ตอนที่ 8
“ ต๊าย แม่ตัวดี ลูกฉัน ดูซิดันมาบอกว่า ไม่มีงานการอะไรทำงานบ้านงานเรือนล่ะจ๊ะ ถูห้องปัดกวาดแล้วหรือยัง ถ้าอ้างว่าขี้เกียจก็บอกแม่ตรงๆเถอะ อย่ามาโกหกแม่เลย ”
“อะไรนะคะนี่แม่จะให้หนูลุกถูบ้านตั้งแต่เพิ่งแหกขี้ตาตื่นเลยหรือคะ ใจเย็นๆก็ได้คะ วันนี้หนูนา อยู่กับบ้านทั้งวัน นาต้องทำเหมือนเคยนั่นแหละคะ เพราะนารักความสะอาด คุณแม่ดูสิคะ ห้องของนาไม่สกปรกเลย สวยด้วย น่าอยู่”
คุณสร้อยเงยหน้าขึ้นมองสำรวจห้องของลูกสาว นามินีพูดถูก ห้องหับเป็นระเบียบ สะอาด ฝุ่นผงแทบไม่มี ข้าวของจัดเอาไว้เป็นระเบียบสมกับเป็นลูกผู้หญิงนั่นทำให้ผู้เป็นแม่ยิ้มออกมาได้
“จ๊ะไม่เป็นไรหรอกถ้างั้น”
นางรู้สึกดีขึ้นเปลี่ยนอารมณ์ทันที เมื่อฟังคำอธิบาย
“ ดีแล้วที่ล่ะลูก ที่หนูรู้จักรักษาความสะอาด เพราะลูกสาวของแม่จะต้องขายออกได้ในอนาคต และเป็นผู้หญิงมันก็ต้องรู้จักงานบ้านงานเรือนอย่างนี้แหละ” หากได้ฟังมารดาพูดแล้ว นามินีก็อยากต่อล้อต่อเถียงท่าน
“ โห คุณแม่ขา นี่เป็นพูดคำที่ห่างไกลจากตัวหนูจังค่ะ และ หนูยังเรียนไม่จบนะคะ แล้วเรื่องนั้น ก็ยังเป็นแค่อนาคต ที่ยังมาไม่ถึงง่ายหรอกค่ะ”
“อ้าว นั่น ก็แม่พูดเผื่อไว้ไงจ๊ะ ยังไงเสียเกิดมาเป็นลูกผู้หญิงก็ต้องแต่งงาน” คุณสร้อยพูดให้ฟังอีก ทำเอานามินีหน้าหงิก
เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องที่แสลงกับความรู้สึกของเธอยิ่งนัก ไม่อยากพูดและนึกถึง
“อ้าวดูซิดูทำหน้าเข้ายัยหนูนาไม่สวยเลยนะลูก ทั้งๆที่ลูกของแม่นะออกจะสวยแล้วก็สวยกว่าใครในละแวกนี้ด้วย”
มารดาเอ่ยชมเธอ หากแต่คำชมนั้นไม่ได้สร้างความพอใจให้แก่นามินีเท่าไหร่ เพราะว่า เธอไม่ชอบใจที่มารดา นั้นชอบพูดถึงเรื่องแต่งงาน
“เอ ถ้างั้นหนูนา จะยอมอยู่ขึ้นคานอย่างนี้ไปตลอดชีวิตเลยค่ะ ”นามินีหาทางออกด้วยคำประชด
เธอพูดออกไปให้มารดาได้ยิน คุณสร้อยรู้ดีว่ามันเป็นคำพูดประชดของบุตรสาวสุดหวง
“กัดฟันพูดหรือเปล่าจ๊ะ” คำพูดของมารดาทำให้นามินีรู้สึกไม่พอใจยิ่งขึ้น หน้าหงิกเพิ่มขึ้นไปอีก นี่มารดไม่เชื่อเธอหรือ ถึงความต้องการของเธอ
ถึงความต้องการของเธอที่ไม่อยากเข้าประตูเรือนหอวิวาห์กับใครในขณะนี้ ยังอยากจะเป็นลูกของแม่ และยังอยากเรียนหนังสือต่อไปอีก
“แต่หนูยังอยากเป็นลูกของแม่คนเดิมค่ะ เพราะ ยังเรียนหนังสืออยู่ กว่าตั้งนาน ถึงจะจบได้ แล้วนี่คุณแม่จะรีบผลักไสไล่ส่ง ให้หนูนาไปอยู่ที่ไหนกันคะ หรือไม่อยากเห็นนาอยู่ใกล้ๆแม่ตลอดไป ”
ฝ่ายลูกสาวทำท่าจะงอนและน้อยใจด้วย
“แม่พูดความจริงไงจ๊ะนา อีกหน่อยเถอะ เป็นลูกผู้หญิงทุกคนละ ต้องออกเรือนมีเหย้ากัน แล้วนี่ จะหาว่าแม่พูดผิด มันตรงไหนกัน แม่ก็ออกจะพูดธรรมดาสากลของโลก” มารดาพูดถูกต้องตามสากลของโลกจริงๆ แต่ทำให้เธอยังหน้าหงิก
“เปลี่ยนเรื่องอื่นเถอะคะแม่ หนูนา เซ็งจริงๆ ที่สมองของคุณแม่นั้นมีแต่เคี่ยวเข็ญให้ลูกรีบแต่งงานแต่งการออกไปจากบ้านพ้นจากอก ทั้งๆที่หนูมายังไม่”
นามินีหันมาตอบมารดา เมื่อเรื่อวงนี้ยังไม่จบ
“อ้าว ก็เผื่อว่าลูกหนูนาของแม่ นั้นมีใครรักใครชอบแล้ว นี่จ๊ะ ถ้าเป็นแบบนั้น แม่จะไม่ขัดขวางเลย”
“อีกแล้ว คำก็แต่ง สองคำก็แต่งงาน หนูนาไม่ใช่ลูกหมู อู๊ดๆนะคะแม่ ที่ตั้งท่าจะผลิตลูกออกาอย่างเดียว ไม่อยากฟังคำนี้เลยคะแม่ขา ตอนนี้นะคะ คุณแม่ก็เตรียมเสียใจได้เลย เพราะว่านายังไม่มีแฟนสักคน ยังไม่มีใครรัก และไม่คิดจะรักใครด้วยค่ะ”
ตอบท่านด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก เมื่อลูกสาวพูดจบ ก็ทำเอาคุณสร้อยทองหน้าเสีย นั่นเพราะ เหลือบมองไปเห็นที่ใบหน้า ของนามินี ที่ดูจริงจัง เสียเหลือเกิน ไม่เหมือนการพูดเล่น
“แหม ลูกนา ก็เกินไป เพราะแม่ไม่คิดว่า ลูกสาวคนสวย ของแม่ นี้ จะไม่มีใครรักใครชอบเลย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอก ไอ้หน้าตาขี้ริ้วก็ไปอย่าง แต่นี่ ทั้งสวยและใส น่ารัก ถอดแบบจากแม่ในสมัยสาวๆก็ไม่ผิดเลย ”
คุณสร้อยทองตอบ เพราะในอดีตนางเคยเป็นเทพีมาก่อน ถ้า นามินี ลูกสาวจะเจริญรอยตามก็ไม่ผิด
“ฮึ แบบนี้ งั้นหนู ก็ไม่อยากจะเกิดมาเป็นคนสวยด้วย เพราะสวยมากมีปัญหามาก”
นามินีต้องพูดออกไปแบบนี้ เมื่อมารดาไม่ยอมจบง่าย
“แหม ดูพูดเข้าหนูนา พูด ทำยังกะว่า หนูสามารถใช้ไม้เท้าวิเศษเสกมนตร์สาปตัวเองได้อย่างนั้นแหละ”
“ก็จริงนะสิคะ ถ้าทำได้ เป็นอย่างนั้นได้ เพราะเป็นแม่มดมีมนตร์วิเศษ นี่ หนูนาว่า ยิ่งดีที่สุด ไม่มีใครรบกวน มีอะไรก็จัดการด้วยคาถาอาคมเลย”
หรือเป็นเพราะนามินีพยายามปิดกั้นตัวเองใช่สิ ลูกสาวเรียนหนังสือเก่ง สนใจเรียนแต่หนังสือ โดยไม่สนใจเพื่อนต่างเพศ ซึ่งมันอาจเป็นไปได้ ทำให้นางคิดไปอีกทาง
ในหัวสมองของคุณสร้อยทองจึงครุ่นคิดในเรื่องนี้ ที่ลูกสาวชักจะมีพฤติกรรมแปลกๆ จะว่าเบี่ยงเบนก็ไม่ใช่ เพราะลูกสาวไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างนี้ ลูกสาวของนางเป็นหญิงแท้ มีจริตมารยาอ่อนหวาน ไม่มีทางเป็นทอม เป็นดี้ได้เลย
“เอาล่ะนะ เรื่องนี้ แม่จะไม่กวนถามหนูแล้ว ก็ตามสบายนะลูก”
“ค่ะ แม่” ทำให้นามินียิ้มออกมาได้ หายเครียด
ครั้น เมื่อคุณสร้อยพูดจบ นางก็ก้าวเดินออกจากประตูห้องของลูกสาวจากไป
กับ เรื่องเมื่อคืนนี้ก็เช่นกัน ที่ นามินีก็นึกไม่พอใจลุงกับป้าเหมือนกัน เพราะท่านมองดูหล่อนแปลกๆ ดูเหมือน ว่า ลุงกับป้ากำลังจะจับผิดหล่อน ใช่ ถึงแม้ท่าน จะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก็ตาม บางส่วน แต่นามินี ก็ไม่ยอมเล่าให้จบ เพราะมันเกิดอันตรายกับตัวเอง และผลลบ รวมทั้งเงินจำนวนมากมายนั้นด้วย
กลัวว่าเรื่องนี้มันจะยาวยืดออกไป มากกว่าเดิมอีก เพราะ ท่านทั้งสองคน นั้น ไม่มีลูกด้วยกัน หล่อนต้องมาช่วยเหลือดูแลท่านเป็นบางครั้ง ปัญหาจึงตกมาที่หลานสาวอย่างหล่อน ก็หวั่นใจเหมือนกัน กลัวมารดาจะรู้เรื่องนี้ไปอีกคน