื่อนั้นเองที่สรวลขึ้นมาอีกครั้ง
“ต่อไปนี้ฉูหวางคงเห็นเจ้าเป็นเพื่อนเล่นอีกคนแล้ว เปิ่นไท่จื่อหยอกล้อกันมานานก็เบื่อหน่ายแล้ว หากเจ้าว่างในยามใด ก็อย่าลืมไปเล่นสนุกกับฉูหวางเล่า ฉูหวางนั้นเป็นบุตรของหยูหวงโฮ่วอย่างไรเล่า “
“เฮ่ย มิเอาน่า อย่างไรพวกเจ้าทั้งสามนั้นก็เป็นพี่น้องกัน รักกันเอาไว้แบ่งปันอำนาจกันไปมิได้หรือ”
องค์ฮ่องเต้นั้นขัดการสนทนาที่ไร้สาระนี่ลงไปเสีย องค์ไท่จื่อหุบปากพลันและขยับคิ้วขึ้นมาอย่างก่อกวนคนขึ้นมา ชิงหมิงยิ้มจางๆแล้วเอ่ยคำขึ้นมาอีกครั้ง
“กระหม่อมนั้นเติบโตขึ้นมาเช่นสามัญชน รู้เพียงว่าหากผู้ใดรบกับเรา เรานั้นต้องตอบโต้กลับไปให้มากกว่า มีบุญย่อมทดแทนมีแค้นต้องชำระ หากฉูหวางนั้นต้อนรับกระหม่อมเช่นพี่น้อง กระหม่อมก็จะเป็นพี่น้องที่ดีและซื่อสัตย์ให้พระองค์และฉูหวางแล้วพะยะค่ะ “
“ฮ่า ฮ่า ตอบได้ดี ต่อไปนี้ เปิ่นไท่จื่อต้องได้พบเรื่องราวที่น่าสนุกแล้วซินะ “