บทที่ 6
เด็ดสุดยอด
'ไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากอยู่ไกล แต่อยากอยู่ในใจของพี่ไรเฟิล'
"ต่อไปนี้ห้ามหอมแก้มพี่อีกนะ"
ทันทีที่กลับมาถึงบ้านไรเฟิลก็พูดขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่เขาเงียบมาตลอดทาง ไม่ยอมพูดยอมจาจนแพรไหมคิดว่าเขาโกรธที่เธอทำแบบนั้นกับเขา
และก็เป็นดังคาด พี่ไรเฟิลโกรธเธอจริง ๆ สินะ
"น้องแพรขอโทษนะคะ"
"..."
"พี่ไรเฟิลโกรธน้องแพรเหรอคะ"
"ช่างมันเถอะ"
เขาไม่โกรธ แต่แค่ยังไม่รู้วิธีการรับมือแค่นั้นเอง เกิดมาสามสิบปีเพิ่งเคยถูกคนอื่นหอมแก้มเป็นครั้งแรกก็ต้องมีเสียอาการบ้างแหละ ปกติก็มีแต่น้องสาวที่หอม แต่วันนี้ยัยนี่เอาใหญ่แล้วนะ
เริ่มลามปามมาถึงแก้มแล้ว
"โกรธแน่เลย"
แพรไหมทำหน้าเศร้าคล้ายกับว่ารู้สึกผิดเสียเต็มประดา ซึ่งนั่นไรเฟิลไม่ชอบเป็นอย่างมาก
"ไม่ได้โกรธ"
"จริงเหรอคะ"
ยัยน้องแพรไหม ลิงหลอกเจ้าที่แท้จริง พอเขาบอกว่าไม่โกรธจากหน้าตาเศร้าสร้อยเหมือนหอยเป่าฮื้อเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นลิงโลดจนแทบกระโดดโลดเต้น อะไรมันจะไปดีใจขนาดนั้น
"อือ"
ไรเฟิลขานรับในลำคอ ไม่โกรธก็คือไม่โกรธสิ จะเซ้าซี้เอาอะไรนักหนา
"แล้วชอบไหมคะ"
"ชอบอะไร"
"ชอบที่น้องแพรจุ๊บแก้มพี่ไรเฟิลไงคะ"
"ไม่เลย ไม่ชอบสักนิด ถึงได้บอกไงว่าต่อไปนี้ห้ามหอมแก้มพี่อีก"
"แย่จังเลยค่ะ น้องแพรจะคอยหักห้ามใจนะคะ แก้มพี่ไรเฟิลนุ่มฟูขนาดนั้นน้องแพรคงห้ามใจลำบาก"
คนฟังส่ายหน้า ขออย่างเดียว แพรไหมอย่ามาทำรุ่มร่ามกับเขาก็แล้วกัน เหตุผลง่าย ๆ ก็คือเขาทำตัวไม่ถูกยังไงล่ะ
"ไปนอนได้แล้ว"
แพรไหมไม่เหนื่อยเลยหรือไง วิ่งตามเขาอยู่ทั้งวันขนาดนี้
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"
"ไม่เป็นไร"
"ฝันดีค่ะพี่หมีคนซึน"
แพรไหมยิ้มให้แล้วเดินจากไปในทันที ปล่อยให้พี่ไรเฟิลยืนงวยงงอยู่คนเดียว พี่หมีน่ะเขาเข้าใจ แต่คนซึนนี่สิ มันแปลว่าอะไรกันนะ เป็นศัพท์วัยรุ่น หรือศัพท์ภาษาฝรั่งเศสกันแน่
แต่ที่รู้แน่ชัดก็คือ รอยยิ้มของแพรไหมเมื่อครู่ทำเขาตาพร่า
"ตื่นเช้าเป็นแล้วเหรอ"
ไรเฟิลเอ่ยแซว เมื่อเห็นว่าคนที่เดินลงบันไดมาคือน้องสาว
"สวัสดีตอนเช้าค่ะพี่สาว เมื่อคืนแอบขโมยเพื่อนเฟิร์นไปไหนคะ"
"หืม เราน่าจะรู้นะว่าเพื่อนเราเป็นคนยังไง"
เฟิร์นหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ เมื่อวานเธอแอบเห็นแล้วล่ะว่าแพรไหมตามพี่สาวไปในเมืองด้วย หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมงเพื่อนสาวก็ส่งข้อความมาบอกว่าออกไปข้างนอกกับพี่ไรเฟิล
เธอนับถือแพรไหมจริง ๆ ที่วิ่งตามพี่ไรเฟิลไปได้ทุกที่ขนาดนั้น
"แล้วนี่ยัยแพรยังไม่ตื่นเหรอคะ"
"คงยังหรอก นี่เพิ่งตีห้า"
ไรเฟิลเลื่อนแก้วชาที่มีควันลอยฟุ้งไปตรงหน้าน้องสาว อากาศหนาวเย็นแบบนี้ควรดื่มน้ำอุ่นเพื่อให้ร่างกายได้อบอุ่นบ้าง
"ขอบคุณค่ะ"
เฟิร์นยิ้มให้พี่สาว พี่ไรเฟิลก็เป็นแบบนี้ ใส่ใจคนอื่นเสมอ เธออิจฉาแฟนในอนาคตของพี่ตัวเองได้ไหมนะ ที่ได้คนดีอย่างพี่ไรเฟิลไปครอบครอง
แต่ขอร้องเลยนะ ขอให้คนนั้นเป็นแพรไหมทีเถอะ เพราะเพื่อนเธอก็ดีใช่ย่อย แถมเวลาอยู่ด้วยกันทั้งคู่ยังเหมาะสมกันอีกต่างหาก
"พี่มีเรื่องอยากถาม"
"เรื่องยัยแพรเหรอคะ"
"ไม่ใช่"
"..."
"แต่ก็ไม่เชิง"
ไรเฟิลแค่อยากถามน้องสาว ว่ารู้จักคำว่าคนซึนหรือเปล่า เขางงกับคำนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ถ้าเป็นคำด่าเขาจะลงโทษยัยน้องแพรไหมได้ทัน ที่บังอาจมาด่าเขา
"อยากรู้อะไรเกี่ยวกับยัยแพรถามเฟิร์นมาได้เลยค่ะ"
นั่นไง ที่แท้น้องสาวเขาก็แอบเชียร์เพื่อนอยู่สินะ อยากให้พี่มีแฟนมากขนาดนั้นเลยหรือยัยเฟิร์น
"เฟิร์นรู้จักคำว่าคนซึนหรือเปล่า"
"ฮ่า ๆ โดนแพรไหมบ่นมาแน่เลย"
เฟิร์นหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้ฟังคำถามของพี่สาว แพรไหมคงบ่นพี่ไรเฟิลว่าเป็นคนซึนมาสิท่า
"ประมาณนั้น แล้วมันเป็นคำด่าเหรอ"
"ไม่ใช่คำด่าหรอกค่ะ"
อย่างน้อยก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
"แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะ"
"คนซึนย่อมาจากซึนเดเระหรือสึนเดเระค่ะ ก็เหมือนกับคนปากหนัก ปากอย่างใจอย่างนั่นแหละค่ะ"
"..."
"หรือแปลให้เข้าใจง่าย ๆ ก็หมายถึง รักนะแต่ไม่แสดงออก"
"บ้ารึไง"
ไรเฟิลโพล่งขึ้นมาทันที เขาเนี่ยนะเป็นคนอ้อมโลกแบบนั้น แพรไหมเข้าใจผิดแล้วล่ะ เขาน่ะคิดยังไงรู้สึกยังไงก็แสดงออกไปตรง ๆ แบบนั้นเลยต่างหาก ไม่ได้เป็นคนซึนแบบที่แพรไหมกล่าวหาสักหน่อย
แล้วนี่ยัยตัวยุ่งหายไปไหนแล้วนะ หรือว่าทนไม่ไหวร้องไห้ขี้มูกโป่งหนีกลับบ้านไปแล้ว
"เช้านี้เฟิร์นนัดกับยัยแพรไว้ว่าจะพาไปเก็บยอดชาค่ะ"
"งั้นเหรอ ดีเลยพี่จะรีบหนีเข้าฟาร์มแต่เช้า"
ไรเฟิลคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้หนีหน้าแพรไหมสักวัน หรืออย่างน้อยก็ช่วงเช้า เพราะน้องสาวนัดกับน้องแพรไหมว่าจะไปเก็บยอดชาด้วยกัน
สาเหตุที่ต้องเก็บแต่เช้าตรู่ก็เป็นเพราะว่าสารอาหารจะได้อยู่ครบ หากยอดชาโดนแสงแดดสารอาหารจะน้อยลง เพราะงั้นถึงต้องรีบเก็บตั้งแต่ตอนเช้า ๆ ยังไงล่ะ
"มอนิ่งค่ะ"
นั่นไงมาแล้วยัยตัวป่วน ส่งเสียงเจื้อยแจ้วแต่เช้าเลยนะ
แต่เช้านี้มาแปลก สองวันที่ผ่านมาเขาเห็นแพรไหมแต่งหน้าอ่อน ๆ จนชินตา วันนี้มาแปลกตรงที่แพรไหมทาแค่ลิปมันลงบนริมฝีปากเพียงเท่านั้น แต่กระนั้นก็ยังคงความสวยสดงดงามเอาไว้ให้ได้ยล
ความงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาให้ พระเจ้าลำเอียงหรือเปล่านะ หรือว่าคนทั้งโลกใบนี้พระเจ้าหลงรักแค่แพรไหมเพียงคนเดียว ถึงได้เสกสรรความเพอร์เฟคให้ขนาดนี้
ใบหน้าสวยหวานบาดจิต ริมฝีปากจิ้มลิ้ม จมูกโด่งรั้น รวมแล้วช่างงดงามหาใดเปรียบ
"อะแฮ่ม"
เฟิร์นแกล้งกระแอมไอเบา ๆ เมื่อเห็นท่าทางของพี่สาว อะไรจะไปมองจนตาค้างขนาดนั้นกันนะ
ไรเฟิลได้สติ รีบยกแก้วชาขึ้นจิบแก้เก้อ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นใจ
"โอ๊ยยยยร้อน"
"..."
"ลวกไปหมดแล้วมั้งทั้งลิ้นทั้งคอ"
น้ำที่กำลังร้อนระอุและมีควันขมุงลอยฟุ้งอยู่ในแก้วถูกกลืนลงคอไปรวดเดียว ให้ตายสิลิ้นเขาตอนนี้คงไม่รับรู้รสชาติแล้วมั้ง ไรเฟิลเอ๊ยไม่ระวังเอาเสียเลย
"ทำไมไม่เป่าก่อนล่ะคะ"
"ก็ชงชาทิ้งไว้ตั้งนาน นึกว่าน้ำเย็นลงแล้วซะอีก"
"เป็นอะไรมากไหมคะ"
แพรไหมรีบเดินเข้ามาใกล้เพื่อถามไถ่อย่างเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรแล้ว"
ไรเฟิลลุกขึ้น ไม่มีอารมณ์กินต่อแล้วล่ะ กินไปก็ไม่รู้รสชาติ
"จะไปไหนคะ"
แพรไหมถามขึ้นทันทีที่เห็นเขาสาวเท้าเดินห่างออกไป
"ไปดูฟาร์ม"
"อ่าาา วันนี้น้องแพรไปด้วยไม่ได้นะคะ ต้องไปเก็บชา แล้วน้องแพรก็กลัวเจ้าหนมปังด้วย"
ไรเฟิลพยักหน้าอย่างเข้าใจ
"น่าเสียดาย"
แม้น้ำเสียงจะติดเศร้าสร้อย แต่ในใจเขากลับลิงโลด เอาล่ะไรเฟิล ต้องหาอะไรติดไม้ติดมือไปฝากเจ้าหนมปังสักหน่อยแล้ว ให้รางวัลที่เจ้าหมาทำให้แพรไหมกลัวได้
และเมื่อแพรไหมกลัว เธอก็จะไม่ตามเขาไปยังไงล่ะ ทำดีมากหนมปัง
"งั้นเจอกันตอนเย็นนะคะ"
ไรเฟิลพยักหน้าตามน้ำ เจอกันตอนเย็นงั้นหรือ จ้างให้ก็ไม่เจอหรอก
"มีหนอนเหมือนในโฆษณาไหมแก"
แพรไหมเอ่ยถามเพื่อนสาว ตอนนี้เธอกำลังกังวลว่าจะหนอนตัวอ้วนเขียวโผล่มาเหมือนในโฆษณาที่เคยเห็น และเธอก็กลัวหนอนเสียด้วยสิ
ไร่ชากว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ ต้องมีหนอนสักตัวเล็ดลอดมาให้เห็นแน่ ๆ เลย
"มีสิ"
"งั้นชั้นไม่เก็บ"
"สะใภ้บ้านนี้ต้องเก็บยอดชาเป็น และไม่กลัวหนอน"
"ใครกลัวยะ ไม่มีหรอก มาสิเจ้าหนอนจะเหยียบให้ท้องแตกเลย"
เฟิร์นอดขำเพื่อนไม่ได้ เมื่อครู่แพรไหมยังทำท่าขยาดอยู่เลย พอเธอบอกว่าสะใภ้บ้านนี้ต้องเก็บชาได้แค่นั้นแหละ จากคนกลัวกลายร่างเป็นนักรบหนอนทันที
"ไม่กลัวหนอนแล้วเหรอ"
"กลัวไม่ได้เป็นแฟนพี่ไรเฟิลมากกว่า"
สองสาวลงมือเก็บยอดชากับคนงานไปเรื่อย ๆ ที่นี่ใช้แรงงานคนในการเก็บ เพราะจะได้ชาที่มีคุณภาพมากกว่าการใช้เทคโนโลยี ถึงแม้ว่าแบบนั้นจะเร็วกว่าและได้เยอะกว่าก็ตาม
ไรเฟิลคำนึงถึงคุณภาพมากกว่าปริมาณ ดังนั้นที่นี่จึงใช้มือคนในการเด็ดยอดชาแต่ละยอด แม้คนงานจะต้องตื่นแต่เช้าและใช้เวลาเก็บไปจนเกือบครึ่งวัน แต่ถ้าเทียบในเรื่องของคุณภาพแล้ว ยอดชาที่เก็บโดยมือของมนุษย์มีคุณภาพมากกว่าเทคโนโลยีหรือหุ่นยนต์ ดังนั้นไรเฟิลจึงเลือกใช้แรงงานคนในการเก็บยอดชา
สองสาวลงมือเก็บชาและพูดคุยกับคนงานไปเรื่อย ๆ จนแพรไหมเริ่มหิวถึงได้หยุดพัก
วันนี้เธอไม่ได้เที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าเป็นแฟนพี่ไรเฟิลอย่างที่เขาขอร้องเมื่อคืน แพรไหมบอกเพียงว่าเป็นเพื่อนของเฟิร์นเท่านั้น
เธอรู้สึกชอบที่นี่มาก ไม่วุ่นวาย อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับผู้คนที่เป็นมิตรทั้งภายนอกและภายใน ความสุขของคนเรามันคนละแบบอยู่แล้ว แต่แพรไหมรู้สึกว่าที่นี่คือความสุข มากกว่าในเมืองหลวง
เฟิร์นพาเพื่อนสาวมายังคาเฟ่เล็ก ๆ ของตัวเองที่ตั้งอยู่ตรงลานกลางไร่ชา ตอนนี้ยังเช้าอยู่ และหมอกก็ยังไม่จางหายไป รวมถึงยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านจึงยังไม่มีลูกค้าเลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงพนักงานสองสามคนที่มาเตรียมตัวเปิดร้านเท่านั้น
เฟิร์นเลือกเค้กสามสี่ชิ้นมาเสิร์ฟเพื่อนสาวให้กินรองท้องไปก่อน และมีน้ำชาสุดแสนจะพิเศษจากไร่มาวางคู่กัน ปกติเค้าจิบชากันตอนบ่ายไม่ใช่หรือ แต่ใครจะสนวัฒนธรรมในเวลาหิวกันล่ะ จะจิบชากับของหวานตอนไหนก็ย่อมได้อยู่แล้วล่ะ ถ้าหิวน่ะนะ
"อยากอยู่ที่นี่จัง"
"จีบพี่ไรเฟิลให้ติดสิ"
"เหอะ พี่แกอะนะ ปากหนักเป็นบ้าเลย"
เฟิร์นพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อเช้าเธอเห็นกับตาว่าพี่ไรเฟิลมองเพื่อนสาวด้วยสายตาเทิดทูนและเพ้อฝันเพียงใด แต่พอแพรไหมเดินเข้ามาใกล้กลับแปรเปลี่ยนเป็นคนละคนซะงั้น
"เห็นด้วย"
"แกดูนี่"
แพรไหมยกข้อมือให้เพื่อนสาวดูสร้อยเส้นเมื่อคืน
"พี่แกซื้อให้"
"ว้าวซ่า"
"ชั้นน่ะอยากได้แต่ไม่ซื้อ พี่แกเลยแอบซื้อมาให้"
"คนซึนที่แท้ทรู"
"แกว่าชั้นมีหวังรึยัง"
"มีแล้วแก ถ้าไม่ชอบจะซื้อสร้อยข้อมือให้เหรอ"
เฟิร์นให้กำลังใจเพื่อนสาว พี่ไรเฟิลเคยสนใจสาว ๆ ที่ผ่านมาที่ไหนกันล่ะ มีแต่คอยจะวิ่งหนีตลอด แต่ครั้งนี้กลับซื้อสร้อยข้อมือให้เพื่อนสาวของเธอ เรียกว่าแพรไหมมีหวังแล้วล่ะแบบนี้
"เป็นสร้อยคู่ด้วยนะ ของชั้นเป็นกระต่าย อีกอันเป็นหมี"
"แน๊ โรแมนติกเหลือเกินนะ คุณหมีกับคุณกระต่าย"
"อย่าแซวสิ เขินก็เป็นนะ"
เฟิร์นมองเพื่อนสาวด้วยรอยยิ้มชอบใจ แพรไหมเป็นเอามากเหมือนกันนะเนี่ย
"กินของว่างรองท้องก่อนดีกว่า เดี๋ยวอีกสักหน่อยเรากลับบ้านกัน"
"แกเรียกสิ่งนี้ว่าของว่างเหรอ กินเค้กชิ้นเดียวก็อิ่มไปจนถึงเที่ยงเลยนะเนี่ย"
"ก็กลัวแกไม่อิ่ม"
น้องสาวเจ้าของไร่ที่พ่วงด้วยตำแหน่งเพื่อนสนิทกำลังวางแผนขุนเธออยู่ใช่ไหมเนี่ย ถึงได้หาสารพัดของอร่อยมาให้กินขนาดนี้
ว่าแต่ป่านนี้พี่ไรเฟิลจะกินข้าวหรือยังนะ ไม่มีเธออยู่ด้วยต้องเหงามากแน่ ๆ เลย
"กินเสร็จแกพาชั้นไปหาพี่ไรเฟิลหน่อยสิ"
"ไปทำไม"
"ก็ชั้นกลัวพี่แกเหงา ไม่มีชั้นอยู่ด้วยคงเหงาแย่"
เกรงว่ามีแกอยู่ด้วยพี่ไรเฟิลจะบ่นปวดหัวน่ะสิยัยแพรเอ๊ย
"ฮัดชิ่ว ฮัดชิ่ว"
"..."
"ใครนินทาวะ"
"น้องแพรเปล่านะคะ"
"แพรไหม! มาได้ไงเนี่ย"
ไรเฟิลหันขวับกลับมามองตามเสียงที่ดังขึ้นด้านหลัง อุตส่าห์หนียัยตัวแสบมาได้ตั้งครึ่งวัน นี่ยังตามมาจนได้สินะ
"เฟิร์นให้คนมาส่งค่ะ"
เพื่อนสาวให้คนงานมาส่งเธอที่นี่ เพราะยัยเฟิร์นติดธุระ ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ทั้งลูกค้าเข้าและลูกค้าออกเต็มไปหมด รีสอร์ตที่นี่มีคนมาพักไม่เว้นวันเว้นชั่วโมง ก็แหงล่ะสิ ที่นี่บรรยากาศดีมาก แถมมาเที่ยวที่นี่ที่เดียวก็ถือว่าครบแล้ว ทั้งไร่ชา อาหาร ที่พัก และฟาร์มสัตว์เลี้ยงที่ไรเฟิลมีบริการให้แขกมาเที่ยวชมได้
เลือกเลยว่าจะปั่นจักรยาน นั่นรถของที่ไร่ หรือชอบผาดโผนหน่อยก็เลือก ATV ไปเลย
"ทำไมไม่อยู่กับเฟิร์น"
"น้องแพรอยากอยู่กับพี่ไรเฟิลค่ะ"
"หนมปัง! หนมปัง! มาต้อนรับคุณแพรไหมหน่อยเร็ว"
"ไม่นะคะ"
แพรไหมร้อนรนเมื่อเขาร้องเรียกหาสุนัขเลี้ยงสัตว์ที่ชื่อหนมปัง นั่นก็คือเจ้าตัวดำขนฟูที่เห่าเธอวันแรกนั่นเอง
"หนมปัง!"
"ไม่เอา"
คนตัวเล็กทำท่าเหมือนจะร้องไห้เมื่อมองเห็นว่าเจ้าหนมปังกำลังวิ่งหน้าตั้งพร้อมกับส่ายหางดุ๊กดิ๊กมาทางนี้
"แขกมาเยี่ยมแล้ว ดีใจหน่อยเร็ว"
"โฮ่ง!!"
"กรี๊ด"
แพรไหมกรี๊ดสุดเสียงด้วยความตกใจเมื่อเจ้าหมาส่งเสียงเห่า
"ออกไปนะ"
"โฮ่ง!"
ไม่เห่าเปล่า ๆ คราวนี้เจ้าหนมปังเอาตัวมาถู ๆ ขาเธอด้วย ส่วนหางก็ส่ายไปมาและแน่นอนว่าต้องถูกตัวของแพรไหม
ร่างเล็กสั่นสะท้านด้วยความกลัว ไรเฟิลแกล้งเธออีกแล้วสินะ ก็รู้ว่าเธอกลัวยังจะเรียกให้เจ้าหนมปังมาทักทายเธออีก
หากเกิดว่าเจ้าสุนัขตัวนี้กัดเธอขึ้นมาจะทำอย่างไร เขาจะรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับเธอหรือเปล่า
ไอ้พี่ไรเฟิลบ้า
"แพรไหม"
ไรเฟิลเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าแพรไหมยืนก้มหน้าก้มตาพร้อมกับนำมือทั้งสองข้างมาปิดหูตัวเองเอาไว้
จะกลัวอะไรขนาดนั้น เจ้าหนมปังสนิทกับคนมาก เพราะเจอแขกมาเยี่ยมชมฟาร์มบ่อย มันไม่เคยทำร้ายใครแม้แต่สักคนเดียว แพรไหมจะกลัวทำไมนะ
เหมือนไรเฟิลจะลืมไปแล้วว่าบางครั้งความกลัวก็ไม่ต้องเหตุผล และความรักก็เช่นกัน
"น้องแพร"
"..."
"หนมปัง ไปเลี้ยงแกะของนายได้แล้วไป"
เจ้าหมายังวนเวียนอยู่ใกล้กับแพรไหมไม่เลิก มันส่ายหางไปมา แล้ววิ่งวนไปรอบ ๆ อยู่อย่างนั้น
"ลุงนวย ช่วยเรียกเจ้าหนมปังไปหาที"
"หนมปังเอ๊ย หนมปัง"
คุณลุงคนงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลผิวปากเรียก เพียงไม่กี่อึดใจเจ้าสุนัขเลี้ยงสัตว์ก็วิ่งไปหาลุงทันที
"หนมปังไปแล้ว"
"..."
"แพรไหม"
คนตัวเล็กเงยหน้ามามองเขาพร้อมกับสูดน้ำมูก นิสัยไม่ดีเลยไรเฟิล แกทำน้องแพรไหมร้องไห้ในไร่แห่งนี้ไปถึงสองครั้งแล้วนะ
"ใจร้าย นิสัยไม่ดี"
ไรเฟิลสาวเท้าเข้าใกล้ สองแขนอ้าออกกว้างแล้วโอบรอบตัวอีกคนมาไว้ในอ้อมกอด ทั้งที่น้ำตาของแพรไหมยังไหลริน
"น้องแพรบอกว่ากลัว แต่พี่ไรเฟิลไม่ฟังเลย"
แพรไหมต่อว่าเขาเสียงสะอึกสะอื้น
"พี่ขอโทษ"
"เห็นว่าน้องแพรชอบแล้วจะใจร้ายใส่ยังไงก็ได้งั้นเหรอ"
สองมือยกขึ้นทุบไหล่อีกคนไม่ยั้ง เธอกำลังโมโหและกลัวในเวลาเดียวกัน แพรไหมเป็นคนกลัวสัตว์อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่ารังเกียจ แต่มันคือการกลัว กลัวว่าจะโดนสัตว์เหล่านั้นทำร้าย เพราะเธอคุยกับมันไม่รู้เรื่อง
"งอนแล่ว"
"..."
"คนนิสัยไม่ดี"
แพรไหมผลักเขาออกแล้วยกมือเช็ดน้ำตาลวก ๆ เธอเดินหนีเขา ไม่ใช่ว่ารู้ทุกพื้นที่ของไร่แล้ว แต่แพรไหมคิดว่าเดินตามทางไปเรื่อย ๆ ก็คงจะถึงบ้าน
"แพรไหม"
ไรเฟิลเดินตามหลังมาติด ๆ เขาขอโทษไปแล้ว และไม่ได้คิดอย่างที่แพรไหมกล่าวหาสักหน่อย เห็นว่าชอบเลยใจร้ายใส่งั้นหรือ เขาไม่ได้คิดแบบนั้นสักนิดเดียว ก็แค่อยากแกล้งคนดื้อเล่น ๆ เท่านั้นเอง อุตส่าห์หนีมาได้แล้วแต่เธอก็ยังตามมาจนได้ เขาก็แค่หมั่นไส้นิดหน่อยเท่านั้นเอง
โอเค ยอมรับก็ได้ว่าเขานิสัยไม่ดี
"พี่ขอโทษ"
"..."
"สัญญาก็ได้น้องแพรไหม พี่สัญญาว่าจะไม่แกล้งอีก"
แพรไหมหันกลับมามองร่างสูงตาเขียวปั๊ด ยอมรับแล้วเหรอว่าแกล้งเธอ
"ดีกัน"
ให้ตายสิไรเฟิล แกกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ไม่เป็นตัวของตัวเองเลยนะ มีอย่างที่ไหนมายืนชูนิ้วก้อยหน้าตาเศร้าสร้อยขอความเห็นใจอยู่ต่อหน้าน้องแพรไหมแบบนี้
รู้ถึงหูยัยเฟิร์นน้องสาวสุดที่รักต้องหัวเราะเยาะเขาแน่เลย
"สัญญา ว่าจะไม่ทำอีก"
ร่างเล็กสูดน้ำมูกพร้อมกับยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกลวก ๆ เธอถอนหายใจแล้วรีบหันหลังให้เขาโดยพลัน
ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวว่าการแอบยิ้มของเธอจะทำให้พี่ไรเฟิลเห็นมันยังไงล่ะ
"น้องแพรไหมคะ"
ไรเฟิลเองก็รีบเดินมาหยุดยืนต่อหน้าเธอเช่นเดียวกัน อาการแบบนี้มาอีกแล้ว อาการที่เห็นน้ำตาน้องแพรไหมแล้วทำให้เขาใจไม่ดี
"ดีกันนะคะ พี่จะไม่ทำอีก รู้แล้วว่าน้องแพรกลัวสัตว์"
แพรไหมพยักหน้าช้า ๆ ยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับเขาในที่สุด
"สัญญาแล้วนะคะ"
"ด้วยเกียรติของเจ้าของไร่"
ไรเฟิลพูดติดตลก แต่คนตรงหน้าไม่ได้ตลกด้วย ร่างเล็กยังมองเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง จมูกรั้น ๆ นั่นแดงเถือกไปหมด
แค่เกี่ยวก้อยคงไม่พอสินะ
ร่างสูงรวบตัวอีกคนเข้ามากอด มือข้างที่เกี่ยวก้อยเมื่อครู่ลูบผมนุ่มสลวยและหอมกรุ่นนั่นช้า ๆ เขาเพียงแค่ต้องการปลอบประโลมแพรไหมเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงเลยสักนิด ไม่มีเลยสักนิดจริง ๆ นะ
"เมื่อเช้าไปไร่ชามาเป็นยังไงบ้างคะ"
ไรเฟิลเปิดบทสนทนาเพื่อหวังให้แพรไหมคลายความกลัวไปบ้าง
แต่อีกคนกลับกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม พี่ไรเฟิลบทจะน่ารักก็เล่นเอาหัวใจแทบละลาย อย่ามาพูดคะขาได้ไหม หัวใจจะวายแล้วเนี่ย
"ยัยเฟิร์นบอกว่าชาที่ดีต้องเก็บตรงยอดอ่อนค่ะ เก็บตรงยอดที่มีสองสามใบ"
"อือฮึ"
"แต่น้องแพรเก่งกว่านั้น เพราะน้องแพรเด็ดสุดยอด"
ไรเฟิลดันร่างเล็กออกทันทีที่แพรไหมพูดจบประโยค เอาล่ะไรเฟิล น้องแพรคงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ มีอารมณ์มาเล่นมุขได้ขนาดนี้แล้ว ก็ถือว่าน้องแพรไหมกลับมาเป็นปกติ
มุขแบบนี้ขอซื้อไปทิ้งได้ไหมนะ คราวที่แล้วก็เด็ดเกิน คราวนี้ก็เด็ดสุดยอด เชื่อแล้วจ้าว่าเด็ดจริง ถ้าไม่เด็ดจริงคงไม่ทำให้เขารู้สึกผิดขนาดนี้หรอก
แพรไหมกลับมาทำอาชีพเดิมแล้วสินะ นั่นคือคนขายขนมครกยังไงล่ะ เพราะขยันหยอดเหลือเกิน แม้เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานก็ยังมีอารมณ์มาหยอด
เขาเนี่ยเป็นห่วงแทบบ้า