Episode-๐๕ กล้าได้กล้าเสีย

1275 คำ
ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยที่มีคนยื่นมือมาช่วย เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นหนี้อยู่ดี คล้อยหลังเฮียฉันก็เก็บกวาดบ้าน ไม่สิ! ต้องบอกว่าเอาไปทิ้งทุกอย่างถึงจะถูก เพราะเสียหายทั้งหมด เหลือแต่บ้านโล่งๆเลยค่ะ “ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวแม่ทำเอง” น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยก่อนจะแย่งไม้กวาดไปจากมือฉัน “แม่มีอะไรก็พูดมาเถอะ หนูไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว” ฉันไม่ได้มีเจตนาพูดจาก้าวร้าวแต่อย่างใด แค่พูดออกไปตามความคิดเท่านั้นเอง “ขอโทษนะ” “...” ฉันยังคงเงียบและมองหน้าแม่นิ่งๆ “แม่จะพยายามเลิก จะไม่เป็นแบบนี้อีก” “หนูดีใจที่แม่คิดได้แบบนี้ แต่แม่อยากพูดอะไรกับหนูก็พูดมาเถอะ” “ไม่มี ... แค่อยากดีขึ้นด้วยตัวเองก็เท่านั้น” ไม่อยากจะเชื่อคำพูดนี้เลยค่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอดูไปก่อน “เงินอยู่ในกระเป๋า อยากได้เท่าไหร่ก็หยิบไป” จบประโยคฉันก็กลับเข้าห้องทันที อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอน แต่แค่ไม่นานก็ต้องตื่นมาเพราะเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก “อยู่กันขนาดผมสองสีแล้วมึงจะไปให้ได้เลยใช่ไหม?” “ก็มึงมันเป็นแบบนี้ไง อยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น!! เมาเหมือนหมา ไม่ทำห่าอะไรสักอย่าง เข้าบ้านมาก็เจอแต่อะไรไม่รู้!!” “อีนั่นมันดีกว่ากูสินะมึงถึงจะไป” “เออ!! ดีกว่าทุกตรง” “งั้นมึงก็ไปเลย!! จะไปตายห่าตายโหงที่ไหนก็ไป!!” ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาฉันทั้งหมด มันก็ไม่แปลกหรอกที่พ่อเลือกจะไป ก็แม่เป็นซะแบบนี้... “เหอะ!” เค้นหัวเราะออกมาให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้ วันที่ครอบครัวแตกหักไม่มีชิ้นดี “แม่...” “...” “ไม่เป็นไรนะ เราอยู่ทะเลาะกันสองคนก็ได้” ฉันว่ายิ้มๆ “เอาแบบนั้นเหรอ?” “แล้วจะเอาแบบไหนล่ะ หรือแม่จะเลิกเมาเราจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน” เหมือนกำลังปลอบเด็กเลยค่ะ สร่างเมาก็จะคุยกันรู้เรื่องหน่อย “เสียใจไหม? อยู่ได้หรือเปล่า” “หนูไม่มีอะไรจะเสียแล้วแม่ อยู่ไม่ได้ก็ต้องอยู่” ที่ผ่านมาหนักหนากว่านี้อีกค่ะ ฉันยังอยู่ได้เลย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เล็กน้อยมาก ฉันหวังนะ ให้แม่คิดได้จริงๆ ให้แม่เลิกเมาหรือไม่ก็เมาให้น้อยลงแล้วกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเหมือนคนอื่นเขา ฉันรู้ว่าแม่ก็เสียใจ ถึงจะเมายังไงสิ่งที่ทำให้เห็นตลอดก็คือกับข้าว ถ้าไม่มีใครกินมันก็จะถูกวางไว้แบบนั้นจนฉันไปเก็บล้างเอง แต่จะทำอะไรได้มนุษย์เราทุกคนย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่พ่อหรอก... ฉันก็เหมือนกัน ภายในบ้านที่เคยเคว้งคว้าง ตอนนี้มันกลับเคว้งคว้างยิ่งกว่าเดิมซะอีก กลิ่นอายความเหงา กลิ่นอายความเสียใจมันลอยคละคลุ้งเต็มไปหมด มันสัมผัสได้เองโดยไม่ต้องพูดอะไรออกมาสักคำ “เดี๋ยวหนูต้องไปทำงานแล้ว แม่จะออกไปไหนอีกไหม” “ไม่ล่ะ เมาอยู่บ้านแล้วกัน” “ไหนว่าจะเลิก?” “มันเลิกเลยทันใจก็ดีสิ เอาเป็นว่าจะกินให้น้อยลง” “หนูจะคอยดู” ไม่อยากเชื่ออะไรทั้งแหละค่ะ ที่ผ่านมาก็ขอให้เลิกมาโดยตลอด จนปัญญา หมดคำจะพูดก็เลยปล่อยเลยตามเลย ถ้าจะเลิกได้ก็เป็นเพราะตัวเขาอยากเลิกเองนั่นแหละ ก่อนออกจากบ้านก็ไม่ลืมวางเงินไว้ให้ ส่วนแม่จะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของเขาเถอะ มาถึงร้านตั้งแต่หกโมงเย็นพนักงานยังจัดโต๊ะอยู่เลยค่ะ “ไงเรา” “สวัสดีค่ะเจ๊ ขอโทษด้วยที่หนูขาดงานแล้วไม่ได้บอก” เอ่ยบอกเจ๊ม่านพลางยกมือไหว้เขาอย่างมีมารยาท “อ๋อ... ไกด์บอกแล้วล่ะ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องคิดมากนะ” “ขอโทษนะคะ เอ่อ... เฮียกับเจ๊เป็นเพื่อนกันเหรอคะ” “จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะ ว่าแต่แนนเถอะไปรู้จักกับไกด์ได้ยังไง” “รู้จักผ่านแฟนเพื่อนอีกทีนึงน่ะค่ะ แล้วหนูก็เคยกวนประสาทเขาไว้หลายครั้งด้วยแหละ ^_^” “ฮ่าๆๆ ระวังมันแดกหัวเอานะ รายนั้นน่ะไม่ชอบคนยียวนกวนประสาท” “ไม่ทันแล้วเจ๊ หนูกวนเขาไปแล้วเรียบร้อย” จนเกือบถูกแดกหัวไปแล้วก็มี ถึงเวลาร้านเปิดฉันก็ได้นั่งกับลูกค้าเลยค่ะ กลุ่มเฮียก็มาเหมือนเดิมแต่วันนี้เป็นคนอื่นดริ้งแทน “เพิ่งมาใหม่เหรอครับ ไม่เคยเห็นหน้าเลย” ใครคนหนึ่งเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ฉัน “แนนทำนานแล้วค่ะ พวกพี่ไม่สังเกตกันเองหรือเปล่า” “คงเป็นอย่างนั้น” พวกเรากินดื่มกันตามปกติ จนเกือบเที่ยงคืนพวกเขาก็ทำทีจะเช็คบิลและชนแก้วเป็นครั้งสุดท้าย เป็นอีกวันที่รู้สึกว่าตัวเองดื่มหนัก อาชีพนี้ต้องรู้ลิมิตตัวเองค่ะ ถ้าปล่อยให้ภาพตัดล่ะก็เป็นเรื่องแน่ๆ “เป็นอะไรไปครับ มีอะไรให้ช่วยไหม” “ไม่มีค่ะ ไว้โอกาสหน้ามาดื่มด้วยกันอีกนะ” ฉันว่าพลางยิ้มหวานให้กับเขา ทั้งที่ตอนนี้รู้สึกได้เลยว่ามีบางอย่างในร่างกายเริ่มผิดปกติ แต่ก็ต้องทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง “ถ้างั้นแนนขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทิป” จบประโยคฉันก็เดินเลี่ยงออกมาทันทีแต่กลับถูกใครบางคนรั้งข้อมือเอาไว้ซะก่อน “เดี๋ยวสิ ขอเบอร์หน่อย” คนตรงหน้าชักจะถ่วงเวลากับฉันมากเกินไปแล้ว พวกผู้ชายมักมากนี่มันไม่รู้จักพอจริงๆ “ขอเบอร์มันเชย ไปที่ห้องเลยง่ายกว่า” “หืม...” “รอตรงนี้แล้วกันนะคะ แนนขอไปห้องน้ำก่อน” ฉันว่าพลางทำท่าทีเขินอายใส่เขา นาทีนี้ต้องเอาตัวรอดให้ได้ค่ะ ต่อให้ถูกลากไปก็ไม่มีใครสนใจจะช่วยอยู่ดี เพราะฉะนั้นการออกกลอุบายคือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับฉันในการช่วยเหลือตัวเอง “พูดแล้วนะ” “ค่ะ” หลังจากหว่านล้อมคนตรงหน้าได้สำเร็จฉันก็เดินมาทางห้องน้ำและอ้อมไปหลังร้านอีกทีหนึ่ง เรื่องอะไรจะไปต่อ อาชีพฉันแค่ชวนดื่มค่ะ นั่งคุยอย่างเดียวไม่ใช่นอนคุย แต่ตอนนี้ฉันเริ่มจะไม่ไหวแล้ว มันวูบวาบไปหมด มันอยาก... อยากมากๆเลยค่ะ หมับ! “เฮีย!” “เป็นอะไร แล้วทำไมต้องอ้อมมาหลังร้าน?” “เรื่องของหนูช่างมันเถอะ แล้วเฮียเดินตามมาทำไม” ปากเถียงเขาแต่มือมันไปลูบสัมผัสร่างกายเขาแล้วค่ะ “หยุด!” เฮียไกด์ว่าพลางรั้งมือฉันออกจากแผงอกของตัวเอง “เป็นอะไร?” “ปะ เปล่า มือมันไปเอง” “กูว่าไม่ใช่ สภาพนี้แค่ใครสักคนมึงก็พอใจแล้วมั้ง” “แล้วใครคนนั้นเป็นเฮียได้ไหมล่ะ” รู้สึกตัวตลอดแต่มันควบคุมไม่ได้ค่ะ เลยปากดีลองเชิงหน่อย ฉันมันพวกกล้าได้กล้าเสียอยู่แล้ว “ถ้าบอกว่าได้ล่ะ” “...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม