ตอนที่ 2
แสนกลุ้ม กลุ้มอกกลุ้มใจจริง กับลูกชายคนนี้
“วินท์นั่น แกจะออกไปไหนอีกเพิ่งกลับเข้าบ้านแท้ๆ ”
อยู่แค่ได้พบบุตรชายแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้นวินท์ก็เตรียมทำท่าจะขับรถสปอร์ตคันหรูออกไปข้างนอกอีกแล้ว
“แล้วนี่ จะไม่ให้แม่เชื้อถาม สักคำเลยหรือไง ว่าที่แกหายหัวไปนี่ ตั้งห้าหกวัน หรือเป็นเดือนๆ แกไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาล่ะวินท์” เพราะมารดาถามเสียงเหมือนคาดคั้นเอาหนักๆ
เขากลับเอ่ยตอบแบบราบเรียบแถมไม่ได้สะดุ้งสะเทือนสักเท่าไร เหตุนี้เองที่ทำให้มารดารู้สึกอิดหนาระอาใจในพฤติกรรมอย่างมากนัก
“พัทยา ครับ ที่เที่ยวเล่นนอนกิน ของผม”
เอ่ยตอบแบบท้าทายมารดา สั้นๆเหมือนไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย และมารดาก็ไม่ควรที่สนใจกับเรื่องของขา มากเกินไป
“นึกแล้วไม่มีผิดนั่นไงแล้วบอกใครในบ้านบ้าง ”
คุณหญิงทำเสียงเยาะในลำคอ วินท์เอ่ยอีก
“ก็ ผมไม่ได้บอกใครนี่ครับ แล้วก็คิดว่า ทำไมผมจะต้องบอกให้ทราบด้วยในเมื่อผมไม่ใช่เด็กอมมือเพิ่งเข้าชั้นอนุบาล ผมโตแล้ว พัทยาอยู่ใกล้กรุงเทพแค่นี้เอง คุณแม่จะมาเอาอะไรกับผมอีกครับ ”
เอ่ยกับท่านเหมือนรู้สึกท้อใจ ในแกมบังคับ เห็นเขาไม่รู้จักโตเสียที ต้องอยู่ในสายตามาตลอดเหตุนี่เองวินท์จึงทำอะไรแบบแผลงๆประเภท ทำตัวนอกคอก ต้องการอิสระ ลูกชายคนนี้พูดเหมือนคนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร เมื่อทำอะไรไม่ได้ คุณหญิงได้แต่บ่นตามหลัง
ซึ่งเหมือนจงใจจะให้วินท์ได้ยินเหมือนกัน
“แกนี่ มันขี้เกียจจริงๆ ไม่เคยเห็นหัวพ่อแม่ แล้วสักวันเถอะ ถ้าไม่มีพ่อมี แม่ สักวันนะตาวินท์ แม่ว่าแกจะรู้สึก ” ดูเหมือนท่านประชดคำนี้ เป็นคำสุดท้ายอย่างเหลืออด ก่อนที่จะปล่อยปละละเลยเขา นางรู้สึกผิดหวัง กับคำถามที่โต้ตอบของบุตรชาย ซึ่งเป็นคนที่ไม่รู้จักคิด
ไม่เฉลียวใจจริงๆ นางเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร กับลูกชายคนนี้ เลยต้องใช้การอบรม เพราะต่อไปในอนาคตทายาทของตระกูลก็ต้องตกเป็นของลูกชายเพียงคนเดียว ถ้าไม่เร่งศึกษาขวนขวาย พาตัวเข้าหาธุรกิจของบริษัท เอาแต่ขี้เกียจ เมื่อไหร่นางจะปล่อยวางและไว้ใจได้เล่า.. ว่าวินท์มีความสามารถพอให้พ่อและแม่หายห่วงกังวล ว่าเขาจะดำเนินธุรกิจสืบต่อบิดาของเขาได้ ถึงอย่างไรมันก็ยังมีความไม่สบายใจแบบเดิม
คุณหญิงอยากจะรื้อความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกในทางที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่หมางเมินห่างหายจนนางใจคอไม่สู้ดีเลย แต่เขาไม่ให้ความร่วมมือ นี่ขนาดมาถึงแล้ว ทำท่าจะออกไปเช่นเคย ทำเหมือนคนอยู่ไม่ติดบ้านเอาเสียเลย
ยิ่งวินท์พรวดพราดเดินจากไปตรงหน้า รู้สึกปวดหัวกับลูกชายคนเดียวคนนี้นัก ก็เลยทำให้นางคิดว่า ความเป็นแม่ของนางนั้นไม่ดีเลย ที่ไม่สามารถสอนสั่งลูกของตัวเองได้
อาจจะเป็นเพราะมีลูกเพียงคนเดียวก็เลี้ยงดูมาอย่างตามใจ เป็นความผิดของนางนี่เอง คุณหญิงบุรีมาศครุ่นคิดได้แล้ว ก็ได้แต่เฝ้าโทษตัวเอง และรู้สึกสงสารแต่สามี ที่ท่านนั้นทำงานหนักเพื่อลูกเต้า งกๆ เหน็ดเหนื่อยกับการบริหารงานเสียแทบทุกอย่าง ในฐานะเจ้าของกิจการ
ทั้งๆที่วินท์ ลูกชายคนนี้เอง ก็แทบจะไม่เคยเหยียบเข้าไปออฟฟิศเลย แม้แต่จะศึกษางานธุรกิจของครอบครัว และการไปของวินท์ทุกครั้ง เป็นเพราะมัวแต่สนุกสนานเล่นกับเพื่อนฝูง ที่ไม่มีสารประโยชน์อันใด
ไร้แก่นสาร อย่างมากในความคิดของคุณหญิง ที่ลูกชายทำตัวทุกวันนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ล่อใจให้เขากลับเข้ามาในบ้าน เมื่อขาดปัจจัยในการดำรงชีวิต ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน อย่างเดียวนี่หรือ เลี้ยงดูเขาอย่างสุขสบายมาตั้งแต่เกิด นางรู้สึกหมั่นไส้ กับ วินท์ ลูกชายคนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินหมด คงไม่ถ่อตัวกลับเข้ามาในบ้านแน่ สะโหลสะเหลอิดโรยกลับเข้าม
สุดท้ายก็มาแบมือขอเงินจากนางเช่นเคยทุกครั้ง และทุกครั้ง ด้วยความที่เป็นแม่ นางใจอ่อน สงสารเพราะเป็นลูกชายคนเดียว ก็ให้ไป
นี่มันเป็นเวรหรือกรรมอะไรของนางกันนักหนาหนอ ที่ทำให้ต้องพบมาเจอกับสภาพอย่างนี้.. กับลูกชายที่ไม่รู้จักรับผิดชอบอะไรเลย และเขา ทำตัวไม่รู้จักโตเสียที
ครั้นเมื่อออกจากบ้านแล้วนั้น วินท์ เขาก็ได้โทร.เข้า มือถือของ อัครณี เพื่อนรัก ที่คบหากันมานานตั้งแต่วันเยาว์
“นี่ เซ็งไปหมด ฉันเบื่อบ้านมากเหลือเกิน นี เพราะอยู่ ในบ้านก็มีแต่ความไม่สบายใจเอาเสียเลย”
เขามาบ่นกับเพื่อนสาวเพื่อรับรู้ปัญหา และอัครณีก็รับฟัง
“มีเรื่องชวนปวดหัวเยอะแยะไปหมด”
คำบ่นพร่ำบ่นจากปากชายหนุ่ม
ทำให้เพื่อนสาวอุทาน “ต๊าย คุณวินท์ นี่ ถึงคราวตกระกำลำบาก ทำตัวเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำแล้วจะนอนที่ไหน เร่รอน ไม่เป็นที่ ฮึ ทายาทมหาเศรษฐีลูกโทนคนเดียวอย่างเธอ ก็มีเรื่องกลุ้มใจปวดหัวกับเขาด้วยหรือ วินท์ ก็นึกว่ามีแต่พวกคนจนอย่างพวกฉันเสียอีกแน่ะ แล้ว เอ้อ นายมีอะไรที่จะให้ฉันช่วยล่ะทีนี้ เห็นเกริ่นมา ทำหน้าเศร้าแบบนี้อีกแล้ว เซ็งเชียวนะ พ่อเพื่อนรัก พ่อสุดหล่อ”
อัครณีสัพยอกเพื่อนรักที่อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องเงินๆทองๆหรอกนะ เพราะฉันคิดว่า ระดับทายาทมหาเศรษฐีอย่างเธอ คงไม่สิ้นไร้ไม้ตอกขัดจนขนาดนั้นวินท์”
เสียงของอัครณีเพื่อนสาววัยเปรี้ยวของเขากระเซ้าใส่หูของเขา ทำให้วินท์ยิ้มออกมาได้
“ก็ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกณี”
อัครณีถอนหายใจ
“แหม. อิจฉาลูกคนรวยอย่างเธอจังนะวินท์ มีเงินมากมายมหาศาล พอที่จะแจกจ่ายให้เพื่อนหยิบยืมได้มั๊ยนี่” แม้จะเป็นคำประชดแกมหมั่นไส้เพื่อนรักลูกเศรษฐีก็ตาม แต่อัครณีก็ตั้งใจที่จะให้วินท์เพื่อนรักหนุ่มคนนี้มีความสนุกสนาน
ที่เธอกระเซ้าเย้าแหย่อย่างนั้น อยากให้เขาหายเครียด เพราะดูท่าทางแล้วเขาคงเครียดจัดมาจากบ้าน จึงพูดระบายความรู้สึกให้เพื่อนอย่างเธอฟัง แล้ววินท์ก็ทะลุกลางปล้อง ในสิ่งทีเขาอยากขอร้องให้เพื่อนช่วย
“ว่าแต่เรื่องอะไรที่จะให้ ฉันช่วย ว่ามาสิ”
อัครณีเอ่ยอย่างยินดี วินท์ขมวดคิ้วเรียวเข้มดกดำ
“มีเรื่องให้ช่วย คือเธอช่วยกีดกันเพื่อนหญิงที่กำลังคบกับฉันได้ไหม เพราะฉันรู้สึกว่า หล่อนคงหวังจะคบกับฉันมากกว่า คู่ควงธรรมดาเสียแล้ว”