บทที่ 7 อย่าให้ความหวัง

3810 คำ
                                                                                        บทที่ 7                                                                                 อย่าให้ความหวัง                                                             'อยากให้เธอเมา เมาที่รอง...มองที่เรา'               ตลอดทั้งบ่ายไรเฟิลก็ถูกน้องแพรไหมตามต้อย ๆ เช่นเดิม และที่เพิ่มเติมคือเจื้อยแจ้วมากขึ้น             "พอก่อนน้องแพร หยุดถามก่อน พี่พูดจนคอแห้งไปหมดแล้ว"             "ไปดื่มน้ำกันดีกว่าค่ะ"             บ่ายนี้ไรเฟิลพาน้องแพรไหมมาที่ไร่สตอว์เบอร์รี่ที่อยู่ตรงทางขึ้นเขา ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตำแหน่งที่เธอหน้าจิ้มโคลนในวันแรกสักเท่าไหร่              แม้ว่าพื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้จะรายล้อมไปด้วยต้นสตอว์เบอร์รีมากมาย แต่ก็ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ และวันนี้ไรเฟิลจะนำต้นสตอว์เบอร์รีล็อตใหม่มาลง เนื่องจากล็อตเก่าเขาเพิ่งให้คนงานรื้อทิ้งไป เพราะพวกนั้นแก่จนไม่สามารถให้ผลผลิตได้แล้ว             ตั้งแต่มาถึงแพรไหมไม่หยุดพูดเลยสักนิด ถามนั่นถามนี่ แถมยังเล่าเรื่องตัวเองตอนเรียนอยู่เมืองนอกให้ฟังอีกต่างหาก             ใครอยากรู้กัน             "น้องแพรไหมใจดีหรือเปล่าคะ"             "บ้า มาถามดูใจกันได้ยังไง คนทะลึ่ง"             ไรเฟิลเกาหัวแกรก ๆ แค่ถามว่าใจดีหรือไม่ แพรไหมคิดไปถึงไหนเนี่ย ใครกันแน่ที่ทะลึ่งลามก             "เรื่องแบบนี้ต้องดูกันสองคนนะคะ"             แพรไหมขยิบตาให้หนึ่งที ก็มีเสน่ห์อยู่หรอกนะ แต่จะมาขยิบอะไรเวลานี้กันเล่า ยัยต๊องเอ๊ย             "เฮ้อ ไปกินน้ำดีกว่า"             ร่างสูงส่ายศีรษะอย่างเอือมระอาแล้วเดินผ่านหน้าแพรไหมไป เขาแค่จะถามว่าแพรไหมใจดีหรือไม่ ถ้าใจดีก็ช่วยไปตักน้ำเย็น ๆ มาให้ดื่มสักแก้วหน่อย แต่แพรไหมคิดไปถึงเรื่องไหนก็ไม่รู้             "รู้หรอกน่าว่าจะใช้น้องแพรไปตักน้ำมาให้ดื่ม"             "..."             "พี่ไรเฟิลคนเก่งรออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวน้องแพรไหมไปหาน้ำมาให้"             ก็รู้นี่ว่าเขาจะใช้ ไปตั้งแต่ทีแรกก็สิ้นเรื่อง พล่ามนู่นนั่นนี่อยู่ได้ เขาปวดหัวกับแพรไหมเพราะเรื่องแบบนี้แหละ             แพรไหมเดินไปยังตำแหน่งที่มีกระติกน้ำตั้งอยู่ แม้ไม่พึ่งน้ำแข็งแต่น้ำก็ยังเย็นอยู่ดี เนื่องจากบรรยากาศค่อนข้างเย็นเพราะเป็นฤดูหนาว             ที่นี่มีกระท่อมหลังเล็กตั้งอยู่สองสามหลัง หรือเรียกอีกชื่อก็คือเพิงหมาแหงนนั่นแหละ เป็นที่ให้คนงานหรือนักท่องเที่ยวมานั่งพัก หรือถ่ายรูปสวย ๆ กัน เพราะหากมองขึ้นไปด้านบนจะเห็นเป็นเนินเขา และเยื้องไปทางด้านข้างไม่ไกลก็มองเห็นเป็นสวนดอกไม้ที่เธอตั้งใจมาในวันแรก แต่ก็ไม่สมหวัง              และวันนี้แพรไหมคิดว่าจะต้องไปเยือนให้ได้             "น้ำเย็น ๆ ค่ะ"             คนที่กำลังกลบดินให้ต้นสตอว์เบอร์รีหันมามอง แพรไหมไม่ได้ตักน้ำใส่แก้วมาให้ แต่คนตัวเล็ก ๆ หิ้วกระติกน้ำที่ไม่เล็กไม่ใหญ่มาให้เขาแทน             "น้องแพรกลัวว่าพี่ไรเฟิลจะไม่อิ่มก็เลยหิ้วมาทั้งกระติกเลย"             โอเคถือว่าฉลาดหน่อย แต่ก็ยังฉลาดน้อยอยู่ดี ทำไมน้องแพรไม่ถามเขาก่อนว่าดื่มน้ำหนึ่งแก้วพอหรือเปล่า             "ทำไมไม่ถามพี่ก่อนว่าจะดื่มกี่แก้ว"             "น้องแพรว่าเอากระติกมาตั้งไว้ตรงนี้ดีกว่าค่ะ เพราะว่าจะได้ไม่ต้องเดินไปดื่มไกล"             "แล้วน้องแพรดื่มหรือยังคะ"             "ยังค่ะ"             เธอไม่หิวหรอก ให้พี่ไรเฟิลดื่มก่อนเถอะ เพราะเธอก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากยืนมองเขาทำแล้วเจื้อยแจ้วเท่านั้นเอง             แพรไหมวางกระติกน้ำลงแล้วนำแก้วตักน้ำมายื่นให้เขา             "ดื่มก่อนพี่เลย"             "ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไรเฟิลดื่มเลย ดูสิเหงื่อไหลแล้วนะ"             มือเล็กดึงแขนเสื้อแขนยาวลงมาจับไว้ให้มั่นแล้วยื่นมาซับเหงื่อตรงแก้มให้เขา              เดี๋ยวก่อนนะน้องแพรไหม อากาศเย็น ๆ แบบนี้ แดดก็ไม่มีเขาจะมีเหงื่อได้ยังไง แม้จะทำงานอยู่กลางแจ้ง แต่บรรยากาศแบบนี้ต่อให้วิ่งแข่งร้อยเมตรเหงื่อก็ไม่ไหลหรอกนะ             หลอกแต๊ะอั๋งเขาอีกแล้ว รู้ทันหรอกน่ายัยดอกเตอร์             "เหงื่อเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ"             "ใช่ค่ะ"             คราวนี้เสื้อที่แพรไหมจับเมื่อครู่ถูกปล่อยออก ร่างเล็กใช้มือเปล่า ๆ ลูบไปตามแก้มเขาแทน             "จริงเหรอคะ"             "จริงที่สุดในโลกเลยค่ะ"             ลิงหลอกเจ้าเหลือเกินนะน้องแพรไหม อยากเช็ดเหงื่อให้เขามากนักใช่ไหม งั้นได้เลย พี่ไรเฟิลคนนี้จะจัดให้ตามใจปรารถนา             "งั้นขอยืมเสื้อน้องแพรเช็ดเหงื่อหน่อยนะคะ"             ไรเฟิลก้มหน้าลง สองมือคว้าชายเสื้อของน้องแพรไหมมาเช็ดให้ทั่วหน้า คนตัวเล็กร้องกรี๊ดกร๊าดเพราะโดนแกล้ง จะผลักเขาออกก็ไม่ได้เพราะมือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำอยู่             "พี่ไรเฟิล พอแล้วค่ะ"             "เหงื่อยังไม่หมดเลย"             ร่างสูงถูแก้มซ้ายแก้มขวาลงกับชายเสื้อไม่ยั้ง             "หมดแล้ว"             "ยัง น้องแพรบอกว่าเหงื่อพี่ออกเยอะไม่ใช่เหรอ"             "ไม่มีสักหน่อย"             "อะไรนะ!"             ไรเฟิลหยุดการกระทำ แพรไหมก็นิ่งอึ้งเช่นเดียวกัน ถูกจับได้แล้วสินะยัยแพรไหม             "เมื่อกี้นี้น้องแพรไหมพูดว่าอะไรนะคะ"             ร่างสูงจงใจจ้องหน้าน้องแพรไหม ต่อให้น้ำเสียงจะอ่อนหวานมากแค่ไหน แต่สายตาคาดคั้นของเขาก็ทำเอาแพรไหมเสียวสันหลังวาบ             "พี่ไรเฟิลไม่มีเหงื่อค่ะ"             "แล้วที่เช็ดเหงื่อให้พี่เมื่อกี้..."             ไรเฟิลเลิกคิ้วถาม เอาล่ะน้องแพรไหม ยอมรับมาซะดี ๆ ว่าแอบแต๊ะอั๋งเขา             "น้องแพรโกหก"             "อยากจับแก้มพี่เหรอคะ"             "ค่ะ"             แพรไหมช้อนสายตามองเขาอย่างน่ารัก แต่ไม่ใช่ในสายตาของเขา เอาเป็นว่าน่ารักในสายตาของเจ้าไส้เดือนที่กำลังทำหน้าที่พรวนดินให้เขาอยู่ก็แล้วกัน             "ทำไมไม่บอกดี ๆ ล่ะคะ"             "พี่ไรเฟิลจะให้น้องแพรจับเหรอคะ"             รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าแทนความกังวลเมื่อครู่             "ไม่!"             "..."             "จะลงโทษที่บังอาจมาคิดมิดีมิร้ายกับแก้มพี่"             "ก็แก้มพี่ไรเฟิลฟู๊ฟูนี่คะ"             "แก้มน้องแพรก็ฟู พี่ไม่เห็นอยากจับเลย"             "อะนี่ น้องแพรให้จับ"             ได้ยินดังนั้นแพรไหมก็ยื่นแก้มไปใกล้เขาทันที ที่แท้ก็แอบมองแก้มเค้าอยู่เหมือนกันล่ะสิ ไอ้คุณพี่ไรเฟิลคนซึนเอ๊ย             "ไม่จับ เอาน้ำมาเถอะ ขืนคุยต่อพี่คงคอแห้งตาย"             แพรไหมยื่นน้ำในแก้วให้เขา และไรเฟิลก็รับมาดื่มอย่างไม่อิดออด              "ชื่นใจ"             น้ำเย็น ๆ ช่วยให้ร่างกายที่กระหายน้ำเมื่อครู่ได้ผ่อนคลาย และพอไม่ได้คุยกับแพรไหมเขาก็หายปวดหัวทันที             เอางี้ดีกว่า ไหน ๆ แพรไหมก็จะตามเขาไปทุกที่แล้ว ลองพาไปในที่ที่พูดคุยกันไม่ได้จะดีกว่า             "ไปรอที่กระท่อมนะ กลบดินเสร็จเดี๋ยวพี่จะพาไปตกปลา"             "ว้าวววววว"             แพรไหมดวงตาวาวโรจน์อย่างตื่นเต้น ตอนนี้เธอเป็นสาวชาวไร่เต็มตัวแล้วสินะ พี่ไรเฟิลบอกจะพาไปตกปลาด้วย แสดงว่ายอมรับเธอแล้ว             ยอมรับในตัวแพรไหมแล้ว เมื่อไหร่จะยอมรับรักน้องแพรไหมสักทีล่ะคะ             "เดี๋ยวน้องแพรทำช่วยนะคะ จะได้เสร็จเร็ว ๆ "             "ไม่เอาเดี๋ยวมือเปื้อน"             เขาเป็นห่วงแพรไหมเรื่องนี้จริง ๆ จากที่เคยจับมือกับแพรไหม ไรเฟิลก็ได้รู้ว่ามือเล็ก ๆ นั่นนุ่มนิ่มและบอบบางเพียงใด หากมาจับดินจับหินเขาก็เกรงว่าแพรไหมจะได้รับบาดเจ็บ             "ไปนั่งรอ"             "แต่ว่า..."             "อยากทำเหรอ"             "ค่ะ"             "ถ้าจะกลบดิน พี่ไม่ให้ไปตกปลาด้วย"             "..."             "เลือก"             ไรเฟิลสั่งเสียงเด็ดขาด             แพรไหมย่นจมูกใส่เขาอย่างน่าหมั่นไส้ ร่างเล็กเดินกระแทกเท้าไปนั่งลงตรงกระท่อมตามที่เขาบอกด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว             ไม่ให้เธอทำอะไรแล้วจะเป็นแฟนเจ้าของไร่ที่ดีได้ยังไงกันล่ะ             ต้องทำเป็นทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องด้วยสิถึงจะช่วยงานพี่ไรเฟิลได้             นั่งมองเขาได้สักพักแพรไหมก็เกิดง่วงเหงาหาวนอน เป็นเพราะบรรยากาศ และคงเป็นเพราะวันนี้ต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษ ความง่วงถึงได้เล่นงานเธออย่างนี้             คนตัวเล็กเอนหลังลงกับต้นเสาแล้วหลับไปในที่สุด หวังว่าพี่ไรเฟิลคงไม่แกล้งให้เธอนอนอยู่ที่นี่คนเดียวไปจนถึงค่ำหรอกนะ               "น้องแพรไหม"             ไรเฟิลสะกิดแขนเรียกคนตัวเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังหลับใหล เขาให้มานั่งรอไม่ได้ให้มานั่งหลับสักหน่อย             ตาเรียวเล็กแสนเสน่ห์พิศมองใบหน้าของน้องแพรไหมอย่างตั้งใจ             คิ้วโค้งสวยได้รูป แพขนตายาวและงอน แก้มนวลเนียนแดงปลั่ง ไม่ใช่เพราะเครื่องสำอาง แต่เป็นเพราะลมหนาวที่พัดผ่านที่ส่งผลให้แก้มขาว ๆ นั่นมีสีระเรื่อ ริมฝีปากจิ้มลิ้มพอสงบปากสงบคำแล้วช่างน่ารัก             เอาเป็นว่ารวม ๆ แล้วเขายอมรับว่าแพรไหมสวยมาก แต่จะสวยกว่านี้เป็นร้อยเท่าหากเธอจะมีกิริยามารยาทที่สุขุมและเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้มากกว่านี้อีกสักหน่อย              "แพร"             ไรเฟิลเอ่ยเรียกอีกครั้ง ครั้งนี้เขาพามือเรียวไปแตะลงตรงแก้มนุ่มเบา ๆ สาบานว่าไม่ได้ตั้งใจจะฉวยโอกาสนะ เขาแค่อยากรู้ว่าแพรไหมหนาวหรือเปล่า             และก็เป็นดังคาด แก้มนุ่มแผ่รังสีความเย็นออกมาทันทีที่เขาสัมผัส             "น้องแพรไหมคะ"             ในที่สุดคนหลับก็ลืมตาขึ้นมา              "หนาวเหรอ"             ไรเฟิลถามทันที เขากลัวว่าแพรไหมจะไม่สบาย ไม่ใช่ว่าเป็นห่วง แต่เป็นเพราะว่าหากแพรไหมไม่สบายขึ้นมาจริง ๆ คนที่ต้องดูแลคงหนีไม่พ้นเขาเป็นแน่             "เปล่าค่ะ อากาศกำลังดี"             ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สาวเท้าเดินนำหน้าคนที่เพิ่งตื่นไปขึ้นรถ และแพรไหมก็รีบวิ่งตามไปทันที             "ตกปลาที่ไหนเหรอคะ"             "บนฟ้ามั้ง"             "กวน"             "ก็น้องแพรถามคำถามกวนพี่ก่อนนี่คะ"             "น้องแพรไม่ได้กวนเลยค่ะ แค่ถามว่าตกปลาที่ไหน พี่ไรเฟิลก็แค่ตอบว่าสระน้ำอยู่ตรงนั้นตรงนี้ก็พอแล้ว ไม่เห็นต้องกวนว่าบนฟ้าเลย"             แพรไหมร่ายยาว คนเพิ่งตื่นใหม่ ๆ อารมณ์ย่อมไม่ดีอยู่แล้วยังจะมากวนอีก             "เหมือนเด็กเลย"             "..."             "ตื่นแล้วอารมณ์ไม่ดีเหรอเรา"             "ไม่ดีเพราะพี่ไรเฟิลกวนด้วยแหละ"             โอเคยอมแพ้ก็ได้ พี่กวนเองแหละจ้าน้องแพรไหม             "สระน้ำตรงไร่ชาไง"             ไรเฟิลยอมบอกในที่สุด บ่อน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับไร่ชา ความจริงแล้วบ่อน้ำตรงนั้นมีไว้เพื่อผันน้ำมารดต้นชาในตอนเช้า แต่ไรเฟิลเห็นว่าเมื่อมีน้ำก็ต้องมีปลาเขาจึงนำปลาหลายพันตัวมาปล่อยที่นี่เมื่อหลายปีก่อน             และแน่นอนว่าเมื่อถึงตอนนี้ปลาเหล่านั้นก็โตพอที่จะจับกินได้แล้ว              ไรเฟิลจะมาตกปลาที่นี่แค่วันที่เขาอยากขึ้นไปนอนแคมป์เท่านั้น              ตั้งแคมป์ที่ริมผาตรงจุดชมวิวของไร่ เผาปลาที่ตกมาได้กินเป็นอาหารค่ำ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว             "ตรงนี้มีปลาด้วยเหรอคะ"             "มีสิ พี่เอามาปล่อยเอง"             "แล้วตัวใหญ่หรือเปล่าคะ"             "ตัวเท่าช้าง"             "โหหหห ปลาอะไรคะเนี่ย"             แพรไหมถามหน้าตาตื่น นอกจากฉลามกับวาฬเธอก็ไม่เคยเห็นปลาชนิดไหนใหญ่เท่าช้างมาก่อนเลยนะ             "ปรากฏว่าล้อเล่น"             ไอ้พี่ไรเฟิล             ร่างเล็กค่อนขอดเขาในใจเมื่อพี่ไรเฟิลเฉลยให้เธอหายข้องใจ ล้อเล่นงั้นเหรอ ถึงว่าล่ะปลาอะไรจะตัวใหญ่ขนาดนั้นกัน             "ตามมาเร็ว อย่าซุ่มซ่ามตกลงไปในน้ำล่ะ"             "น้ำลึกกี่เมตรคะ"             "แปดเมตร"             "รู้หรอกน่าว่าล้อเล่น"             แพรไหมมองค้อนเขา อารมณ์ดีมาจากไหนนะ วันนี้พี่ไรเฟิลถึงได้แกล้งเธอบ่อยจัง             ไรเฟิลเดินไปหยิบอุปกรณ์สำหรับตกปลามา มีเบ็ดตกปลาหนึ่งอันและเหยื่อซึ่งก็คือหัวอาหารนั่นเอง แค่นี้ปลาก็กินแล้วล่ะ              "ห้ามพูดมาก เดี๋ยวปลาไม่กินเบ็ด"             ร่างเล็กพยักหน้าหงึกหงัก เธอเคยพูดมากที่ไหนกัน มีแต่เขานั่นแหละที่พูดเรื่อยเปื่อย             แพรไหมนั่งลงใกล้ ๆ เขา มองพี่ไรเฟิลกำลังตั้งใจกับการตกปลาในบ่อน้ำของเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พี่ไรเฟิลช่างมีเสน่ห์เหลือหลาย แม้แต่มองด้านข้างยังเห็นเลยว่าใบหน้าเขาเพอร์เฟ็ค เธอตกหลุมรักพี่เขาได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะเห็นรูปภาพ และยิ่งถอนตัวไม่ขึ้นเมื่อมาเจอตัวจริงของเขา             ทุกอย่างที่ประกอบเป็นพี่ไรเฟิล ทั้งงานที่เขาทำ และสิ่งแวดล้อมหลาย ๆ อย่าง ล้วนทำให้เธอตกหลุมรักได้โดยง่าย             "ได้แล้ว"             แพรไหมดีใจจนต้องร้องออกมาเมื่อพี่ไรเฟิลยกคันเบ็ดที่มีปลาตัวโตติดอยู่ขึ้นมา เย็นนี้อาหารที่จะได้รับประทานคงเป็นเมนูปลาสินะ และต้องอร่อยมากแน่ ๆ เพราะพี่ไรเฟิลเป็นคนหา             "ปลาตัวใหญ่จริงๆ เห็นไหมคะว่าพี่ไม่ได้ล้อเล่น"             "ใหญ่มากเลยค่ะ"             ไรเฟิลคิดว่าจะตกเพียงแค่สองตัวเท่านั้น คืนนี้เขาจะไปเผาปลากินที่แคมป์ แน่นอนยัยน้องแพรไหมต้องตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะงั้นคงต้องตกปลาสักสองตัว เขาหนึ่งตัว แพรไหมหนึ่งตัวก็แล้วกัน               หลังจากได้ปลาสองตัวตามที่เขาหมายมาดเอาไว้ไรเฟิลก็พากลับบ้านทันที เขาสั่งการให้คนตัวเล็กอาบน้ำและใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ตอนกลางคืนจะได้ไม่หนาวมาก             "จะพาน้องแพรไปไหนเหรอคะ"             "นอนแคมป์"             "ว้าววววว"             "อยากไปหรือเปล่า"             "อยากไปสิคะ น้องแพรอยากไปที่สุดเลย"             แพรไหมตื่นเต้นดีใจราวกับเด็ก ๆ วันนี้พี่ไรเฟิลใจดีจริง ๆ จะพาเธอไปนอนแคมป์ด้วยหรือนี่ น่ารักที่สุดเลย             งี้ก็แสดงว่าคืนนี้เธอจะได้นอนกับเขาสินะ             บ้าน่าพี่ไรเฟิล คิดอะไรกับน้องแพรไหมรึเปล่าเนี่ย             ทั้งคู่ใช้เวลาในการอาบน้ำไม่นาน แพรไหมอาบเสร็จก่อนไรเฟิลเสียอีก อาจจะเพราะตื่นเต้นดีใจวันนี้เธอจึงใช้เวลาในการชำระล้างร่างกายไม่นาน             "ไปกัน"             ไรเฟิลไม่รีรออะไรอีกต่อไป เมื่อลงมาถึงชั้นล่างของตัวบ้านและเห็นแพรไหมนั่งรออยู่ก่อนแล้วเขาก็เอ่ยปากชวนคนตัวเล็กขึ้นรถคันโปรดทันที             ใช้เวลาไม่นานไรเฟิลก็พาเธอมาถึงจุดตั้งแคมป์ชมวิวในที่สุด ที่นี่น่าจะเป็นพื้นที่ตรงหลังเขา เพราะมองลงไปเบื้องล่างและเบื้องหน้าไม่ใช่บ้านเรือน แต่ล้วนเต็มไปด้วยหุบเขาหลายลูกสลับซับซ้อนกันไปเรื่อย ๆ             นักท่องเที่ยวแม้จะมีไม่มากแต่ก็ยังพลุกพล่าน พื้นที่แห่งนี้เป็นของไรเฟิล แน่นอนว่าผู้คนเหล่านี้ล้วนเป็นลูกค้าของเขา             เต็นท์นอนที่สลักชื่อของไร่ถูกตั้งเรียงรายเอาไว้ นี่คงเป็นอีกหนึ่งบริการของไร่สินะ              ร่างสูงพาเดินลัดเลาะห่างจากผู้คนออกไปเล็กน้อย ในที่สุดก็ถึงจุดหมาย ลานเล็ก ๆ ตรงหน้าผา มีอุปกรณ์ทำครัวและเต็นท์นอนที่ถูกกางไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว             แพรไหมเดาว่าที่นี่คงเป็นที่ประจำของเขา             "นี่ที่เป็นที่นอนของพี่ไรเฟิลเหรอคะ"             "ใช่"             "มานอนที่นี่บ่อยหรือเปล่าคะ"             "ก็แล้วแต่อารมณ์"             "แสดงว่าวันนี้อารมณ์ดีเลยพาน้องแพรมาด้วย"             "เหอะ หลงตัวเองใหญ่แล้วนะเรา"             ไรเฟิลเคาะหน้าผากคนหลงตัวเองไปหนึ่งที              "ถ้าพี่มาคนเดียวไม่ว่ายังไงน้องแพรก็ตามมาด้วยอยู่ดีถูกไหมคะ"             "ถูกค่ะ"             "พี่เลยตัดปัญหาด้วยการพาน้องแพรมาด้วยซะเลย"             ถ้าเขามาคนเดียวแพรไหมก็ต้องหาวิธีตามมาด้วยจนได้ เพราะงั้นแบบนี้ถูกแล้ว ยัยน้องแพรไหมจะได้ไม่ไปรบกวนคนอื่นด้วยไง             พระอาทิตย์ตกไปแล้วตั้งแต่ตอนที่เธอนั่งรถมาที่นี่ ตอนนี้บนท้องฟ้าเริ่มมีดวงดาวขึ้นให้เห็นประปราย จะว่าไปแล้วก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ที่เธอไม่ได้มองท้องฟ้าอันเป็นที่รักแบบนี้              วันนี้ได้มองจึงทำให้แพรไหมรู้สึกสบายตาและสบายใจไปด้วยในเวลาเดียวกัน             หากเป็นคนอื่นคงทำงานและเก็บเงินอยู่เป็นปีถึงจะได้มีโอกาสมาเที่ยวยังที่แบบนี้ แต่พี่ไรเฟิลอยู่กับธรรมชาติ อยู่กับท้องฟ้าและดวงดาวตลอด อิจฉาเขาจัง             "ชาอุ่น ๆ "             ไรเฟิลก่อกองไฟตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะมัวแต่แหงนมองดวงดาวแพรไหมจึงไม่รู้ว่าตอนนี้น้ำที่เขาต้มเอาไว้เริ่มเดือดแล้ว             "ขอบคุณค่ะ"             แพรไหมรับแก้วมาถือไว้ เมื่อชงชาให้ตัวเองเสร็จสรรพไรเฟิลก็เตรียมเผาปลาสองตัวที่เขาตกมาได้เมื่อตอนเย็น             ดูเขาสิ มีเสน่ห์อีกแล้ว              ร่างเล็กลุกขึ้นจากตรงที่ตัวเองนั่งเมื่อสักครู่เพื่อที่จะย้ายตัวเองมานั่งอยู่ใกล้ ๆ เขา              ไรเฟิลขยับตัวเล็กน้อยเมื่อแพรไหมนั่งลงและเบียดร่างเข้ามาใกล้             "นี่ของพี่ไรเฟิลค่ะ"             แพรไหมดึงสร้อยข้อมือที่เขาซื้อมาวันนั้นออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เป็นสร้อยอีกเส้นที่มีจี้เป็นรูปหมีนั่นเอง             มือเล็กถือวิสาสะใส่ให้เขา และไรเฟิลก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด              ในตอนนี้แพรไหมรู้สึกดี รู้สึกดีจนเผลอคิดไปว่าพี่ไรเฟิลเองก็มีใจให้เธอเช่นเดียวกัน             สร้อยข้อมือคู่เส้นนี้ เธอให้เป็นพยานรักก็แล้วกันนะ             "เรามีของคู่กันแล้วนะคะ"             "พี่เป็นหมีเหรอ"             "ค่ะ พี่ไรเฟิลเป็นหมีซึน"             "น้องแพรไหมเป็นกระต่ายจอมป่วน"             ไรเฟิลต่อท้ายให้ และก็ได้รับเป็นการมองค้อนกลับมา เอาอีกแล้วนะ พี่ไรเฟิลหาว่าเธอเป็นยัยจอมป่วนอีกแล้ว             เมื่อใส่สร้อยข้อมือให้เขาเสร็จ แพรไหมก็วางศีรษะเล็กลงบนไหล่ของพี่ไรเฟิล ซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเธออีกเช่นเคย             "ดาวสวยจังเลยนะคะ"             แพรไหมเงยหน้ามองท้องฟ้า หากมองผ่านใบไม้ของต้นไม้ใหญ่ขึ้นไป จะเห็นได้ว่าดวงดาวสุกสกาวขนาดไหน เหมือนกันกับดวงไฟที่ประดับอยู่บนต้นคริสต์มาสไม่มีผิดเพี้ยน             "พี่เห็นจนชินแล้ว"             แต่ที่เขายังไม่ชินก็คือใบหน้าสวยยามต้องแสงนีออนและแสงของกองเพลิง             เมื่อต้องแสงสีส้มนวลใบหน้าของแพรไหมช่างสวยสดงดงาม ไรเฟิลตกลงไปในห้วงภวังค์ในที่สุด             ยิ่งเมื่อแพรไหมละใบหน้าจากท้องฟ้าและหันมามองเขาไรเฟิลยิ่งลมหายใจสะดุด             งดงามเหลือเกิน เกินจะเปรียบเปรยกับคำใด เทพธิดา...เหมาะสมหรือเปล่านะ             แม้ดวงตาของแพรไหมจะสะท้อนเปลวเพลิงที่เขาก่อเพื่อประกอบอาหาร แต่ไรเฟิลไม่ได้มองว่าร้อนแรงเลยสักนิด กลับกัน ยิ่งมองยิ่งหลงใหล ยิ่งมองยิ่งอยากเข้าใกล้ เหมือนสำนวนที่ว่าแมงเม่าบินเข้ากองไฟ             วันนี้ไรเฟิลขอเป็นแมงเม่าหน่อยเถอะ             และเมื่อเข้าใกล้จนหลงระเริง ริมฝีปากของทั้งคู่จึงแตะต้องกันเพียงบางเบา              ไรเฟิลรีบผละออกราวกับต้องของร้อน             "แพรไหม"             "..."             "พี่ขอโทษ"             "..."             "คือพี่ พี่...มะ ไม่ได้ตั้งใจ"             แพรไหมเบือนหน้าหนี เธอยอมรับคำขอโทษของเขาก็ได้ หากเขาจะขอโทษแล้วอธิบายว่าห้ามใจตัวเองไม่อยู่              แต่นี่เขาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจะจูบเธอแล้วมาแตะต้องกันทำไม             "ค่ะ"             แพรไหมพูดแค่นั้นแล้ววางแก้วชาลงกับพื้น จากนั้นก็ลุกขึ้น ร่างเล็กมุดเข้าไปในเต็นท์ ซุกตัวเข้าในผ้านวมผืนหนาแล้วหลับตาลงช้า ๆ             เธอกำลังทบทวนตัวเอง ทบทวนว่าทั้งหมดที่ทำไปมันถูกต้องแล้วหรือ ที่วิ่งตามเขาอยู่นี่มันคุ้มที่จะเสี่ยงหรือเปล่า             หรือว่าแท้จริงแล้วไรเฟิลมองว่าเธอเป็นคนใจง่าย อยากจะทำอะไรกับเธอก็ทำโดยไม่ต้องสนความรู้สึกของเธอเลยงั้นหรือ             "น้องแพรคะ"             เพียงไม่กี่อึดใจตัวปัญหาก็ตามมา ไรเฟิลสะกิดคนที่มุดตัวอยู่ในผ้านวมผืนหนาเบา ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะจูบแพรไหมเลยสักนิดเดียว             เพราะถ้าตั้งใจ เขาไม่หยุดอยู่แค่นั้นหรอก             "พี่ขอโทษ"             "เลิกขอโทษได้แล้วค่ะ"             ไรเฟิลเงียบ แล้วจะให้เขาทำอย่างไร ตอนนี้ได้แต่ขอร้อง อย่าให้แพรไหมร้องไห้เลย              "ถ้าไม่รักไม่ชอบ ก็อย่ามาให้ความหวังกันเลยค่ะ"             แพรไหมกระชับผ้าห่มให้เข้าที่ เธอไม่อยากเสวนากับเขาอีกแล้ว พี่ไรเฟิลใจร้ายกับเธอมาก              "อย่าร้องไห้ได้ไหมคะ"             ไรเฟิลก้มหน้าลง เขารู้สึกผิดจริง ๆ นะ แค่นี้ก็พอแล้ว ขืนแพรไหมร้องไห้เขาคงทนไม่ไหว ต้องโทษตัวเองอีกเป็นแน่ว่าดูแลเธอไม่ดี              หรือเขาจะแพ้น้ำตาของน้องแพรไหมกันนะ             "น้องแพรไม่ร้องหรอกค่ะ แค่หนาวก็เลยเข้ามาห่มผ้า"             "..."             "พี่ไรเฟิลไม่ต้องห่วงว่าน้องแพรจะร้องไห้หรอกนะคะ เพราะน้องแพรรู้อยู่แก่ใจว่าพี่ไรเฟิลไม่ได้คิดอะไรด้วย"             สุดท้ายแล้วก็ต้องทำเหมือนว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสินะ ดีแล้วแพรไหม เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ถือว่าซ้อมยอมรับความจริง ความจริงที่ว่าพี่ไรเฟิลไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม