บทที่ 6
ลงแรงให้เจ้า
เซียวจื่อหยางไม่ได้บอกความลับอีกอย่างหนึ่งให้ฟู่ซินเหรินรู้ หากนางรู้เข้าตัวเขาต้องกลายเป็นรองแน่ ก็เพราะพิษนี้แก้ได้เฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าของเท่านั้น หากฟู่ซินเหรินสิ้นใจเท่ากับว่าพิษจะฝังอยู่ในร่างกายเขาตลอดกาล สิ่งที่พูดกับนางไปก็แค่คำขู่เท่านั้น
ยุ่งยาก..
ทันทีที่นึกถึงดวงหน้างามของหญิงสาวแววตาเซียวจื่อหยางพลันนิ่งจนน่ากลัว
เทพอวุโสพูดคุยกันอยู่เมื่อสักครู่ เห็นว่าตี้จวินเดินเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นประสานมือทำความเคารพ หากแต่บรรยากาศรอบกายตี้จวินให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกมากกว่าทุกทีจึงลนลานหลีกทางให้ มองเป็นลางไม่ดีว่าวันนี้คงมีคนได้ตายแน่ และคนนั้นคงไม่พ้นธิดาฟู่กู่เหยา ฟู่ซินเหรินสตรีร้ายกาจนางนั้น
“หน้าตาไม่สบอารมณ์เช่นนั้น เจ้าถูกนางรังแกมาหรือ” ตงหลี่เทียนจวินเอ่ยขึ้น หลังเซียวจื่อหยางหย่อยกายลงยังที่เยื้องลงไปไม่ทันไรก็หยิบจอกสุราขึ้นดื่มทันที
“....” เซียวจื่อหยางมองกลับมาโดยไม่ต้องพูด ตงหลี่เทียนจวินก็ได้ยินว่า อยากตายสินะ?
“หึ ๆ ทุกทีไม่เห็นเจ้ามีสีหน้าเคร่งเครียด มิใช่ว่าเจ้ารับมือกับนางได้ดีหรอกหรือ”
ตงหลี่เทียนจวินหัวเราะเยาะ พอเห็นเซียวจื่อหยางเปรยหางตาเย็นชาขึ้นมามอง ยกมือขึ้นลูบคางตัวเองอย่างชอบใจ ทั้งคู่เป็นสหายกันมานานจึงพูดคุยกันได้อย่างสนิทสนม แม้ว่าเซียวจื่อหยางจะเป็นคนชอบใช้กำลังมากกว่าคำพูดก็ตาม
“อย่ามองข้าแบบนั้น นาน ๆ ทีจะมีเรื่องสนุกน่าสนใจให้ข้าไม่รู้สึกเบื่อหน่าย”
“ไม่มีเรื่องสนุกอะไร หากเทียนจวินเช่นเจ้าเบื่อชีวิตแล้วก็กระโดดลงแท่นประหารเซียนไปเสียเลยสิ”
ได้ยินคำถากถางแบบนั้นตงหลี่เทียนจวินกลับยิ่งชอบใจ “ฮ่า ๆ ได้ยินว่าเจ้าพาตัวนางมาด้วยตัวเอง”
“อืม”
ตงเหลี่เทียนจวินหรี่สายตาลง ไม่เข้าใจความคิดของสหายสักไหร่นักมิใช่ว่าห้าร้อยปีที่ผ่านมาเขาพยายามหลบเลี่ยงแม่นางฟู่มาตลอดหรือ?
“สงสัยอะไร ก็แค่มาส่ง”
“คำว่าแค่ของเจ้า กลายเป็นข่าวลือหนาหูทั่วแดนสวรรค์เชียว ไม่เกรงว่าแม่นางน้อยจากตำหนักเซียนจะเข้าใจผิดเอาหรือ”
“ก็แค่ข่าวลือ อีกอย่างเรื่องคู่ครอง ข้าว่าไม่จำเป็น เมื่อเจ้าเป็นคนเริ่มก็หาทางแก้ไขมันซะ มันรบกวนข้า ว่าแต่..” จอกสุราในมือใหญ่หยุดลง ก่อนเอ่ยปากถาม
“บทลงโทษของนางเป็นอย่างไร”
คิ้วตงหลี่เทียนจวินกระตุกเลิกขึ้นเล็กน้อย มองดูอีกฝ่ายที่ถามคำถามน่าเหลือเชื่อ
“คำตอบเจ้าล่ะ” เซียวจื่อหยางถามย้ำ
ตงหลี่เทียนจวินพยายามค้นหาคำตอบผ่านท่าทีของเซียวจื่อหยาง กลับพบแต่ความเย็นชานิ่งเฉยจับความรู้สึกไม่ได้ สุดท้ายก็เลิกสงสัยแล้วตอบคำถาม เพราะสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายคิ้วเริ่มขมวด จะหงุดหงิดอีกครั้ง
“โบยด้วยแส้เพลิงหนึ่งร้อยครั้ง”
เซียวจื่อหยางมองตามพระพักตร์ตงหลี่เทียนจวินที่ผยักเผยิดไปอีกทางหนึ่ง ก็เห็นแส้สีดำสนิทลุกโชนด้วยเปลวเพลิงถูกใส่ไว้ในกล่องไม้ขนาดใหญ่และองครักษ์สองคนผู้มีหน้าที่ลงมือยืนเฝ้าเอาไว้อยู่
“นั่นเจ้าจะไปไหน?!” ตงหลี่เทียนจวินร้องตามหลังเซียวจื่อหยางที่ในชั่วพริบตาก็ไปอยู่ตรงจุดวางแส้เพลิงแล้ว
“คารวะตี้จวิน”
“คารวะตี้จวิน”
พวกเขาทั้งคู่ประสานมือก้มศีรษะทำความเคารพ และต้องเหงื่อซกมองหน้ากันเลิ่กลักเมื่อเซียวจื่อหยางหยิบอาวุธในกล่องไม้ออกมา ซึ่งเป็นของที่ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถแตะต้องได้ แต่เซียวจื่อหยางกลับไม่สนใจเอาแส้เพลิงออกมาถือเล่นเสียอย่างนั้น! ทั้งคู่เหลือบมองตงหลี่เทียนจวินด้านหลังหวังให้ออกปากช่วยพูดให้ กลับเห็นว่าตงหลี่เทียนจวินปัดมือไปมาราวกับจะสื่อว่า
ปล่อยให้ทำตามใจไปเถอะ!
พวกเขาได้แต่หันหน้ากลับมาด้วยความเหม่อลอย กระทั่งเสียงผู้เป็นตี้จวินเอ่ยขึ้น
“ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นอาวุธที่ดี”
พูดจบร่างสูงก็วางแส้ในมือลงแล้วหายกลับไปนั่งลงที่ตัวเองพลางยกสุราขึ้นดื่มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งคู่ทำได้เพียงขมวดคิ้วหันมามองหน้ากันอีกครั้งด้วยสายตาประมานว่า
ตี้จวินจะไม่เคยเห็นได้อย่างไร ครั้งก่อนก็เป็นเขามิใช่หรือที่คว้ามันไปฟาดนักโทษคนหนึ่งจนสิ้นใจตาย?!
ไม่นานบานประตูสูงถูกเปิดออกโดยตงอู่ฉาง ข้างกายคือหญิงสาวที่เป็นตัวเอกในงานวันนี้ ทุกคู่สายตามองทั้งคู่เดินเข้ามากระทั่งหยุดยังตรงกลางห้องโถงต่อหน้าพระพักตร์เทียนจวิน
“กระหม่อมนำแม่นางฟู่มาแล้วพ่ะย่ะค่ะเทียนจวิน” ตงอู่ฉางประสานมือทำความเคารพ ฟู่ซินเหรินก็ทำตาม
“อืม”
บรรยากาศด้านในมีแรงกดดันมหาศาลแตกต่างจากภายนอกที่ดูสงบเรียบง่าย ฟู่ซินเหรินเม้มปาก ก้มมองปลายเท้าตัวเองไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาใครทั้งสิ้น อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีอะไรดึงใบหน้าของนางให้เงยขึ้นมา
ทำให้เห็นแววตากดดันนับร้อยคู่จากด้านบน โดยเฉพาะจากตงหลี่เทียนจวิน ผู้ปกครองแดนสวรรค์ชั้นฟ้า และชายหน้าตาท่าทางใจดีคนหนึ่งอยู่ข้างกาย
กรี๊ดดดดดดด! ฟู่ซินเหรินกรีดร้องในใจ ท่าทางฟู่ซินเหรินคนเก่าต้องทำวีกรรมเลวร้ายเอาไว้มากกว่าที่นางคิด ทุกคนถึงพร้อมใจกันมาดูนางตกต่ำให้เห็นกับตา กระทั่งที่นั่งแทบไม่พอ เผลอ ๆ ต้องยืนบีดกันด้วยซ้ำ!
หญิงสาวพยายามก้มหน้าหนีสายตาทิ่มแทงเหล่านั้น แต่ก้มอย่างไรก็ก้มไม่ได้! เหมือนกับว่ามีใครจงใจกลั่นแกล้งให้นางต้องทนรับสายตากดดัน กระทั่งไล่สายตาบรรจบลงที่นัยน์ตาสีอำพันคู่สวย บุรุษดวงหน้าหล่อเหลามากกว่าใคร ทว่าใบหน้าเซียวจื่อหยางกลับแสนเย็นชาขับไล่ผู้คน หากไม่ติดว่าผู้ที่กล่าวมานั้น กำลังยักคิ้วให้นางข้างหนึ่งพร้อม ๆ กับแววตาขบขันพอใจ
ชั่วที่สุด!
การกระทำของทั้งสองล้วยตกอยู่ในสายตาตงหลี่เทียนจวิน เขาหรี่ตามองคนทั้งคู่ แปลกใจที่สุดคงเป็นเซียวจื่อหยาง เพราะเพิ่งเคยเห็นเขามีท่าทางสนใจในบางอย่างนอกเหนือจากอาวุธและการออรบทำศึกเป็นครั้งแรก
ตงหลี่เทียนจวินกระแอมไอ แล้วจึงหันมาพูดกับสตรีเบื้องหน้า “ฟู่ซินเหริน เจ้าต้องการให้แม่นางหลิงเอ๋อร์เข้าเตาหลอมเพราะหวังแก่ชีวิตนาง เป็นเรื่องจริงหรือไม่”
“..เรื่องจริงเพคะ”
อยู่ต่อหน้าพระพักตร์เทียนจวิน นางจะกล้าโกหกอะไรอีก! ถึงนางพูดความจริงว่าไม่ได้ทำ ทุกคนก็คิดไปแล้วว่านางเป็นผู้ทำผิด เพราะอย่างไรนางก็เป็นนางร้ายและเป็นสิ่งที่ร่างเก่าทำไว้ในอดีต นางที่มาอาศัยในร่างใหม่ต้องสะสางมันให้หมดถึงจะอยู่รอดจนจบนิยายได้ ฮึ่ม!
“..องครักษ์และสาวใช้ของเจ้ายืนกรานว่าเจ้าเปลี่ยนคำสั่งภายหลัง สาเหตุเป็นเพราะเจ้าสำนึกผิด หรือเพราะกลัวความผิดกันแน่ล่ะ”
“ข้าสำนึกผิดและกลัวความผิด..เจ้าค่ะ”
หากมองออกไปคงเห็นสายตาดูแคลนส่งมาที่นาง ทว่าฟู่ซินเหรินไม่ใส่ใจสายตาเหล่านั้น ดวงตากลมโตแน่วแน่ไม่สั่นคลอน เอ่ยออกมาชัดทุกถ้อยคำ “ความผิดที่กระทำต่อผู้อื่นของหม่อมฉัน ไม่ว่าเรื่องอะไร ให้เทียนจวินตัดสินในวันนี้ ไม่ติดค้างใครในวันหน้าอีก”
“อืม ประกาศออกไป! วันนี้ฟู่ซินเหริน ธิดาสกุลฟู่เผ่าเฟิงหวง โทษฐานก่อความวุ่นวาย ทำร้ายผู้อื่นและคาดหวังเอาชีวิต แม้ด้วยกลับใจภายหลังหรือไม่ก็ดี วันนี้มีคำสั่งให้โบยนางด้วยแส้เพลิงจำนวนร้อยครั้ง! หากวาสนาเจ้ายังมีขอให้เจ้ารอดพ้นจากมันก็แล้วกัน”
แส้เพลิงถือเป็นการลงโทษขั้นเกือบร้ายแรงที่สุด เป็นโทษรองลงมาจากแท่นประหารเซียนเพียงสองขั้น ความน่ากลัวของแส้นี้คือ มันไม่ได้ทำร้ายร่างกายภายนอกแต่ทำร้ายจิตวิญญาณโดยตรง ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้ใดทนรับแส้เพลิงนี้ได้เกินหกสิบครั้งก็สิ้นใจไปเสียก่อน
ตงอู่ฉางลอบมองฟู่ซินเหรินด้วยความเป็นห่วง มือใหญ่หมายเอื้อมออกไปตั้งใจแตะบนบ่าเล็กเพื่อปลอบนาง แต่แล้วก็หยุดชะงักก่อนชักมือกลับมา แล้วเลือกเอ่ยคำสั้น ๆ แทน
“ขอให้เจ้าปลอดภัย”
ฟู่ซินเหรินอมยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับกระทั่งร่างสูงเดินหายไปอีกทาง ท่ามกลางแววตาเยาะเย้ยน่ารังเกียจ ภายในนั้นมีแววตาคู่หนึ่งที่เย็นชา หากแต่สังเกตให้ดีจะเห็นว่ามันแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงเจือจาง มือใหญ่กร้านสั่นไหวกำเป็นหมัดเสี้ยวสั้น ๆ ก่อนคลายมือออก
“ท่านฟู่กู่เหยา คุณหนูจะรอดไหมเจ้าคะ”
ฟู่ซินเหรินใบหน้าเริ่มซีดเซียวทำให้ลิ่วอันอยู่ข้างกายฟู่กู่เหยาร้อนใจ และคล้ายจะสิ้นหวังเมื่อผู้เป็นบิดาของคุณหนูของนางเพียงหลับตาและส่ายหน้าเท่านั้น
การลงโทษกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ข้อมือของฟู่ซินเหรินถูกมัดติดกับเสาค้ำสูงเหนือศีรษะคนละข้าง เผื่อนางหมดสติยังคงมีเสาค้ำน้ำหนักร่างนางเอาไว้อยู่ องครักษ์สองคนเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องไม้ ด้านในบรรจุแส้เพลิงที่ถูกฉโลมด้วยเปลวไฟไม่มีวันมอดดับ
ฟู่ซินเหรินกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก ขาสั่นพับ ๆ ทิ้งตัวห้อยโต่งเต่งกับเสาค้ำไปนานแล้ว และยิ่งอยากจะร้องไห้ ขณะมองเจ้าแส้นั่นถูกหยิบออกมา มันเป็นแส้ที่มีหนามแหลมคมยื่นยาว น่ากลัวว่ามันทิ่มบนผิวอาจเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ได้เลย
พวกเขาหยิบแส้ออกมาได้ก็ฟาดลงกับพื้นสองสามครั้งราวกับขู่ขวัญนาง ซึ่งมันก็ได้ผล ฟู่ซินเหรินจากคล้ายจะเป็นลมก็กระโดดโหยง ๆ ขาเดียวสลับไปมาหลบประกายไฟ น่ากลัวเว้ยยย!!
“หลังเป็นรูแน่ หลังเป็นรูแน่ ๆ กรี๊ด”
พวกเขาทั้งสองเห็นท่าทีหวาดกลัวของนางยิ่งเกิดความชอบใจ ย่ำเท้าเข้าไปไกลสตรีงาม “ผิวสวย ๆ ของแม่นางไม่เป็นอะไรหรอก จะเจ็บปวดจากด้านในมากกว่า แต่หากแม่นางฟู่อ้อนขอร้องพวกข้าสักครั้ง พวกข้าทั้งสองจะพิจารณา ยอมเบาแรงให้สักหน่อยแล้วกัน แดนสวรรค์จะได้ไม่ขาดสตรีงามให้เชยชม”
พวกมันพูดพลางหัวเราะชอบใจสายตามองเรือนร่างอ้อนแอ้นของนางอย่างโจ่งแจ้ง และที่ไม่เกรงกลัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังฟู่ซินเหริน กล้ากล่าววาจาล่วงเกินเป็นเพราะรู้ว่านางไม่ต่างอะไรจากสตรีที่ถูกตัดขาดจากตระกูล เป็นที่ชิงชังทั่วแดนสวรรค์ แล้วจะมีผู้ใดกล้าตำหนิพวกเขา รังแต่จะยุยงส่งเสริมให้ทำ หึ!
ฟู่ซินเหรินมองหน้าชายทั้งสองส่งแววตาทะโลม ก็ย่นคิ้วด้วยความไม่ชอบใจก่อนจะเบะปากกรอกตามองบน โพล่งออกมาทันที
“ถ้าไม่หล่อไม่อนุญาตให้ชมนะย้ะ รังเกียจ!” หญิงสาวเบ้หน้ารังเกียจ หล่อให้ได้เท่าตงอู่ฉางกับเซียวจื่อหยางก่อนนางถึงจะยอมให้แทะโลม อันนี้ไม่ผ่าน!
ทั้งสองได้ยินเข้าก็เดือดดาลเลือดขึ้นหน้า “นี่เจ้า!”
หนึ่งในพวกมันตรงเข้ามาหานางแต่ถูกอีกคนห้ามเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้อยู่ต่อหน้าคนมากมาย ที่สำคัญอยู่ต่อหน้าตี้จวินและเทียนจวิน จะทำอะไรเป็นที่สะดุดตามากกว่านี้ไม่ได้ ถึงฟู่ซินเหรินจะตกต่ำเพียงใดแต่ยังมีศักดิ์เป็นธิดาเผ่าเฟิงหวงอยู่
“เหอะ สตรีอย่างเจ้าตกอยู่ในสภาพขายหน้าเช่นนี้แล้วยังคิดว่าอยู่เหนือกว่าพวกข้าอีกงั้นหรือ ดี! อย่าหาว่าพวกข้าสองคนรังแกสตรีก็แล้วกัน!”
“!!”
พวกมันถูกตอกหน้ายิ่งโกรธแค้นฟู่ซินเหริน ในเมื่อนางไม่ยอมอ่อนข้อมัวแต่ถือตัวเย่อหยิ่งพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องดีกับนางเหมือนกัน ! ผู้ที่ถือแส้ลงมือง้างสุดแขนแล้วฟาดลงกลางแผ่นหลังเล็กทันที!
ใครเห็นเข้าก็พอรับรู้ได้ว่าฟู่ซินเหรินคงมีศัตรูไปทั่ว โชคร้ายที่สุดคือเป็นศัตรูกับผู้สำเร็จโทษนางในครั้งนี้ เพราะองครักษ์คนนั้นลงมืออย่างไม่ออมแรงตั้งแต่เริ่ม
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ!
เสียงแส้หวืดตัดผ่านอากาศรับรู้ได้ถึงความแรงของมัน มันจงใจฟาดติดกันหลายครั้งไม่คิดปรานี ด้านฟู่ซินเหรินหลับตาแน่นน้ำตาปริ่มขอบตาเตรียมรับความเจ็บ กระทั่งเกิดเสียงกระแทกกับแผ่นหลังเล็กครบสามครั้ง ทุกคนเห็นเป็นตาเดียวกันว่ามันรุนแรงมากจนเท้าของนางลอยเหนือพื้นขึ้นมาทุกรอบ!
แล้วก็ตามมาด้วยเสียงเพี๊ยะอีกสามสี่ครั้งและจบลงด้วยเสียงหอบอย่างแรงดังแฮก ๆ
“แฮ่กก แฮ่กก!!” เขามั่นใจว่าฟาดสุดแรง...
“!!”
“...?”
ฟู่ซินเหรินเตรียมใจรอความเจ็บเริ่มขมวดคิ้ว โพล่งลืมตาขึ้นมามองชายที่ถือแส้ด้วยความสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายก็มองนางกลับมาด้วยความสงสัยเหมือนกัน!!
เกิดเป็นความเงียบสักพักหนึ่ง “...ตีแล้วเหรอ” นางถาม มันก็ผยักหน้าทั้งปากกับตาที่อ้าเหวอ
ฟาดแล้ว? แต่..แต่ทำไมนางไม่เจ็บเลยล่ะ?!
แส้ฟาดลงไปถึงเจ็ดครั้งอย่างรุนแรง เป็นธรรมดาที่จะได้ยินเสียงร้องอวดครวญอย่างทุกข์ทรมานแสนสาหัส แต่แม่นางฟู่ร่างกายบอบบางดั่งกิ่งหลิวโดนเข้าไปขนาดนั้นกลับไม่มีเสียงร้องออกมาสักนิด?! นางถึกทนขนาดนั้นได้ยังไง?!
แล้วความจริงก็ปรากฏเมื่อในหูของนางได้ยินเสียงทุ้มแสนคุ้นเคย ทว่ามันแฝงไว้ด้วยน้ำเสียงขบขันเจือจางน่าหมั่นไส้ โดยไม่ต้องคิดนางก็มั่นใจไปแล้วว่าเซียวจื่อหยางต้องกระตุกยิ้มสะใจอยู่เป็นแน่!
‘ข้าลงแรงให้เจ้าแล้ว จะตอบแทนข้ายังไง’
“!!”
‘หึ ข้าใจกว้าง จะรอรับสิ่งตอบแทนทีหลัง ตอนนี้เจ้าแสดงละครให้ดี หากเทียนจวินจับเจ้าได้ คราวนี้ไม่ใช่แส้ แต่เป็นแท่นประหารเซียนแน่นอน’
กรี๊ดดดดด เป็นแบบนั้นฟู่ซินเหรินก็คงทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้าปอด “อะ อะ..อ้ากกกกกก เจ็บมากเว้ยยยย โคตรเจ็บบบเลยยย!!”
ตะโกนให้คอแหกไปเลย มีเท่าไหร่ใส่ให้สุดแล้วหยุดที่คอแหก! นางจะโดนจับโปะไม่ได้เด็ดขาด!
เสียงเล็กแหลมแสบแก้วหูสะท้อนใส่หูคนฟังจนขี้หูสะเทือน บ้างต้องใช้นิ้วอุดหู บ้างถึงกับชะงักภาพเบลอไปหลายนาที ฝูงปลาและนกด้านนอกแตกฮือกับเสียงดั่งปรอดแตกของนาง ทุกคนเชื่อแล้วว่านางเจ็บจริง ๆ .. และเจ็บมากด้วย..
ซึ่งตอนนี้ฟู่ซินเหรินไม่รู้แล้วว่าควรขอบคุณหรือด่าพระเอกมันดี ฮือ!
หลายชีวิตในห้องโถงใหญ่เฝ้าดูแส้กระทบแผ่นหลังบางอย่างต่อเนื่อง ทว่าไม่มีเสียงพูดคุยกันเหมือนตอนแรก เพราะส่วนใหญ่กำลังปิดปาก หลายคนนิ่วหน้า ทั้งที่ตอนแรกยังแอบยิ้มสะใจอยู่ที่เห็นนางโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
ก็ดูนางร้องเข้าสิ... ยิ่งกว่าหมูถูกเชือดเสียอีก
เพี๊ยะ! กระโดดฟาดครั้งที่แปดสิบ
“โอ้ยยยยย”
เพี๊ยะ!
“อู้ยยยยย”
เพี๊ยะ! กระโดดม้วนตัวฟาดครั้งที่เก้าสิบ
“โอ้ววววว”
“อ้ากกกก”
“ซี๊ดดดดด”
เสียงแส้ฟาดครั้งที่เก้าสิบห้าพร้อมเสียงประกาศตะกุกตะกักขององครักษ์ที่เป็นผู้ลงมือ “กะ..เก้าสิบห้า”
“เฮือกกกกกก”
พวกเขาต่างลุ้นจนตัวโก่งว่านางจะหมดเรี่ยวแรงหรืออย่างน้อยนางจะเสียงแหบไปตอนไหนตั้งแต่การลงแส้ครั้งที่ห้าสิบ กระทั่งหกสิบก็แล้ว เจ็ดสิบก็แล้ว ตอนนี้จะครบหนึ่งร้อยแล้ว! นางยังมีแรงลุกขึ้นมาร้องเสียงดังไม่มีแผ่ว!?
กระทั่งคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดปนไม่พอใจ “เผ้ย! นั่นเจ้ามีแรงตีจริงรึเปล่า ไฉนฟู่ซินเหรินนางยังประคองสติได้อยู่อีก!”
ฟู่ซินเหรินไม่รู้ว่าแส้เพลิงนี้น่ากลัวขนาดไหนเพราะไม่มีข้อมูลปรากฏในนิยาย ได้ยินแบบนั้นเข้าก็เลิ่กลัก ด้วยความไม่รู้เลยถามไอคนที่มันตีนางอยู่นั่นแหละ
“ปะ..ปกติต้องสลบไปแล้วเหรอ” เหมือนภาพย้อนกลับไปช่วงลงแส้เจ็ดครั้งแรก แตกต่างตรงที่มันเหงื่อแตกพลั่กเพราะเหนื่อยพยักหน้าให้ฟู่ซินเหรินหน้าตาเหลอหลา
ม่านตาหญิงสาวขยายกว้าง หันหน้ากลับมาทิศทางตรงได้ก็แสร้งคอหักพับทันทีทันใด! “อะ อ้อ อะ..โอ้ย อดทนไม่ไหวแล้วเจ้าตีข้าหนักจริง ๆ เลย คร้อก!”
มันยืนเหม่อกะพริบตามองสตรีที่คอหักซบแขน ก่อนก้มมองมือตัวเองอย่างฉงนใจ เขาลงแรงตีนางจนกระโดดฟาดไปแล้ว นั่นนางเพิ่งจะทนไม่ไหวสลบไปเหรอ?! เป็นไปได้หรือไม่ที่เป็นเขาเองที่ไร้ฝีมือ?! แต่เมื่อทำให้ฟู่ซินเหรินทนเจ็บไม่ไหวได้ก็ค่อย ๆ หัวเราะออกมา ตะโกนรายงานเบื้องบน
“...นะ นาง หมดสติไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!!”
“ทำต่อไปให้ครบที่กำหนด”
ตงหลี่เทียนจวินเท้าคางตรัสออกไป สายตามองแผ่นหลังฟู่ซินเหรินด้วยแววตาชื่นชมปนเหลือเชื่อ แต่เดิมเผ่าเฟิงหวงของพวกเขาคุ้นชินกับไฟเป็นอย่างดี ที่ฟู่ซินเหรินอดทนมาได้นานอาจเพราะด้วยเหตุนี้
“จื่อหยาง เจ้าไม่คิดอยากรับนางเป็นศิษย์บ้างหรือ นางเองก็พร่ำฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ได้เป็นศิษย์ของเจ้า” ตงหลี่เทียนจวินเหลือบมองสหายที่สายตาก็มองแผ่นหลังเล็กอยู่เช่นเดียวกัน
“ไม่” ทว่าคำถามไม่มีต้นชนปลายถูกตอบกลับมารวดเร็ว ราวกับเป็นคำตอบที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดอย่างไรอย่างนั้น นั่นทำให้ตงหลี่เทียนจวินถอนหายใจ
“น่าเสียดาย หากนางถูกขัดเกลาดี ๆ เจ้าอาจได้ศิษย์มีพรสวรรค์คนหนึ่ง”
“เหมือนเทียนจวินจะลืมไปแล้ว ว่านางมักมาพร้อมกับความวุ่นวายชวนปวดหัวเพียงใด”
“หึหึ หากไม่ใช่ว่านางจำเป็นต้องถูกคัดออก จะมีสตรีใดที่กล้าท้าทายอารมณ์ของเจ้า และอดทนได้นานขนาดนั้น เห้อ หากนางไม่ได้มีนิสัยเลวร้าย ตำแหน่งตี้โฮ่วก็ดูจะเหมาะสมกับนาง”
“...”
เซียวจื่อหยางเงียบไปสายตาเหม่อมองผิวน้ำกะเพื่อมเล็ก ๆ ในจอกสุรา เขาอยู่มานานเสียจนมองเวลาห้าร้อยปีเหมือนหนึ่งคืนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป หากแต่มันอาจจะนานสำหรับคนคนหนึ่ง แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีจากนางเลยสักนิด เช่นนั้นเขาจึงไม่นำมาใส่ใจเช่นเดียวกับสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่มีค่าให้จดจำ
..จริงหรือ? ..นัยน์ตาสีอำพันสั่นไหวเสี้ยวสั้น ๆ กับความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป
“..เหมาะสมอย่างไร” เซียวจื่อหยางพึมพำเงียบ ๆ แต่ตงหลี่เทียนจวินก็ได้ยิน
เสียงแส้ฟาดลงอีกครั้งกับประกาศว่าครบครั้งที่ร้อย องครักษ์คนนั้นหอบหายใจหนักหน่วง ถอยหลังออกมาคุกเข่ากล่าวรายงานต่อเทียนจวิน แท่นลงโทษกับเสาค้ำร่างฟู่ซินเหรินหายไปแทบจะทันทีที่การลงโทษสิ้นสุด ส่งผลให้ร่างบางล่วงลงสู่พื้น องครักษ์ทั้งสองแน่นอนไม่มีทางยื่นมือเข้าช่วยนาง ทั้งจงใจปล่อยให้นางตกลงด้วยซ้ำไป
“!!”
ฟู่ซินเหรินรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังล่วงลงสู่พื้น! หญิงสาวหลับตาปี๋ ตอนนี้นางกำลังแสร้งสลบหากลืมตาขึ้นมาเพราะกลัวหน้ากระแทก ทุกคนต้องรู้ได้แน่ ๆ ว่าแส้เพลิงนี้ผิดปกติ และนางคงโดนโยนลงแท่นประหารเซียนแทนแน่นอน!
เป็นแบบนั้นคนตัวเล็กจึงแอบย่นคอเล็กน้อย เก็บหน้าเก็บปากจนหน้ายู้ยี้บิดเบี้ยว พลางเอียงคอนิด ๆ เพื่อไม่ให้ดั้งโด่งของตัวเองต้องตกกระแทกพื้นหักเสียโฉม!
หัวแตกได้แต่หน้าต้องไม่เป็นอะไร!
หวืด!
จู่ ๆ ได้เกิดลมไม่รู้ทิศทาง อึดใจเดียวร่างสามร่างปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ ทั้งสามคนเป็นคนที่พวกเขาไม่คาดคิดทั้งสิ้น!!
ร่างสูงในชุดสีขาวสูงศักดิ์ของผู้เป็นตี้จวิน ใบหน้าหล่อเหลามีเค้าลางอำมหิตให้เห็นเสี้ยวสั้น ๆ ขายาวของเซียวจื่อหยางกระทืบลงพื้นเกิดเป็นพลังสะท้อนรุนแรงกระแทกร่างองครักษ์ทั้งสองไปชิดผนังอีกฝั่ง แต่อีกสองคนที่มาใหม่มีตบะมากกว่าจึงอดทนไว้ได้ แม้จำเป็นต้องใช้ขาหยัดพื้นไว้จนพื้นเกิดรอย
“อึก!!”
“อั้ก!!”
พวกเขากระอักเลือดออกมากองโต ร่างถไลลงจากกำแพงนอนแน่นิ่งไปทันที! ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วภายในหนึ่งลมหายใจ
ขณะมือใหญ่ตรงประคองเข้าที่เอวคอด ส่วนข้อมือข้างขวาได้ตงอู่ฉางประคองเอาไว้ และข้อมือข้างซ้ายเป็นฟู่กู่เหยาที่เข้ามารั้งเอาไว้
พวกเขาทั้งสามมองตากันโดยมิได้นัดหมาย.. โดยยังไม่มีผู้ใดปล่อยมือ ต่างคนต่างกำลังอึ้งใส่กันและกัน และไม่มีใครสนใจใยดีองครักษ์สองนายที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นเลย..
ฟู่ซินเหรินที่ไม่ต้องหน้ากระแทกพื้นแล้ว ถูกหยุดกลางอากาศได้หรี่ตามอง แล้วตื่นตะลึงอย่างยิ่ง! หากเป็นนิสัยแสนใจดีของตงอู่ฉางจะเข้ามาช่วยผยุงนางดูไม่แปลกเท่าไหร่ แต่เซียวจื่อหยางเนี่ยสิแปลก!! แปลกมาก!! เขาจะนับครั้งนี้เป็นสิ่งต้องทดแทนทีหลังอีกรึเปล่า?!
ส่วนอีกคนหนึ่ง.. ฟู่ซินเหรินนึกไม่ออกว่าเป็นใคร แต่ความรู้สึกภายในกลับหน่วงขึ้นอย่างน่าประหลาด กระทั่งชายแปลกนั้นคนนั้นได้พูดขึ้น ฟู่ซินเหรินจึงได้รู้ว่าคนผู้นี้คือบิดาที่ชังนาง
“ปล่อยตัวบุตรสาวของกระหม่อมได้หรือไม่”
“ขออภัย” ตงอู่ฉางเป็นฝ่ายปล่อยมือออกมาคนแรก
หลังจากนั้นฟู่กู่เหยาหันเหสายตากลับมาทางผู้เป็นตี้จวิน ซึ่งนางได้ยินเสียงขัดใจในลำคอเขาเล็กน้อย ฟู่ซินเหรินเกือบจะเบาใจได้ หากมิใช่คำพูดของเซียวจื่อหยางถัดมาที่ทำให้ใบหน้าฟู่กู่เหยารวมถึงตัวนางเองต้องตึงเครียด
“ข้ายังมีเรื่องต้องสะสางกับนาง”
“!!”
ฟู่ซินเหรินหลับตาอยู่แต่จิตใจเริ่มไม่สู้ดี แอบกระดึบ ๆ ตัวไปทางบิดาของตัวเองราวกับต้องการบอกเขาทางอ้อมว่า อย่าให้เขาเอาตัวข้าไปท่านพ่ออออ!! แต่เอวนางก็ถูกเขากระชับดึงกลับมาโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต แต่ฟู่ซินเหรินรู้ตัวอยู่ ใบหน้างามจึงบิดเบี้ยวคล้ายจะร้องไห้ ฮือออ
ด้านฟู่กู่เหยาชะงักไป ก้มลงมองบุตรสาว แววตาครุ่นคิดไม่ตก มือข้างหนึ่งลอบกำแน่นเสี้ยวสั้น ๆ “ตี้จวิน บุตรสาวของข้าไม่รู้ว่าบาดเจ็บมากน้อยขนาดไหน ขอให้ข้าพานางกลับตำหนักเพื่อรักษาก่อน มีเรื่องอะไรขอให้พูดคุยกันทีหลัง”
“หึ เห็นแก่หน้าเจ้า ก็ได้.. แต่คงไม่ดีเท่าไหร่หากให้เจ้าละทิ้งหน้าที่มานาน เกรงว่าหลังจากนี้คงต้องกลับไปทันที เช่นนั้นข้าจะเป็นธุระนำนางไปส่ง ข้าปรารถนาดี เจ้าคงไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่”
กรี๊ดดดด คนชั่ว!!
ไม่นะท่านพ่อ..
ฟู่กู่เหยาสีหน้าเคร่งเครียดก้มมองใบหน้าซีดเซียวของบุตรสาวอีกครั้งอย่างชั่งใจ ก่อนถอนหายใจออกมา ไม่อาจปฏิเสธตี้จวินได้ “ขอรับ ข้าฝากนางด้วย”
ม้ายยยยย.. ฟู่ซินเหรินโอดครวญในใจ คิ้วเรียวบนใบหน้านางขมวดเคร่งเครียด เรียกรอยกดลึกมุมปากจากร่างสูงไม่ยากเย็น
“..อืม”
ใบหน้าหล่อเหลาฉายชัดว่าพอใจ แล้วจึงดึงเอวคอดเข้าหาตัว ช้อนร่างบางขึ้นในอ้อมแขนหันไปทางตงหลี่เทียนจวิน ที่มองมาทางนี้ด้วยสายตาอึ้งตะลึงงันกลายเป็นหินไปก่อนแล้ว
“เทียนจวิน ขอตัว”
พูดจบผู้เป็นตี้จวินที่กระทำเอาแต่ใจก็เร้นกายหายไปเช่นนั้นเลย..