ระหว่างทางฉันไม่ปริปากพูดอะไรอีกเลยจนกระทั่งถึงทะเล เป็นบ้านพักชั้นเดียวค่ะ แต่มีหลายห้องนอน แต่ละห้องจะมีสองเตียงค่ะ ไอ้ฟลุ๊คกับพี่คิวห้องหนึ่ง พี่นายกับพี่พีชอีกห้องหนึ่ง และแน่นอนว่าอีกห้องที่เหลือต้องเป็นฉันกับเฮียไกด์ ก็แน่สิ! เล่นมากันเป็นคู่ซะขนาดนั้น
เข้ามาในห้องฉันก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนทันที โชคดีค่ะที่มีสองเตียงจะได้ไม่ต้องแย่งกันกับเฮียไกด์ เรื่องอื่นช่างมันก่อนเถอะเพราะตอนนี้ฉันเพลียมากเลย ทั้งปวดหัวและปวดท้องในเวลาเดียวกัน
หมับ!
แขนข้างหนึ่งถูกรั้งอย่างถือวิสาสะ “อย่าเพิ่งหลับคุยกันก่อน”
“ขอนอนก่อนเดี๋ยวตื่นมาคุยด้วย”
“...” เฮียไกด์ไม่ตอบอะไรเขาปล่อยแขนฉันแล้วนอนลงข้าง ๆ
“ไปนอนเตียงโน้น มาเบียดหนูทำไม”
“ก็อยากนอนตรงนี้มีปัญหาอะไรไหม?”
“...” ฉันเลือกที่จะเงียบแล้วหันหลังให้เขาแทน นาทีนี้ขืนพูดอะไรไม่เข้าหูฉันต้องด่ากลับแน่ ๆ ... ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบจนฉันผล็อยหลับไปในที่สุด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงเฮียไกด์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“ขอบใจมาก”
(...)
“เรารู้แล้ว”
ไม่รู้ว่าบทสนทนาก่อนหน้านี้คืออะไร แต่ฟังจากน้ำเสียงและการพูดจาคงเป็นคนสนิทพอสมควรค่ะ ไม่อย่างนั้นอีเฮียมันต้องฮาร์ดคอใส่แล้ว
“แนน...” เอ่ยเรียกฉันแผ่วเบาพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ
“...”
“พี่จะไปซื้อของ จะไปด้วยกันไหม?”
“จะพี่หรือกูเอาให้แน่!” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันพูดประโยคนี้กับเขา บางครั้งเขาดูอ่อนโยนกับฉันมากนะ ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นอีกคนที่ชอบดิบเถื่อนใส่อยู่ดี
“ได้ยินแบบไหนก็แบบนั้นแหละ”
“...”
“โอเค! ไม่กวนประสาทแล้วก็ได้ คุยกันหน่อยสิ”
“ถ้าแค่เรื่องคืนนั้นเฮียไม่ต้องพูดหรอกค่ะ หนูไม่คิดอะไรแล้วแหละ ไม่โทษเฮียด้วย ไม่ต้องยึดติด ไม่ต้องรู้สึกผิด” ฉันพูดออกไปตามความคิดพลางหยัดตัวลุกขึ้นนั่งข้างเขา ไม่รู้หรอกว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่การที่เขาพยายามจะสนใจฉันมันกำลังทำให้ฉันสับสนในความรู้สึก แค่หยอกหรืออะไร... สำหรับคนอื่นอาจจะไร้สาระ แต่สำหรับคนไม่เคยถูกดูแลอย่างฉันมันมีผลกับความรู้สึกมากนะ ฉันกลัวความผิดหวังและไม่อยากคิดไปเอง
“ใครบอกว่าเรื่องนั้น? มันเรื่องก่อนคืนนั้นต่างหากล่ะ”
“...”
“ไม่นานมานี้กูเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เขาน่ารักมากแถมเวลายิ้มโคตรจะสดใสเลยนะ แต่เสียอย่างเดียวตอนหน้านิ่งแอบน่ากลัวไปหน่อย ใบหน้าเรียบเฉยดูเหมือนชวนหาเรื่องตลอดเวลาด้วยซ้ำ! ... อยากรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”
“...”
“มึงไง”
“หนู?”
“ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม? รู้แค่ว่าเป็นมึงก็พอ” คำพูดคำจาหยาบคายก็จริง แต่แววตาที่เขาส่งผ่านมามันอบอุ่นมากเลย มาก...จนแอบกลัวว่าสักวันภายใต้ความอบอุ่นที่ได้รับในตอนนี้จะย้อนกลับมาทำร้ายฉันหรือเปล่า
“เฮียเคยแต่งงา...”
“ไม่เคย!” ยังถามไม่ทันจบก็ถูกสวนกลับมาซะก่อน
“แต่พี่ผู้หญิงคนนั้นเขาบอกหนู”
“คนไหน?”
“ไม่รู้ว่าแฟนใคร แต่ไม่ใช่พี่องุ่น”
“เขาพูดว่าอะไร”
“เขาบอกว่า หนูไม่มีวันเป็นคนนั้นหรอก อย่างดีก็แค่ตัวแทนเพราะเฮียมีคนในหัวใจอยู่แล้วไม่อย่างนั้นจะโสดมาถึงทุกวันนี้เหรอ” มันเป็นประโยคลอย ๆ ก็จริง แต่เชื่อสิว่าเขาจงใจให้ฉันได้ยินแบบนี้
“เมื่อก่อนไม่เถียง แต่ตอนนี้ไม่ใช่”
“เมื่อก่อนที่ว่ามันผ่านมานานแค่ไหนแล้วคะ?” ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะถาม แต่ปากมันดันพูดตามความคิดไปซะแล้ว
“ห้าปีได้แล้วมั้ง อดีตคือเรื่องที่ผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้คือปัจจุบัน ... ปัจจุบันที่แปลว่ามึงอยู่ในสายตากูนี่ไง”
“...”
“ไม่รู้หรอกว่าคิดอะไรอยู่ แต่อยากให้เปิดใจนะ กูเอาใจไม่เก่ง ไม่โรแมนติกด้วย แต่ทุกครั้งที่มีความรักกูซื่อสัตย์เสมอ”
“แล้วมาบอกหนูทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“แน่ใจเหรอที่พูด?” เขาว่าพลางอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยว อย่าพูดซี้ซั้ว!!”
“เหรอ...งั้นขอพิสูจน์หน่อย”
“อะ...อื้อ!” น้ำเสียงของฉันขาดหายไปพร้อมกับจูบของเขา มันนุ่มนวลและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน เรียวลิ้นค่อย ๆ สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของฉัน แค่เพียงไม่นานก็ผละออกไป
“ใจเต้นแรงเนอะ” ไม่พูดเปล่าเขายังวางฝ่ามือข้างหนึ่งลงบนอกข้างซ้ายของฉันอีกด้วย
“...” นาทีนี้ใบ้รับประทานค่ะ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอะไร
“อยากรู้อะไรให้ถามนะ ไม่ต้องไปฟังคนอื่นแล้วคิดไปเอง”
“ออกคำสั่งอย่างกับเป็นเจ้าของชีวิตเลยนะคะ ได้กันตอนเมาหนูไม่นับเป็นผัวหรอก”
“งั้นก็ได้กันตอนนี้สิจะได้เป็นผัวจริง ๆ สักที”
“บ้า!!”
“ฮ่า ๆ เขินตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วมั้ง”
“ทะลึ่ง!” ฉันว่าพลางจ้องหน้าเขาเขม็ง “เอามือออกไปได้แล้ว ทำเนียนเลยนะ”
“โทษที ลืมตัวไปหน่อย” ยิ้มค่ะ อีเฮียมันยิ้มอีกแล้ว
“หลีกด้วยหนูจะเข้าห้องน้ำ”
“ครับ ๆ คุณผู้หญิง อ๋อ! แล้วเวลาใครถามก็บอกเขาไปเลยนะว่าคบกับกูอยู่” สองเท้าชะงักแทบจะทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้
“จีบก่อนสิ เผื่อหนูจะยอมคบกับเฮีย”
“เป็นเมียก็แล้วยังต้องจีบอีกเหรอ?”
“โอ้ยเฮีย!! ได้กันตอนเมาใครเขานับกัน”
“ได้ดิ”
หมับ!
“กรี๊ด...!!” เฮียไกด์รั้งเอวฉันโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้พวกเราเซถลาล้มลงไปกับพื้น “เจ็บนะ” หน้าขมำกับพื้นเลยค่ะ
“ขอโทษ ไหนดูหน่อย” เขาว่าก่อนจะรั้งแขนให้ฉันลุกขึ้นนั่ง
“เลือดออกไหม?”
“ไม่... แค่เป็นรอยแดงเฉย ๆ ” ปลายนิ้วนวดคลึงบริเวณหน้าผากก่อนจะหันมาสบตากับฉัน
“เฮีย”
“ว่า?”
“ถ้าหนูท้องล่ะ”
“จะท้องได้ไงกูป้องกันทุกรอบ”
“แล้วใครบอกว่าเป็นลูกของเฮียวะ”
(โป้ก!)
“ทะลึ่งนะมึงอ่ะ”
“ฮ่า ๆ เขกมาได้เจ็บนะโว้ย” พลางลูบหัวตัวเองปอย ๆ
“สมน้ำหน้า!!” นั่นแหละค่ะ อยู่ด้วยกันทั้งวันพูดดีแค่สี่ชั่วโมงที่เหลือตีกันยับ ฮ่า ๆ อยู่กับเขาแล้วไม่เครียดเลยอันนี้ยอมรับค่ะ ไม่ปฏิเสธหรอกว่าหวั่นไหวน่ะ ส่วนไอ้เรื่องคบหรือไม่คบฉันขอเก็บไว้ก่อนแล้วกัน จนกว่าจะแน่ใจว่าในใจของเขามันไม่มีใครแล้วจริง ๆ