บทที่2

3671 คำ
บทที่ 2 พระเอกสู่ผู้ประสบภัย! เทพเซียนบนสวรรค์แบ่งเป็นเหล่ากลุ่มตามลักษณะเด่นของพลัง ตำหนักบุปผาคือเทพเซียนบุปผา ดูแลรากฐานความอุดมสมบูรณ์ในดินแดนสวรรค์ ตำหนักโอสถคือเทพเซียนโอสถ ผู้ชำนาญปรุงยา ตำหนักดาราคือเทพดารา ผู้เก็บบันทึกดวงชะตา เช่นเดียวกับตำหนักสัจจเทพทั้งสี่ ปลีกวิเวกยังสุดเขตแดนชั้นในสวรรค์ ปกปักษ์ ณ ทิศสำคัญทั้งสี่ทิศ ตำหนักฮั่วเทียนของเผ่าเฟิ่งหวงเป็นดินแดนชั้นนอก ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำเหอเฟิง อันแม่น้ำสายหลักวนผ่านส่วนนอกและส่วนในดินแดนสวรรค์ ให้นับระยะทางระหว่างตำหนักฮั่วเทียนกับตำหนักหยงซานถือว่าไกลหลายพันลี้ ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะผ่านแม่น้ำเหอเฟิงมาได้ แต่ไม่ใช่กับเซียวจื่อหยาง เพียงร้อยย่างก้าวเขาก็ข้ามผ่านแม่น้ำเหอเฟิง เห็นหลังคาตำหนักฮั่วเทียนอยู่ไม่ไกล “ฟู่ซินเหริน เจ้ารนหาที่ตาย” ชื่อของสตรีผู้หนึ่ง เอ่ยเสียดสีผ่านริมฝีปากกระจับได้รูปด้วยอารมณ์โทสะ เรียวคิ้วหนาทรงกระบี่คดม้วนเป็นปม ดวงเนตรสีอัมพันเป็นประกายแข็งกร้าว ใบหน้าคมคายของเซียวจื่อหยางปรากฏเค้ารางความอำมหิตให้เห็น พลันนึกถึงวีรกรรมของฟู่ซินเหรินนางนี้ ความร้ายกาจของนางกระฉ่อนทั่วดินแดนสวรรค์ แต่เพราะนางคือธิดาของกู่เหยา เขาถึงไว้หน้าไม่ถือสาเอาความ ทว่าครั้งนี้นางกำลังข้ามเส้น เซี่ยเซียนนางนั้นเกี่ยวข้องกับความเป็นตายชีวิตของเขา นางยังกล้าลงมือ! ในวันนี้ตักเตือนเจ้า ก็อย่าหาว่าข้าอำมหิตเลย! มือเซียวจื่อหยางกำเป็นหมัด ขณะเดียวกัน ‘อวิ้นซี’ ข้ามแม่น้ำเหอเฟิงมาทัน หยุดอยู่เบื้องหลังเซียวจื่อหยาง มองอสนีห้อมร่างกายแข็งแกร่ง ครู่หนึ่งที่แววตาเป็นประกายประหลัด ก่อนนางเอ่ยเรียกเขาแผ่วเบา “ตี้จวิน” บนใบหน้างามแสดงออกถึงความรู้สึกผิด เซียวจื่อหยางหันกลับไปมองเล็กน้อย สีหน้ามิได้คลายโทสะลง พลางเอ่ย “อวิ้นซี เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด หากไม่ได้เจ้าที่กำลังฟื้นฟูต้นผลหลู่เค่ออยู่เขตแดนสำหรับงานชมจัทราอันใกล้นี้ ข้าคงรู้ไม่ทันแผนการชั่วร้ายของนาง” อวิ้นซีก้มใบหน้า ท่าทางหนักใจมิใช่น้อย “กับแม่นางฟู่ถึงไม่ได้สนิทสนม แต่ก็เป็นสหายเซียนฝึกตนร่วมกัน อวิ้นเอ๋อร์หวังว่าตี้จวินจะไม่ลงโทษนางรุนแรงนัก” “บทลงโทษของนางมิใช่เรื่องที่เจ้าต้องออกหน้า” เซียวจื่อหยางกดเสียงต่ำ พลังที่เล็ดลอดออกมาด้วยความโกรธ ก่อตัวเป็นกระแสคลื่นซัดออกไป ทำให้อวิ้นซีหน้าเสีย “ท..ทราบแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงเยือกเย็นทั้งทรงพลังจนอวิ้นซีสั่นกลัว พลางคิดว่านางคงพูดไม่เข้าหูตี้จวินเสียแล้ว ด้านเซียวจื่อหยางละความสนใจจากนาง ก้าวเท้าราวสองก้าวก็มาหยุดอยู่เหนือตำหนักฮั่วเทียน เขาหลับตาลง ก่อนเปิดดวงตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาสีอำพันส่องประกายเข้มข้นขณะกวาดสายตาปราดเดียวก็สามารถจับการเคลื่อนไหวได้ เห็นเป็นร่างสตรีกับอีกหนึ่งข้ารับใช้กำลังมุ่งไปยังทิศทางที่ตั้งเตาหลอมขนาดใหญ่ ด้านในห้องเตาหลอมยังมีคนอยู่จำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นมีคนตบะต่ำที่สุดเพียงหนึ่งคน เซียวจื่อหยางรู้ได้ทันทีว่าหนึ่งในผู้ที่อยู่หน้าเตาหลอมคือสตรีเซี่ยเซียนผู้นั้น หน้าตาหล่อเหลาพลันแข็งกร้าวขึ้นอีกหลายส่วน มือกำเป็นหมัดจนเส้นเลือดขึ้น สตรีร่างเล็กบอบบางเช่นนั้นกลับกล้าทำเรื่องโหดร้าย! เขาคาดเดาความชั่วร้ายของฟู่ซินเหรินผิดไป “สตรีชั่วช้า!” เซียวจื่อหยางกัดฟัน เคลื่อนตัวไปหานางอย่างรวดเร็ว แต่แล้วก็ต้องนิ่วหน้าเพราะดันเห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ขณะมองมาจากไกล ๆ จะเห็นว่า ฟู่ซินเหรินสตรีหยิ่งผยองคนนั้นกำลังถกกระโปรงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เซียวจื่อหยางถึงกับหยุดชะงักกลางคันเพื่อขยี้ตาแล้วมองอีกครั้งพร้อมพึมพำแผ่วเบา “นั่นใช่นางหรือ?” อีกทางด้านหนึ่ง..เสียงฟ้าร้องครืดคราดดังเข้ามาใกล้ทุกขณะ ลมที่สงบนิ่งเริ่มพัดโหมกระหน่ำ แสงอสนีเกิดวาบขึ้นในท้องฟ้าลักษณะเป็นแผ่นขยายกว้างเป็นระยะๆ กรี๊ด แม่เจ้าเว้ยยย TOT! “เจ้าหน่ะ จงวิ่งซะ ข้าขอสั่งให้เจ้าวิ่ง!” ฟู่ซินเหรินเห็นปรากฏการณ์บนฟ้าเร่งออกคำสั่ง “ข..ขอรับ ขอรับ!” นายทหารที่ถูกออกคำสั่งกล่าวรับด้วยความตกใจ เดิมทีแม่นางฟู่รักษากิริยาอย่างมากจึงไม่คิดว่าจะมีคำสั่งเช่นนี้ออกจากปากนาง ทั้งสองออกตัววิ่ง นายทหารตรงหน้าต้องวิ่งเร็วขึ้นอีก เพราะด้านหลังคือฟู่ซินเหรินที่กำลังยกกระโปรงสับตีนแตกอย่างที่ไม่เคยมีใครได้เห็น! ไม่ช้าทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่หน้าประตู มองเข้าไปจะเห็นเตาหลอมอันใหญ่ กับสตรีหน้าตาน่ารักเสมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบกำลังนั่งร้องไห้ได้น่าสงสารยิ่ง แขนเรียวขึ้นสีแดงช้ำทั้งสองข้างถูกขังเอาไว้ด้วยโซ่เหล็ก นั่นต้องเป็นหลิงเอ๋อร์ นางเอกของเรื่องแน่ ๆ ! ฟู่ซินเหรินกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปด้านใน จู่ ๆ ในใจพลันตระหนักถึงเรื่องราวในนิยายได้ว่า ทันทีที่เท้าฟู่ซินเหรินแตะลงบนพื้นหินสีหม่นอันเยียบเย็น กระแสเสียงทรงพลังสายหนึ่งพลันดังขึ้นเรียกชื่อของนาง กลางหมอกหนาถมท้องฟ้ายามค่ำ ปรากฏเงาร่างบุรุษสูงโปร่งสวมชุดสีขาวเช่นเดียวกับเส้นผม โฉมหน้าหล่อเหลาโดดเด่นสะท้อนผ่านแสงอสนีที่ห้อมกายของเขา นัยน์ตาสีอำพันเป็นประกายแข็งกร้าวมองยังคนเบื้องล่าง เซียวจื่อหยางสะบัดมือหนึ่งครั้ง เรียกอสนีสายแรกใส่ตัวฟู่ซินเหรินจนกระอักเลือดกองโต บรื๋ออออ! ฟู่ซินเหรินหนาวสั่นจนต้องนำมือลูบแขนตัวเอง หญิงสาวเบ้หน้ามองพื้นหินสีหม่นนั่นราวกับเป็นของแสลง ก่อนกัดฟันตั้งมั่นภายในใจ เมื่อนิยายถูกแต่งออกมาเช่นนั้นแล้วส่งผลให้นางตาย หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรนางก็จะไม่ทำตาม!! และใช่.. เรื่องเล็กน้อยแค่นี้นางก็จะไม่ปล่อยผ่าน ฟู่ซิ่นเหริ่นจึงไม่มีทางอื่น นอกเสียจาก “ไม่รู้แล้ววุ้ย ข้ายังไม่อยากตาย!” กระโดดข้ามแม่มเลยแล้วกัน!! แล้วฟู่ซินเหรินได้เหินผ่านหินสีหม่นลงพื้นอย่างสง่างาม หากมิใช่ว่ากระโปรงยาวเกินไปคงไม่สะดุด. ตุ้บ!! “ฟู่ซิ่น!! เหริน..?” เสียงตุ้บดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเรียกชื่อของนาง เพียงแต่พยางค์สุดท้ายของชื่อนาง คนพูดกล่าวได้เบายิ่ง.. ทั้งฝ่ามือหนาที่ง้างอยู่กลางอากาศกำลังเรียกอสนีเพื่อลงโทษนางยังต้องหยุดชะงัก สวรรค์.. ใบหน้างดงามของนางเป็นญาติกับพื้นโดยไม่คาดคิด แม้แต่หลิงเอ๋อร์ที่นั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวยังต้องหยุดน้ำตาแล้วหันกลับมามอง ร่างสตรีชุดแดงที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นค่อย ๆ ขยับตัว งัดหน้าที่ฝังลงพื้นขึ้นมาแล้วลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ท่ามกลางความเงียบอันน่าอดสู่ มีฟู่ซินเหรินร้องกรี๊ดอยู่ในใจ ปี๊บอยู่ไหนจะเอามาคลุมหัว กรี๊ดดดดด! บุปผาซ่อนพิษร้ายคนงามของแดนสวรรค์ฟู่ซินเหริน กระโดดลงพื้นในท่ากบ ใครที่ไหนเล่าจะเชื่อ.. อย่าว่าแต่คนภายนอก ตัวของนางเองก็ไม่อยากจะเชื่อ T^T!! ฟู่ซินเหรินลุกขึ้นมาได้อย่างทุลักทุเล ลอบก่นด่ากระโปรงยาวในใจที่บังอาจทำให้นางดูแย่! ในชั่วพริบตานั่นเอง ร่างสูงส่งของบุรุษในชุดสีขาวสะอาดพลันปรากฏขึ้นขวางหน้า ตามมาด้วยน้ำเสียงทุ้มเยือกเย็น “เจ้า..” เซียวจื่อหยางหรี่ตาลงอย่างพิจารณา สตรีตรงหน้าดูเหมือนฟู่ซินเหรินทุกประการ หากไม่นับก้อนแดง ๆ ที่กำลังปูดนูนขึ้นมากับสัมผัสบางอย่างที่บอกกับเขาว่านี่ไม่ใช่นาง ยามตี้จวินลงมาถึงตำหนัก ทหารทั้งหมดคุกเค่าทำความเคารพ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาช่วยเหลือนาง ด้านฟู่ซินเหรินถูกมัจจุราชยืนค้ำศีรษะกดดัน มือเล็กพลันกำชายกระโปรงไว้แน่น ตากลมโตขยายกว้างจนถลน ริมฝีปากเม้มปิดสนิทไม่กล้าหายใจเพราะกลัวอีกฝ่ายได้ยินแล้วนึกรำคาญเรียกอสนีเรียกเพลิงมาย่างสดนาง! ขณะดวงตาสีอัมพันคู่คมกวาดมองหาสิ่งผิดปรกติรอบตัวฟู่ซินเหริน ร่างเล็กตรงหน้าดูเหมือนจะสั่นเล็กน้อย ยามใบหน้าคมคายเริ่มเคลื่อนต่ำลงมาเกือบประสานสายตา ฟู่ซินเหรินกลั้นใจจนหน้าเขียวคล้ำ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้าสบตา ครั้นชายผ้าสีขาวถูกแทนที่ด้วยใบหน้าหล่อเหลา ฟู่ซินเหรินแทบกรี๊ดแตกแต่ต้องฮึบไว้! “!!” สิ่งที่ขยับหนีมีเพียงลูกตา.. เพราะขาก้าวไม่ออก แง หัวใจหญิงสาวเกือบกระดอนออกจากอก ลูกตาดำเข้มเหล่มองไปอีกทางหลบเลี่ยงสบนัยต์ตาสีอำพันโดยสัญชาตญาณ หากลูกตานางสามารถหลุดจากเบ้าตาได้มันคงหลุดไปแล้ว!! เซียวจื่อหยางเห็นคนตัวเตี้ยกว่าตรงหน้าถลึงตามองเหล่ไปอีกทางก็มองตามไป “เจ้ากำลังเล่นลูกไม้อะไร วันนี้ไม่ได้ลงโทษให้เจ้ารู้สำนึก ข้าคงผิดต่อสวรรค์ต่อบิดาเจ้าแล้ว!” “...” ฟู่ซินเหรินอยากตอบแต่คลำหาเสียงตัวเองไม่เจอ กลายเป็นภาพนางอ้าปากพะงาบ ๆ น่าอดสู่แทน TOT! ในใจมีหลากหลายอารมณ์ปนเปจนมั่วไปหมด เสี้ยวหนึ่งคือตื่นเต้นที่ได้เห็นเซียวจื่อหยางตัวเป็น ๆ มิใช่บทพรรณนาในนิยาย แต่ส่วนใหญ่จะเอนเอียงไปทางกลัวตายเสียมากกว่า และถึงนางจะเหล่ตาจนลูกตาหลุดแทบจากเบ้า โครงหน้ามัว ๆ ข้างหางตากลับบอกได้ว่าคนตรงหน้านี้หล่อแบบตะโกนคอแหก คนบ้าอะไรแค่เงาก็หล่อ คนโสดจะบ้า! ครั้นอีกฝ่ายไม่ปริปาก เซียวจื่อหยางจึงปั้นเสียงแข็งขึ้น พลางเคลื่อนตัวไปทิศทางที่ฟู่ซินเหรินมอง “เจ้าทำเป็นเรื่องล้อเล่น? ความสิ้นคิดของเจ้าส่งผลกระทบต่อผู้ใดบ้างรู้หรือไม่!” “ข้า..ข้า คือข้า” นางเสียงสั่น ฟู่ซินเหรินกรี๊ดในใจรอบสอง ลูกตาเหล่หนีไปอีกทาง ทำเอาเซียวจื่อหยางชักสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเก่า กลิ่นอายเข่นฆ่าแผ่ซ่าน ก่อนมือหนาจะบีบแก้มนางอย่างแรงดึงใบหน้างดงามหันกลับมา “!!” “!!” กลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างตกใจแทนเสียอย่างนั้น ฟู่ซินเหรินตกใจเพราะถูกบังคับให้หันกลับมาโดยไม่คาดคิด แต่เซียวจื่อหยางตกใจผงะเล็กน้อยเพราะคนตัวเล็กตรงหน้ายังคงพยายามไม่จ้องมาที่เขา ด้วยการเหล่ตาทั้งสองข้างจ้องไว้ที่ปลายจมูกตัวเอง มากอีกสักนิดลูกตาทั้งสองข้างของนางคงรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน... ..เกิดอะไรขึ้นกับนาง ด้วยโทสะของเซียวจื่อหยาง คนตัวเล็กรีบคลำหาเสียงตัวเองจนเจอ กล่าวลนลานออกมา “ตี้จวิน ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าผิดไปแล้ว ข้าเสียสติไปชั่วขณะ ข้ามันไม่ดีเอง มีแต่ความคิดชั่วร้ายอยากได้ท่านเป็นสามีจนตัวสั่น แต่..แต่ตอนนี้ไม่อยากได้แล้วเจ้าค่ะ ข้าผิดไปแล้ว ยกโทษให้ข้าด้วย ลงโทษข้าก็ได้แต่อย่าลงโทษกันถึงตายเลยนะเจ้าคะ” ถึงประโยค ‘อยากได้ท่านเป็นสามีจนตัวสั่น.. แต่ตอนนี้ไม่อยากได้แล้ว’ จะรบกวนจิตใจเซียวจื่อหยางเพียงใด ก็ไม่อาจลดโทสะเขาลงได้ “ตำแหน่งตี้โฮ่วคงสำคัญมากกว่าชีวิตเจ้า ถึงกล้าท้าทายข้าอย่างไม่กลัวตายเช่นนี้ สั่งสอนเจ้าในวันนี้แม้แต่ตงหลี่เทียนจวินก็ช่วยเจ้าไม่ได้จำเอาไว้!” สิ้นสุดคำ ท้องฟ้าพลันส่งเสียงดังลั่นพร้อมประกายแสงวาบ มือข้างที่ว่างยกขึ้นสะบัดหนึ่งครั้ง ฟู่ซินเหรินเบิกตากว้าง เสียงเปรี้ยงกับแสงกำลังพุ่งตรงลงมาดั่งสะท้อนว่าไม่อาจหลบหนีจุดจบของนางร้ายในนิยายได้ เป็นเหตุให้ฟู่ซินเหรินเบะปากน้ำตาน้ำมูกไหลพราก ความรู้สึกอัดอั้นทั้งหลายตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาในชีวิตใหม่ ทำให้นางตัดสินใจเด็ดขาดว่านางจะไม่ยอมเจ็บคนเดียว เร็วเท่าความคิด นางปัดมือหนาที่บีบหน้านางออกรวดเร็ว จังหวะเดียวกันนั้นเซียวจื่อหยางค่อย ๆ เหลือกตาโต เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวโพตัวเข้ามา แล้วก็หมับ!! กอดรัดเขาเอาไว้ให้แน่นประหนึ่งว่านางเป็นปลิง!! “ช่วยด้วยเจ้าค่ะ จื่อหยางตี้จวินรังแกคน ตี้จวินจะสังหารคนนนนนนน!” นางหลับตาปี๋ ตะโกนร้อง ด้วยเสียงปลอดแตกของฟู่ซินเหรินร่วมกับความสะนั่นหวั่นไหวที่ผิดปรกติบนแดนสวรรค์ เพียงหนึ่งลมหายใจทหารในชุดเกราะสีทองและเซียนกว่าครึ่งสวรรค์ปรากฏกายขึ้นเหนือตำหนักฮั่วเทียน เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น พลันยกมือขึ้นปิดปาก บ้างหันหน้าหนี “ต..ตี้จวิน” “ตายแล้ว ตายแล้ว!” “นางทำเช่นนี้กับตี้จวินได้อย่างไร” “ตี้จวินเสียหายแล้ว” เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่มือของเซียวจื่อหย่างที่ยกขึ้นอยู่กลางอากาศกำลงเป็นหมัด ทำให้อสนีที่กำลังผ่าลงมาจวนถึงตัวฟู่ซินเหรินสลายหายไปกับมวลอากาศทันที ฟู่ซินเหรินซบอยู่บนอกแกร่งลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งเมื่อท้องฟ้าเกิดความสงบ ก่อนลืมขึ้นเต็มตาเมื่อมั่นใจว่านางไม่โดนอสนีสังหารแล้ว มุมปากกำลังจะระบายยิ้มอยู่แล้วเชียวกลับต้องหุบลงโดยพลัน เมื่อพบว่าคนที่นางกอดอยู่จู่ ๆ ก็แผ่กลิ่นอายน่ากลัวจนนางใจโหวง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบกับดวงตาสีอำพันที่เป็นประกายเลือดน่ากลัวอย่างยิ่ง กะ..โกรธกันขนาดนั้นเชียว TOT และแล้วฟู่ซินเหรินก็ได้รู้สาเหตุ เมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าสองมือที่นางกุมเอาไว้อยู่นั้นหาใช่เอวแกร่งอย่างที่นางคิดแต่อย่างใด มันกลับกลายเป็น..บั้นท้ายแน่นขนัดของบุรุษแทน ใบหน้าเซียวจื่อหยางแดงขึ้นจนเขียวคล้ำ ฟู่ซินเหรินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ค่อย ๆ ส่งเสียงหัวเรอะแห้ง แงะมือออกจากเจ้าก้อนสองก้อนนั่นอย่างระมัดระวัง “มะ มะ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะเจ้าคะ” นางกระซิบ “ฟู่ซินเหริน!!!” แต่เขากลับตวาดจนเลือดในหูนางกระฉูด... ฟู่ซินเหรินกระโดดดึงถอยหลังหนึ่งก้าวยิ้มแห้งทั้งที่น้ำตาตกใน ช้ำใจในโชคชะตาขณะหูเกิดเสียงวิ้งดับไปแล้ว ช่างเป็นคราวซวยของนาง จับโดนส่วนไหนไม่โดน ดันไปคว้าเจ้าบั้นท้ายแสนล้ำค่าของเซียวจื่อหยางเสียได้ ใครใช้ให้เขาสูงกว่านางถึงสิบชุ่นกัน นางไม่ผิดนะTT! คล้ายยมทูตตรงหน้าได้ยินความคิดนาง สันกรามขบกันจนเกิดเสียง เค้นคำลอดไรฟันอย่างเกรี้ยวกราด “สตรีน่าตาย! บังอาจ! แผนการเจ้าสกปรกสิ้นดี!” หางตาเซียวจื่อหยางเหลือบไปมองด้านหลังก็พบสักขีพยานความอับอายนี้เกินกว่าร้อยชีวิต ช่วงเวลาหลายหมื่นปี ไม่เคยมีผู้ใดทำให้เขารู้สึกอัปยศเท่านี้มาก่อน! แววตาเซียวจื่อหยางยิ่งเยียบเย็นจนน่าใจหาย รอบกายบุรุษเกิดเป็นมวลอากาศหนัก ๆ กระแทกหน้านางทุกครั้งที่พูดจบประโยคด้วยโทสะสูงเทียมฟ้า ดวงหน้างามหลับตาปี๋ ผมที่ทำมาหลายชั่วยามกระพือว่อนไม่เหลือเค้าทรงเดิม นางลืมตาขึ้นหลังลมสงบ กลับเกือบลมจับเมื่อเซียวจื่อหยางเรียกกระบี่เล่มยาวไว้ในมือ หญิงสาวเบะปากจนหน้ายู่ มองกระบี่ในมือเขาด้วยใจหวาดหวั่น กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกแล้วพยายามหาทางเอาตัวรอดทันที “จะ..จื่อหยางตี้จวิน ได้โปรดระงับโทสะลงก่อน! ข้ามิได้ตั้งใจ ข้ามีความผิดใหญ่หลวง ได้โปรดลงโทษตามสมควร แต่เรื่องสัมผัสก้นท่านข้ามิได้ตั้งใจ ให้ข้าสาบานต่อหน้าบรรพชนเซียนเทพที่ใดก็ย่อมได้ ขอให้ตี้จวินใจกว้าง อย่าถือสาผู้น้อย ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป แล้วจะลงโทษกันอย่างไรผู้น้อยยอมทุกอย่าง” ฟู่ซินเหรินคุกเค่าประสานมือ คนตรงหน้าถึงขั้นเรียกกระบี่สวรรค์ไว้ในมือ ทหารสวรรค์และเซียนตนอื่นกลับไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง ไม่เพียงเท่านั้น ในสายลมที่พัดมาได้พัดประโยคกระซิบกระซาบของคนที่ยืนมองดูความตายของนาง “แม่นางฟู่สมควรโดนแล้ว นิสัยนางร้ายกาจเพียงนั้น หากไม่ใช่เพราะภูมิหลังของนาง เกรงว่าห้าร้อยปีที่ผ่านมาคงรักษาชีวิตไว้ไม่รอด” “ตี้จวินมีโทสะขนาดนี้ ใครจะกล้าเข้าไปขวางเพื่อนาง” “เหล่าเซียนในที่นี้ต่างโดนนางทำร้ายตบะไปมาก ไม่มีใครยินดีช่วยเหลือนางหรอก มีแต่รอหัวเราะเยาะเสียไม่ว่า” ความรู้สึกขมขื่นสายหนึ่งก่อตัวขึ้นในท้องจนนางอยากสำลอก ดวงตาหญิงสาวแดงก่ำจากการร้องไห้ ไม่ต้องคาดหวังถึงบิดา แม้เกิดเรื่องอึกทึกครึกโครมขนาดนี้ นางยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา ขณะที่หางคิ้วเซียวจื่อหยางกระตุกถี่ สัมผัสก้น.. นางกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ อยากเห็นเหลือเกินว่าในหัวของนางมีสิ่งใดอยู่! ไม่รู้ทำไมฟู่ซินเหรินกลับคิดว่าเซียวจื่อหยางดูโกรธมากขึ้นอีกหลายส่วน ก่อนประโยคถัดมาของบุรุษจะทำให้นางตกใจร่างกายสั่นสะท้าน “ใจกว้าง หึ” มุมปากเขากระตุกเหยียดยิ้ม ใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพมารดูอำมหิตยิ่งกว่าความชั่วร้ายทั้งหมดมามัดรวมกันเสียอีก “ข้าเซียวจื่อหยาง ไม่เคยปล่อยผู้ที่บังอาจแทงข้างหลังข้ามีชีวิต” “ไม่นะ!!” ฟู่ซินเหรินร้องเสียงหลง จุดจบของนางกำลังเปลี่ยนจากอสนีสวรรค์เป็นกระบี่สังหารแทน เซียวจื่อหยางเหมือนดั่งนิยายได้กล่าวไว้ไม่มีผิด คนผู้นี้ใจคอโหดร้าย ไร้ความปราณี สามารถสังหารคนตาไม่กระพริบ นางเกลียดเขาที่สุด พระเอกอะไรตัวร้ายชัด ๆ เลย เสียดายที่เคยยกเป็นเมน รู้เช่นนี้ปักธงพระรองไว้แบบเดิมก็ดี ชิส์T^T! ช่วงเวลาความเป็นความตาย ฟู่ซินเหรินหลับตาแน่นเพราะตบะไม่มากจึงไม่มีทางหนีคมดาบสังหารของตี้จวินได้ทัน เพื่อรักษาชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองจึงยอมรับผิดทุกอย่าง คาดไม่ถึงมันกลับตาลปัตรแล้วลงเอยด้วยความตายดังเดิมเช่นนี้ ตัวนางคงไร้วาสนาจะมีชีวิตแล้ว.. ขณะตัดพ้อกับชีวิต ฉับพลัน เงาสูงร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายฟู่ซินเหรินในช่วงพริบตา เล่มกระบี่สีนิลปะทะกระบี่สวรรค์ของเซียวจื่อหยาง พลังทั้งสองสายหักล้างกัน เกิดเป็นคลื่นสะท้อนออกไปวงกว้าง “!!” กะ..เกิดอะไรขึ้น ฟู่ซินเหรินที่ยังมีชีวิตค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นมอง พลันมือจิกลงบนขาตัวเองแน่น ครั้นเห็นกระบี่พาดอยู่บนลำคอแล้ว! แต่มันกลับถูกหยุดไว้ด้วยกระบี่สีเงินอีกเล่มหนึ่งจากด้านหลังของนาง เมื่อหันไปมอง ก็พบกับใบหน้าหล่อเหลาดูใจดีของบุรุษร่างสูงโปร่งที่รับกระบี่เซียวจื่อหยางเอาไว้ คนผู้นี้สวมชุดสีเงินสง่างาม ผมสีดำขลับถูกรวบมัดไว้ราวครึ่งศีรษะ ปล่อยให้ผมที่เหลือสยายลงกลางหลัง เครื่องเงินประดับบนศีรษะและป้ายสัญลักษณ์ตัวอักษรจีนอ่านว่ากฏห้อยบนกระบี่สีเงินทำให้ผู้คนจดจำเขาได้ทันที “..นั่น ตงอู่ฉางไท่จื่อ” “ใช่เขาจริง ๆ ด้วย เขามาทำอะไรที่นี่!” ฟู่ซินเหรินตาโต ตงอู่ฉาง.. พระรองต้าวไมโครเวฟของนางหน่ะหรือ!! นางรอดแล้วล่ะ >^< ฟู่ซินเหรินไม่ปล่อยให้ทางรอดนางหลุดมือ นางรู้จักนิสัยใจคอพระรองผู้นี้ดีพอ ๆ กับพระเอกใจโฉดคนนั้น! ร่างเล็กผุดดีดตัวเองลุกขึ้นวิ่งส่ายหางหนีไปหลบด้านหลังตงอู่ฉางโดยพลัน คนผู้นี้ส่วนสูงพอ ๆ กับเซียวจื่อหยาง ทำให้บังร่างกายเล็กของนางจนมิดโดยไม่ยาก “..อู่ฉางไท่จื่อ หม่อมฉันเป็นคนผิดและยอมรับผิดแล้ว วันนี้สำนึกได้ต้องการปล่อยตัวแม่นางหลิงเอ๋อร์ไป แม้การกลับใจไม่อาจลดหย่อนความผิดได้ แต่ซินเหรินไม่คิดหนี ยินดีรอรับโทษตามกฏสวรรค์ แต่จื่อหยางตี้จวินกลับ ฮึก.. อยากสังหารหม่อมฉันให้ตาย หม่อมฉัน หม่อมฉันต้องการร้องเรียนตงหลี่เทียนจวิน ฮือ!” มือเล็กทั้งสองข้างกำแน่นบนแขนเสื้อบุรุษดั่งยกให้เขาเป็นเกราะป้องกันนาง ขณะโผล่หน้าออกมาพูดกล้า ๆ กลัว ๆ เพื่อดูว่าพระเอกบ้านั่นจะพุ่งตัวมาชิงฆ่านางก่อนฟ้องเสร็จหรือไม่ TT!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม