บทที่ 1 ไอ้แดงลูกพ่อ

3511 คำ
                                                                                        บทที่ 1                                                                                 ไอ้แดงลูกพ่อ                                                         'ชามีไว้ชัก ส่วนคนที่อยากให้เป็นที่รักคือเธอ'               'ข้ามันลูกทุ่ง ข้านอนมุ้งสี่สาย ผูกด้วยเชือกจูงควาย เอนกายแล้วสิ้นลำเค็ญ...'             สมาร์ตโฟนที่วางอยู่บริเวณหัวเตียงแผดเสียงบทเพลงไพเราะเสนาะหูที่เคยดังมาก ๆ ในสมัยก่อนสนั่นก้องไปทั้งห้องตอนเวลาตีสามยี่สิบเก้านาทีพอดิบพอดี ปลุกให้ร่างเล็กที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มสะดุ้งสุดตัว ใครโทรมาตอนนี้กันนะ ตีสามแล้วด้วย ไม่หลับไม่นอนหรืออย่างไรกัน             "ไงแก"             "เบื่อ"             เฟิร์น หญิงสาวร่างเล็กผมสั้นประบ่าหน้าตาจิ้มลิ้มกรอกเสียงไปตามสายด้วยความงัวเงีย เมื่อดวงตาเรียวเล็กที่ลืมขึ้นได้เพียงครึ่งเดียวมองเห็นว่าผู้ที่ติดต่อเข้ามาเป็นใคร             "ตีสามเนี่ยนะ"             "คนไทยใครเค้านอน"             "งั้นฉันก็ไม่ใช่แล้วหนึ่ง" ปลายสายหัวเราะชอบใจเมื่อได้ยินเพื่อนสาวเอ่ยเช่นนั้น              "แกโทร.มาทำไม"             "ก็บอกว่าเบื่อไง"             "ก็แกเป็นคุณหนูขี้เอาแต่ใจไง"             "ไม่อยากเป็นคุณหนูแล้ว"             "แล้วคุณดอกเตอร์อยากเป็นอะไรคะ"             เพื่อนสาวร่างเล็กกลอกตาไปมาคล้ายกับว่าเบื่อหน่าย แต่ความจริงเฟิร์นไม่ได้คิดแบบนั้น เธอกำลังหาแว่นสายตาอันโปรดอยู่ต่างหาก             "แก"             "ว่า"             เฟิร์นหยิบแว่นมาสวมเมื่อหาเจอในที่สุด             "อยากมีผัว"             "ห๊ะ!"             ร่างเล็กอุทานเสียงหลง เธออุทานเสียงดังมากจริง ๆ ถ้ามีคนผ่านมาได้ยินคงต้องมีการเคาะห้องกันบ้างล่ะ เพราะห้องนอนของเธอไม่ได้เก็บเสียง และเวลาตีสามแบบนี้ก็เงียบสงัด             "หมายถึงอยากมีแฟน แหะ ๆ"             "คุณแม่ไม่ว่าเหรอ"             "แก ชั้นเรียนจนจบดอกเตอร์แล้วนะ แฟนสักคนยังไม่เคยมีเลย"             "ก็เลยอยากลองมีงั้นเหรอ"             "ถูกต้องแล้ว"             เพื่อนเธอมาไม้ไหนกันนะ จู่ ๆ ก็อยากมีแฟน             "มาไม้ไหนเนี่ย"             "ไม่ไม้ อยากมีจริง ๆ"             "แล้วมีคนที่ชอบยัง"             "แหะ ไม่มี"             ความจริงแล้วเฟิร์นติดต่อกับเพื่อนสนิทคนนี้ตลอดเวลา เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนปริญญาตรีจนถึงปริญญาโท และเฟิร์นก็หยุดแค่นั้น ส่วนเพื่อนสาวนามว่าแพรไหมต่อปริญญาเอก              เฟิร์นกลับมาทำงานช่วยพี่สาวที่ไร่ชา ครอบครัวเธอมีไร่ชาและไร่ส้ม รวมถึงรีสอร์ตด้วย เธอเรียนด้านกฎหมายจนถึงปริญญาโทที่ฝรั่งเศส และเพิ่งกลับมาช่วยกิจการของที่บ้านได้สองปีกว่า ๆ              น่าตลกที่คนชอบถามว่าเรียนจบมาตั้งสูงทำไมไม่ไปสอบเพื่อเป็นข้าราชการ ครอบครัวเธอออกจะร่ำรวย มีสมบัติมหาศาลที่ต้องดูแล หากจะให้เธอไปเป็นลูกจ้างคนอื่น เธอขอทำงานเป็นลูกจ้างของครอบครัวเธอดีกว่า อย่างน้อย ๆ ก็สบายใจ อยากจะทำเมื่อไหร่ก็ทำ อยากจะพักเมื่อไหร่ก็พัก เรื่องเงินเดือนน่ะเหรอ ครอบครัวเธอกินขาด             แล้วถามว่าเรียนมาทำไม ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า พ่อแม่เธอมีเงินส่ง และที่สำคัญ เรียนให้คนไม่ได้ส่งเสียสงสัยเล่น ๆ เฉย ๆ นี่แหละ             "มาเที่ยวบ้านชั้นสิ เผื่อหายเบื่อ"             "จริงด้วยสิ บ้านแกมีไร่ชานี่"             "บรรยากาศดีมากเลยนะ ช่วงนี้ฤดูหนาวด้วย"             "ภาคเหนือมีอะไรดี"             "พี่ไรเฟิลไงแก"               หญิงสาวร่างเล็ก ผิวขาวราวหยวกกล้วย คิ้วโก่งสีดำขลับโค้งอย่างสวยงาม ดวงตากลมโตรับกับแพขนตายาวและหนาส่งให้ดวงตายิ่งดูน่าใหลหลง จมูกโด่งคล้ายคนดื้อรั้น ริมฝีปากบางเฉียบเป็นรูปกระจับสวยงามถูกทาทาบด้วยลิปสติกสีชมพูดูอิ่มเอิบ ผมดำขลับดกหนายาวเลยไหล่ลงมานิดหน่อยพัดพลิ้วปลิวไสวเมื่อต้องลม             "แพรไหม"             เฟิร์นโบกมือทักทายเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้วส่งยิ้มให้             "ยัยเฟิร์น รอตั้งนานแน่ะ"             "โทษที พอดีมีทัวร์มาพักที่รีสอร์ตน่ะเลยออกมารับแกช้า"             แพรไหม ตัดสินใจจองตั๋วมาเชียงใหม่และเก็บกระเป๋าอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหน้าตาและโปรไฟล์ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นของดีของภาคเหนือ             พี่สาวที่เพื่อนสรรเสริญเยินยอให้ได้ยินบ่อย ๆ เมื่อครั้งยังเรียนอยู่ด้วยกัน แต่แพรไหมก็ไม่เคยได้เห็นหน้าคร่าตาของพี่สาวเพื่อนเลยสักครั้ง เพราะไม่ได้สนใจด้วยแหละมั้งว่าพี่สาวเพื่อนเป็นใคร มาจากไหน ทำอาชีพอะไร เวลาที่เพื่อนสาวเล่าเรื่องพี่สาวให้ฟังเธอก็ได้แต่เออออตามไป จำไม่ได้หรอกว่าเพื่อนพูดอะไรบ้าง             เหมือนเวลามีคนมาเล่าความลับให้ฟังนั่นแหละ ไม่ต้องกลัวว่าบอกเธอแล้วความลับจะรั่วไหล เพราะแพรไหมเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าใครพูดอะไรให้ฟังบ้าง             "ภาคเหนือมีอะไรดี"             "พี่ไรเฟิลไงแก"             บทสนทนานี้ทำให้แพรไหมได้เห็นของดีภาคเหนือเต็มตา เพื่อนสาวอย่างเฟิร์นที่พ่วงตำแหน่งน้องสาวของของดีส่งรูปภาพมาให้เธอดูเป็นคอลเล็คชั่น รวมถึงสาธยายโปรไฟล์ให้ฟังเกือบชั่วโมง  ทั้งเฟสบุ๊ค ไอจี ไลน์ เพื่อนสาวส่งให้เธอได้ส่องอย่างอิ่มเอมเปรมใจทั้งคืน ตั้งแต่ตีสี่จนถึงเจ็ดโมงเช้าเลยทีเดียว             หลายคนคงเคยถูกไอดอลเกาหลีตกเข้าด้อมเพียงแค่ได้เห็นหน้า แพรไหมเองก็เช่นเดียวกัน เธอถูกของดีภาคเหนือตกเข้าด้อมเพียงแค่เห็นหน้าเข้าให้แล้ว             คอลเลคชั่น 'ของดีภาคเหนือ' ที่เพื่อนสาวส่งมาให้ ทำให้แพรไหมรีบเก็บกระเป๋ามาที่นี่อย่างด่วนจี๋มณีแจ๋ว บอกแล้วไงว่าอยากมีแฟน และเธอก็ตกหลุมรักของดีเข้าให้แล้ว             ใบหน้าสวยเฉี่ยว เก๋ไก๋ เขาเป็นผู้หญิงนะแต่ช่างหล่อเหลา เห็นแวบแรกก็เกิดอยากถวายตัวเป็นพระชายาเสียแล้ว             ไม่ได้พูดเว่อร์ แต่แพรไหมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ              ขนาดนี่เป็นแค่รูปภาพตัวอย่างที่เพื่อนส่งมาให้ดูเท่านั้นนะ แต่แค่นี้แพรไหมก็โดนตกเข้าด้อมเป็นที่เรียบร้อย ถอนตัวไม่ขึ้น นอกเสียจากจะได้มาครอบครองเท่านั้น             "แกกินข้าวยัง"             "ยังเลย หิวจะแย่"             "โอเค ๆ กลับไปกินที่ไร่ก็แล้วกัน"             "นึกว่าแกจะพาแวะร้านเด็ดร้านดังเสียอีก"             "เสียใจจ้าคุณดอกเตอร์แพรไหม ไร่ชั้นน่ะเด็ดสุดแล้ว"             เฟิร์นขยิบตาให้หนึ่งทีเพื่อเป็นการการันตีว่าพูดจริง เพื่อนเธอเนี่ยขายตัวเองเก่งเหมือนกันนะ แต่ต้องยอมเค้าล่ะ เพราะแค่ขายของดีภาคเหนือภายในคืนเดียวเธอยังวิ่งแจ้นมาถึงที่นี่เลย             "เฟิร์น"             "ว่าไง"             เพื่อนสาวร่างเล็กที่กำลังสำรวจกระเป๋าสัมภาระของเธอหันมาเผชิญหน้า             "แกลืมอะไรไปรึเปล่า"             "หืม...ลืมอะไรเหรอ"             "ไม่เจอกันตั้งสองปี ไม่คิดถึงหน่อยเหรอ"             "อ่า...เราคุยกันเกือบทุกวันเลยนะ"             "ก็ชั้นอยากกอดเพื่อนหนิ ไม่เจอตั้งนาน"             เฟิร์นหัวเราะร่วน อยากกอดก็ไม่บอกตั้งแต่ทีแรก              สองสาวอ้าแขนออกกว้างแล้วกอดกันทันที ว่ากันว่าเพื่อนสนิทแค่มองตาก็รู้ใจ ไม่เจอกันนานแค่ไหนพอกลับมาเจอกันก็ยังสนิทได้เหมือนเดิม เหมือนกับตอนนี้ที่ทั้งแพรไหมและเฟิร์นคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ผลัดกันเล่าเรื่องของตัวเองและเรื่องในแชทที่เคยคุยกันไม่หยุด พูดได้ว่าน้ำลายฟูมปากกันเลยทีเดียว 'ไร่ชาไรเฟิล'             "ชื่อพี่แกหนิ"             "ช่าย ตอนแรกคุณปู่จะให้พ่อชื่อไรเฟิล แต่คุณย่าไม่ยอม พอเริ่มทำไร่ชาคุณปู่ก็เลยแก้แค้นคุณย่าด้วยการตั้งชื่อไร่ชาว่าไรเฟิลซะเลย แถมยังบอกให้คุณพ่อตั้งชื่อหลานคนแรกว่าไรเฟิลด้วย"             "ดูคุณปู่ของแกจะฝังใจกับไรเฟิลมากนะ"             "ท่านเคยเป็นอาสารักษาดินแดนน่ะ ตั้งแต่สมัยก่อนโน่นแหละ แม่นปืนมาก คงชอบปืนไรเฟิลเป็นพิเศษด้วยแหละมั้ง"             "พี่แกเลยได้ชื่อเท่ ๆ มาซะงั้น"             เฟิร์นพยักหน้าตอบรับ บทสนทนาเงียบลงเมื่อรถยนต์คันโก้แล่นผ่านเขตของไร่เข้ามา แพรไหมมองไปสุดลูกหูลูกตา ถ้าให้ประมาณก็คงหลายร้อยไร่เลยก็ว่าได้ ที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้สีเขียวที่เรียกว่าต้นชา             "โห ใหญ่จัง"             "อยากเป็นพี่สะใภ้ชั้นขึ้นมาแล้วล่ะสิ"             "อือ"             แพรไหมตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพื่อนรักหันมามองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะร่วน อะไรจะเข้ากันขนาดนั้น             "แกเห็นบนเขาลูกโน้นมั้ย"             เฟิร์นชี้ให้ดูเขาอีกลูกที่อยู่ถัดไปไม่ใกล้ไกลจากจุดที่ทั้งคู่อยู่มากนัก             "นั่นน่ะเป็นไร่ส้ม"             "จริงเหรอ อยากไปจัง"             "ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปดีกว่า"             ดูเหมือนว่าไร่ชาจะกินพื้นที่ภูเขาเกือบทั้งลูก ด้านล่างเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ซึ่งแพรไหมเดาว่าคงจะมีไว้สำหรับรดน้ำต้นชา เหนือสระน้ำขึ้นไปเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีไว้สำหรับขายของฝากและขายเครื่องดื่มรวมถึงขนมกินเล่นที่เรียกว่าของว่าง              ระหว่างเขาทั้งสองลูกเป็นรีสอร์ตที่มีบ้านพักหลังกะทัดรัดปลูกอยู่ไม่ห่างกันมากนัก บรรยากาศช่างสวยงามเหมาะแก่การชมวิวยิ่งนัก             เพื่อนสาวพาเธอขับรถผ่านทุกที่และเข้ามาถึงด้านบนของภูเขา ที่นี่คือบ้านหลังใหญ่ของเพื่อนสาว มองไกลออกไปอีกฟากหนึ่งเป็นเหมือนพื้นที่สำหรับเลี้ยงสัตว์ น่าอยู่ นั่นคือความคิดของแพรไหม             "นี่เรียกว่าอะไรเหรอ"             "ไส้อั่ว"             "ขอโทษนะแก ชั้นไม่ได้แบบ แบบว่าจะว่าอะไรนะ แต่ว่าแก...ช่วยตัดให้เป็นชิ้นก่อนเสิร์ฟได้มั้ย เสิร์ฟมาทั้งก้อนแบบนี้มันเหมือน..."             แพรไหมละไว้ในฐานที่เข้าใจ เธอไม่ได้รังเกียจนะ รสชาติของอาหารชนิดนั้นก็ดี ดีมาก ๆ ด้วย แต่ช่วยตัดให้เป็นชิ้น ๆ ก่อนเสิร์ฟหน่อยก็ได้ ใส่มาทั้งก้อนแบบนี้รูปร่างมันพิลึกนิดหน่อย             "เข้าใจ ๆ "             เฟิร์นหัวเราะร่วน ไม่แปลกที่แพรไหมจะมองไส้อั่วของเธอเป็นอย่างอื่น             "แต่อร่อยใช่ไหม"             "แน่นอน หอมสมุนไพร"             "ของฝากจากไร่แหละ"             "เอ่อ...ไร่ชาแต่มีของฝากเป็นไส้อั่วเนี่ยนะ"             "ใช่ ทำไมเหรอ"             "เปล่า"             แพรไหมตอบแล้วจิ้มไส้อั่วเข้าปาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเดินทางมาไกลแล้วยังไม่ได้รับประทานอาหาร หรือเป็นเพราะบรรยากาศของที่นี่ดีและอาหารอร่อย ที่ทำให้แพรไหมเจริญอาหารขนาดนี้             "อิ่มแล้ว"             "จะเติมอีกหรือเปล่า"             "ไม่ล่ะอิ่มแล้ว"             "อิ่มสิ แกกินจนหมดจานไปแล้ว ชั้นถึงได้ถามไงว่าจะเติมอีกหรือเปล่า"             "แหะ ๆ เจริญอาหารไปหน่อย"             "อยู่ที่นี่นาน ๆ น้ำหนักแกขึ้นแน่"             "ถ้าน้ำหนักขึ้นแล้วได้เป็นแฟนพี่ไรเฟิลมันก็คุ้มนะ"             เฟิร์นหันหน้ามามองเพื่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง             "เอาจริงดิ"             แพรไหมพยักหน้าหงึกหงัก ถ้าไม่จริงเธอจะมาที่นี่ให้เสียเวลาไปทำไม             "ว่าแต่...พี่แกไปไหนเหรอ"             "ชั้นว่าแกเอาของไปเก็บในห้องก่อนดีกว่าแล้วค่อยมาถามหาพี่ไรเฟิล"             "จริงสิ ยังไม่จองที่พักเลย มีห้องว่างเหลือหรือเปล่าเนี่ย"             "แกเป็นเพื่อนชั้น ชั้นไม่มีทางให้แกจองที่พักหรอก ห้องรับแขกบ้านชั้นยินดีต้อนรับแกเสมอ"             "เกรงใจจัง"             "หรือแกจะจอง"             "แหะ นอนห้องรับแขก"             แพรไหมยิ้มแหย ๆ ใครจะไปทิ้งโอกาสการได้นอนบ้านหลังเดียวกันกับพี่ไรเฟิลกันล่ะ             สองสาวช่วยกันหิ้วกระเป๋าที่ติดตัวมาสองสามใบของแพรไหมเข้ามาไว้ในห้องรับแขกของบ้าน              บ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่โตโอ่อ่า ชั้นล่างเป็นโถงกว้างและมีโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ จากรูปลักษณ์แพรไหมขอเดาว่าไม้ทั้งหมดในบ้านหลังนี้เป็นไม้สักทองของหายากและมีราคาที่สุดแสนจะแพง             "นี่ห้องพี่ไรเฟิล"             เฟิร์นชี้ให้ดูห้องทางฝั่งขวามือของบันได             "ฝั่งขวาทั้งหมดเลย"             "โห ทำไมใหญ่ขนาดนั้นล่ะ"             "ก็พี่เค้าใช้เป็นห้องทำงานไปในตัวด้วย เลยกินพื้นที่ฝั่งขวาทั้งหมดเลย"             แพรไหมพยักหน้าอีกครั้ง พี่ไรเฟิลอะไรนี่คงบ้างานน่าดูเลยสินะ เธอชักอยากจะเห็นตัวจริงเสียแล้วสิว่าเขาจะเป็นคนแบบไหน             "นี่ห้องชั้น และนั่นก็ห้องแก"             เฟิร์นชี้ห้องทางซ้ายสองห้องที่อยู่ติดกันให้เพื่อนสาวดู ห้องแรกเป็นห้องของเธอ ส่วนห้องที่สองเป็นห้องของแพรไหม             "แล้วห้องคุณพ่อคุณแม่ล่ะ"             "อยู่อีกหลัง"             แพรไหมตาโต บ้านหลังนี้ใหญ่โตแต่อยู่กันแค่สองคน ส่วนพ่อกับแม่อยู่อีกหลังงั้นหรือ พื้นที่ของเขาลูกนี้มีขนาดกี่ไร่กันแน่             "แกพักผ่อนก่อนนะ เดี๋ยวชั้นจะไปสำนักงาน มีอะไรก็ลงไปหาได้เลย อยู่ตรงข้ามกับบ้านนี่แหละ"             เมื่อเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแพรไหมก็ถูกเพื่อนสั่งว่าให้พักผ่อนเสียก่อน ตอนนี้เพิ่งบ่ายสาม และพี่ไรเฟิลจะกลับมาจากไร่ประมาณห้าโมงเย็น ดังนั้นถ้าแพรไหมอยากเจอก็ต้องพักผ่อนรออยู่ในนี้ไปก่อน             แต่นั่ง ๆ นอน ๆ สำรวจที่พักได้เพียงแค่ชั่วโมงเดียว คนเบื่อง่ายอย่างแพรไหมก็เกิดอาการเบื่อหน่าย เธอเห็นว่าที่ทางขึ้นเขามีสวนดอกไม้ ดังนั้นแพรไหมคิดว่าจะขอเพื่อนสาวไปถ่ายรูปเล่นที่นั่นก่อน รอพี่ไรเฟิลกลับมายังไงล่ะ             "เฟิร์น"             "ว่าไง แกไม่พักผ่อนก่อนเหรอ"             "พักแล้ว แต่เบื่อ เห็นสวนดอกไม้ที่ทางขึ้นเขา ขอไปเดินเล่นฆ่าเวลาได้ไหม"             เฟิร์นหันมองซ้ายทีขวาที เอาไงดีล่ะเธอติดงานอยู่ ลูกค้ามารอเช็กอินเข้าที่พักเต็มเลย คงปลีกตัวหนีไปไหนไม่ได้แน่ ๆ              "แกรอแป๊บนึง เดี๋ยวขอเคลียร์ลูกค้าก่อน"             "ไม่เป็นไรแกทำงานเถอะ ชั้นไปคนเดียวได้"             "ไม่ได้!"             "เฟิร์น ชั้นโตแล้ว และที่สำคัญลูกค้าแกจะงับหัวชั้นอยู่แล้วเนี่ย"             แพรไหมกระซิบกระซาบ ลูกค้าบางรายส่งสายตามามองเธออย่างสงสัย เพื่อนสาวกำลังทำงานอยู่แต่เธอดันมาขัดจังหวะเสียก่อน ทำให้ในตอนนี้แพรไหมคิดว่าต้องมีคนหงุดหงิดและพร้อมจะงาบหัวเธออย่างแน่นอน             "งั้นแกไปก่อน เดี๋ยวชั้นตามไปทีหลัง"             "โอเค บาย"             ตกลงตั้งแต่ตอนแรกก็สิ้นเรื่องแล้ว เพื่อนเธอจะห่วงอะไรนักหนา เธอใช้ชีวิตคนเดียวในต่างประเทศตั้งสองปีเชียวนะ เพราะงั้นแค่ไปเดินชมสวนดอกไม้คนเดียวเพียงไม่กี่ชั่วโมงคงไม่เป็นอะไร             แพรไหมเดินออกมาด้านนอกก็พบกับจักรยานสีแดงคันงามที่ถูกจอดทิ้งไว้อย่างไม่มีใครไยดีอยู่ข้าง ๆ สำนักงานของเพื่อนสาว              จะว่าไม่มีคนสนใจก็ไม่เชิง เพราะสถานที่จอดของจักรยานคันงามค่อนข้างที่จะเป็นส่วนตัว แต่ยังไงก็ตาม เธอขอยืมไปใช้ก่อนก็แล้วกัน             ร่างเล็กเดินตรงไปยังจักรยานคันสีแดง ขึ้นคร่อมและปั่นออกไปในทันที เป้าหมายคือสวนดอกไม้หลากสีที่กำลังแข่งกันอวดความงามอยู่ตรงทางขึ้นเขา ซึ่งก่อนหน้านี้เพื่อนสาวพาเธอขับรถผ่านมาแล้วนั่นเอง               "ก้าบ ก้าบ ก้าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง..."             แพรไหมปั่นจักรยานพร้อมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปด้วย บรรยากาศลมพัดเบา ๆ ดอกไม้ ต้นไม้ เสียงนกเสียงการ้องระงมทำให้แพรไหมรู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก             ร่างเล็กปั่นจักรยานสีแดงคู่ใจที่แอบขโมยมาไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็เข้าใกล้กับทุ่งดอกไม้งาม อีกเพียงโค้งเดียวเท่านั้นเธอก็จะได้ลงไปวิ่งเล่นในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ตามความคิดของตัวเองสมใจแล้ว             แต่ด้วยความเร็วของจักรยานที่กำลังลงเขา บวกกับด้านหน้าเป็นทางโค้ง และแพรไหมสังเกตเห็นว่ามีรถยนต์หนึ่งคันกำลังขับสวนมาทำให้ร่างเล็กเริ่มที่จะควบคุมจักรยานเอาไว้ไม่อยู่             และแน่นอนเมื่อแตะเบรก จักรยานที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ย่อมเสียหลักเป็นธรรมดาอยู่แล้ว             "ไม่นะ!"             รถยนต์คันใหญ่วิ่งเข้ามาใกล้ ยังไม่ทันได้แตะต้องโดนจักรยานด้วยซ้ำไป แพรไหมก็เลือกที่จะหักพวงมาลัยจักรยานของเธอลงข้างทาง ที่มีแต่หญ้า และ...โคลน             "เฮ้ย!"             "กรี๊ดดดดด"             โครมมมม             นั่นเป็นเสียงของร่างแน่งน้อยที่กระโจนลงโคลนตมอย่างเต็มรัก             ไรเฟิล แตะเบรกกะทันหันเมื่อเห็นว่ามีบางอย่างผ่านหน้ารถเขาไป และลอยละลิ่วลงในคูน้ำ ที่ไม่มีน้ำ มีแต่โคลนตม             ใครปล่อยลูกมาเล่นซนแถวนี้อีกแล้วนะ             "หนู"             คนที่นอนอยู่ในโคลนลืมตาขึ้นช้า ๆ แพรไหมมองเห็นว่าด้านบนเป็นคนที่เธอเคยเห็น เห็นเมื่อคืนยังไงล่ะ เธอจำเขาได้เป็นอย่างดี เพราะนอนดูรูปเขาทั้งคืน             "หนู"             น่ารักจัง เรียกหนูด้วย             "หนูคะ"             บ้าน่า คนผีทะเล เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็ปล่อยดาเมจคำหวานใส่เธอเลยเหรอ แบบนี้ในอนาคตอันใกล้ เธอคงได้หลงเขาหัวปักหัวปำเป็นแน่แท้             ไรเฟิลมองดูคนที่เกลือกกลิ้งอยู่กับโคลนตมจนแทบมองไม่เห็นหน้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเปื้อนไปด้วยโคลน มองเห็นเพียงแค่ลูกตาเท่านั้น              แต่เท่าที่เขาสังเกต ผู้หญิงตรงหน้าตัวเล็กนิดเดียว แม้ผมเผ้าจะยุ่งจนไม่เป็นทรงและเต็มไปด้วยโคลน แต่ความยาวก็เลยไหล่ลงมานิดหน่อยเขาจึงเดาได้ว่าเด็กคนนี้คงเพิ่งจะอยู่มัธยมปลายเองแหละมั้ง             "หนูคะ"             "..."             "หนู"             "..."             "หนูคะ"             "..."             "ยัยหนูโว้ยยยยย"             "อะไรวะ!...คะ"             แพรไหมขานรับอย่างตกใจอยู่ในที แต่เพียงเสี้ยววิเธอก็รู้สึกตัวได้ว่าพูดไม่เพราะเอาเสียเลยจึงได้รีบขานรับด้วยคำใหม่ จากนั้นก็บิดม้วนตัวเองอย่างเขินอายอยู่ในโคลน             ไรเฟิลยื่นมือมาให้คนตัวเล็กจับ เห็นทีคงต้องพาไปล้างตัวเสียแล้ว             "เป็นอะไรมากไหมคะ"             พูดหวานจัง             "ใจสั่นค่ะ"             มันรุนแรงขนาดนั้นเลยหรือ แค่ตกโคลนก็ทำให้ใจสั่น หรือว่าเด็กคนนี้จะเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วนะ ไรเฟิลคิดอย่างร้อนรน             "ไปหาหมอดีไหม ขึ้นมาเร็วเดี๋ยวพี่พาไปล้างตัวก่อน"             "ไปหาหลวงพ่อดีกว่าค่ะ จะได้หาฤกษ์งามยามดีของพิธีแต่งงานให้เราเลย"             "อะไรนะคะ"             "เปล่าค่ะ"             "มาสิเดี๋ยวพี่พาไปล้างตัว"             แพรไหมยื่นมือไปให้เขาจับ แม้จะทุลักทุเล แต่ในที่สุดเธอก็สามารถขึ้นจากโคลนได้              ไรเฟิลถอดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีเหลืองตัวนอกออก จากนั้นก็นำมาเช็ดหน้าให้ร่างเล็กตรงหน้า เพราะโคลนที่ติดอยู่เต็มไปหมด เขาเกรงว่าเด็กนี่จะหายใจไม่ออก             ร่างเล็กมองเขาด้วยสายตาเพ้อฝัน พอเห็นใกล้ ๆ ต่อให้ไรเฟิลจะเป็นผู้หญิง แต่เขาช่างหล่อเหลาราวกับเทพบุตร คิ้วโก่ง ดวงตาเรียวเล็ก จมูกโด่งและริมฝีปากบางเฉียบแต่ช่างดูอวบอิ่ม             แม้จะไม่เคยจูบ แต่แพรไหมกลับอยากจูบเขาเป็นคนแรก             เบาหน่อยแพรไหม เพิ่งเจอกันเองนะ             "จักรยานหนูล่ะ"             "อยู่ตรงนั้นค่ะ"             แพรไหมชี้ไปยังพงหญ้าข้างทาง ไรเฟิลมองตามทิศทางที่คนตัวเล็กชี้ไป เพียงแค่เห็นล้อที่บิดเบี้ยวและชี้ขึ้นฟ้าเขาก็จำได้ดีว่าจักรยานคันนี้ถูกนำมาจากไหน นี่ไม่ใช่จักรยานสาธารณะที่เขามีไว้ให้แขกนำไปปั่นฟรี ๆ แต่เจ้านี่เป็นของส่วนตัว และที่สำคัญเป็นของรักของหวงของเขา             "ไอ้แดงลูกพ่อ!"             แพรไหมยิ้มเจื่อน ๆ ในที่สุดเธอก็เจอเจ้าของจักรยานแล้ว เก่งจริง ๆ เลยแพรไหมที่ตามหาเจ้าของมันจนเจอ แต่ว่า...ไอ้แดงน่ะ มันไม่อยู่ในสภาพเดิมแล้วนะ มันเละตุ้มเป๊ะ พังไม่เป็นท่าเลยต่างหากล่ะ ฝีมือน้องแพรเองค่ะพี่ไรเฟิล แหะ ๆ   
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม