บทที่ 2 ไรเฟิลรับไม่ได้

3709 คำ
                                                                                            บทที่ 2                                                                                     ไรเฟิลรับไม่ได้                                                                 'เหนือคือภาค อยากได้เป็นแฟนมากคือเธอ'               ไรเฟิลมองดูสภาพของจักรยานคู่ใจของเขาพร้อมกับอ้าปากค้าง ยัยเด็กคนนี้เป็นใครกัน แล้วเหตุใดถึงเอาจักรยานของเขาออกมาปั่นได้             เฟิร์นไม่ได้เป็นหูเป็นตาให้กับเขาหรืออย่างไร ที่สำคัญจักรยานคันนี้ก็จอดอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวเสียด้วย แจ้งข้อหาบุกรุกดีไหมนะ             "มานี่เลย" ร่างสูงลากแขนเล็กให้เดินตามเขาไปอีกฝั่งของถนน คลองด้านนั้นมีน้ำขังอยู่เล็กน้อย อย่างน้อยก็คงจะช่วยล้างคราบโคลนที่ติดอยู่บนตัวเด็กคนนี้ออกได้แหละนะ ไรเฟิลคิดในใจ             เพราะอารมณ์ที่เริ่มขุ่นมัว จึงทำให้การพาคนตัวเล็กลงไปล้างน้ำเปรียบเสมือนการกระชากมากกว่า             ตู้มมมมม             ไรเฟิลโยนร่างเล็กลอยลิ่วลงในน้ำอีกครั้งหลังจากที่แพรไหมเพิ่งขึ้นจากโคลนมาหมาด ๆ             "ว้ายยยย"             "รีบล้างโคลนออกซะ"             คนที่อยู่บนบกสั่งเสียงเข้ม เขาเล่นบทพระเอกดิบเถื่อนก็ได้หรือนี่             นึกว่าจะพาไปล้างตัวที่บ้าน ที่ไหนได้ล้างตัวที่พี่ไรเฟิลบอกก็คือการโยนเธอลงในคลองน้ำนี่สินะ ทั้งดิบทั้งเถื่อนในเวลาเดียวกัน แพรไหมชอบมาก             "น้องแพรว่ายน้ำไม่เป็นค่ะ"             "ยืนขึ้น"             ไรเฟิลกลอกตา น้ำตื้นแค่หัวเข่าเท่านั้นเธอยังเล่นแง่กับเขาได้อีกหรือ แสบจริง ๆ เลยเด็กคนนี้             จากที่เป็นห่วงในคราแรก ตอนนี้ความรู้สึกหมั่นไส้เริ่มเข้ามาแทนที่เสียแล้ว             "กรี๊ดดด มีตัวอะไรไม่รู้ค่ะยั้วเยี้ยเต็มขาน้องแพรไปหมดเลย"             แพรไหมคิดหาหนทางพาเขาลงน้ำอย่างชาญฉลาด ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็ขอเอาด้วยคาถาคำโกหกหน่อยก็แล้วกัน             "เป็นอะไรมากไหม"             "ฮือออ ช่วยด้วยค่ะ กรี๊ดดดด มันไต่ขาน้องแพรแล้ว"             ไรเฟิลรีบก้าวตามลงมาในน้ำอย่างเร็วรี่ อาจจะมีปลาไหล ปลาตัวเล็ก ๆ หรือปลิงในน้ำก็ได้ใครจะรู้ และตอนนี้เขาก็ไม่อยากมีเรื่องกับแขกของที่นี่หรอกนะ             "ไหน ตัวอะไร"             "ไม่รู้ค่ะ ว้ายยยน่ากลัว"             แพรไหมอาศัยจังหวะที่เขาเข้ามาใกล้คว้าคอคนตัวสูงกว่าเอาไว้ แล้วกระโดดกอดเขาในทันที             "น้อง!" ไรเฟิลอุทานอย่างตกใจ ไม่มีคำว่าหนูอีกแล้วเหรอ คุณเจ้าของไร่เปลี่ยนสีเร็วจังเลยนะ             "น้องแพรกลัวค่ะ"             "ลงก่อน"             "ไม่!"             "บอกให้ลงไง มันหนักรู้หรือเปล่าเนี่ย"             ไรเฟิลคุยเอ่ยกับคนที่กระโดดกอดเขาด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย             "ไม่ลงค่ะ น้อง แพร จะ อยู่"             แพรไหมเน้นย้ำช้า ๆ ชัด ๆ ให้เข้าใจ             ไรเฟิลก้าวเท้าออกเดินหมายจะขึ้นไปบนบก แต่ทุกก้าวกลับทำได้ยากยิ่งเพราะมีลูกลิงเกาะอยู่ แถมเบื้องล่างยังมีแต่โคลนอีก ยิ่งทำให้เดินลำบากเข้าไปใหญ่             ไม่มั่นใจเหมือนกัน ว่าตอนนี้ปลิงอยู่ในน้ำหรือกำลังเกาะเขาอยู่กันแน่             "ว้ายยย"             แพรไหมอุทานอีกครั้ง เมื่อจู่ ๆ เสาหลักที่เธอเกาะก็โอนเอน ไรเฟิลที่เดินได้ยากยิ่งโดนโคลนดูดเท้าเอาไว้จนทำให้เขาสะดุด ทั้งคู่ล้มลงในน้ำอีกครั้ง คราวนี้แพรไหมกลืนน้ำสีกาแฟนั่นเข้าไปหนึ่งอึก เชื้อโรคจะเจริญเติบโตในท้องเธอไหมล่ะนั่น             "เฮ้ย!"             วันนี้เขาร้องเฮ้ยไปกี่ครั้งแล้วนะ             แพรไหมรีบยกมือขึ้นมาลูบหน้าลูบตาตัวเองออกพัลวัน น้ำที่ขังอยู่ถูกวักขึ้นมาล้างคราบโคลนออกจนหมดเกลี้ยง เพราะมัวแต่ง่วนอยู่กับการล้างหน้าตัวเองเธอจึงไม่เห็นว่าอีกคนกำลังทำอะไรอยู่             ไรเฟิลมองดูคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตะลึงพรึงเพริด เด็กตรงหน้ามีใบหน้าที่ช่างสวยงาม เขาจะเปรียบเทียบเธอกับสิ่งใดถึงจะดูคู่ควรนะ แต่ทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาช่างน่ามองยิ่งนัก             เมื่อล้างคราบโคลนออกแล้ว คนตัวเล็กก็เหมือนกับเงาะถอดรูปไม่มีผิด             "สวย"             "คะ?"             "มะ หมายถึงสายแล้วนะ"             "นี่มันค่ำแล้วต่างหากค่ะ"             ไรเฟิลกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาจะมาเสียอาการต่อหน้าเด็กมัธยมคนนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะไรเฟิล             "ฉันต้องไปทำงานต่อ และนี่ฉันก็สายแล้ว"             ร่างสูงเลือกที่จะโกหกออกไป             "น้องแพรขอโทษ"             คนตรงหน้าส่งสายตาออดอ้อนมาให้เขา ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นก็ได้ เธอจะรู้ไหมว่าเขากำลังเสียอาการอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน             ไรเฟิลลุกขึ้นยืน เท้ายาวก้าวเดินอย่างมั่นคงห่างจากเธอออกไปเรื่อย ๆ ไม่สนใจไยดีเธออีกต่อไปแล้ว ปล่อยไว้นั่นแหละ เพราะเธอทำให้เขามีอาการสับสนและควบคุมหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงไม่ได้ ดังนั้นไรเฟิลจึงเลือกที่จะเดินหนีเธอไปเสียดีกว่า             เขาต้องการไปตรวจดูสภาพรถจักรยานคู่ใจของเขา ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้              จากประสบการณ์ที่ไรเฟิลสั่งสมมาอย่างยาวนานนั้นทำให้เขารู้ว่า หากคนไม่เป็นอะไร แน่นอนว่ารถต้องเละแน่ และหากคนเป็นอะไร แน่นอนว่ารถจะอยู่ในสภาพดี แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กคนนี้ไม่เป็นอะไรเลย ไม่มีบาดแผลตามตัวสักนิดเดียว มีเพียงแค่รถจักรยานคันโปรดของเขาเท่านั้นที่ล้อบิดเบี้ยวกำลังชี้ขึ้นไปบนฟ้า             "แดงลูกพ่อ แกอย่าตายนะ"             นี่เป็นจักรยานที่เขาสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ บอกตามตรงว่าเขารู้มาว่าส่วนใหญ่แล้วจักรยานที่มีขายอยู่ตามร้านค้าทั่วไปถูกนำมาย้อมแมวขายทั้งนั้น              ทุกอย่างล้วนมีอายุการใช้งานกำหนดไว้ และจักรยานก็เช่นกัน ส่วนใหญ่จะใช้งานได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะถูกทิ้ง หรือผุพังไปตามกาลเวลา ดังนั้นเจ้าของมันจึงขายออกสู่ตลาดอีกครั้ง และแน่นอนว่าย่อมมีร้านรับซื้อของพวกนี้อยู่แล้ว เมื่อรับซื้อมาก็นำมาซ่อม ทาสี และส่งขายอีกครั้ง ทั้งหมดก็วนลูปอยู่แบบนี้แหละ             จักรยานคันนี้ไรเฟิลสั่งซื้อมาเมื่อเดือนที่แล้ว เขานำมาประกอบเองจนได้เป็นรูปร่างขึ้นมา และเรียกมันว่าไอ้แดง เพราะเป็นจักรยานสีแดงสด             ก่อนหน้านั้นเป็นคันสีเขียวมิ้น และสีดำตามลำดับ เมื่อครบกำหนดอายุของมันแล้วไรเฟิลก็จะนำไปบริจาคให้แก่เด็กในหมู่บ้านต่อไป             ที่สำคัญไรเฟิลเพิ่งปั่นมันได้สามสี่ครั้งเอง น่าเสียดายที่ไอ้แดงลูกชายสุดที่รักกำลังสิ้นอายุขัยและจากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียแล้ว             "เด็กนี่เอามาปั่นได้ยังไง"             "แพรเห็นมันจอดอยู่ข้างบ้านค่ะ"             ไรเฟิลสะดุ้งสุดตัว อะไรกัน ยัยนี่มาตั้งแต่ตอนไหน เขาอุตส่าห์พูดกับตัวเองเบา ๆ แล้วแท้ ๆ ยังได้ยินอีกหรือนี่ ชักไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าเด็กนี่เป็นคนหรือผี             แล้วจะเอาใบหน้ามาใกล้เขาทำไมเนี่ย เหม็นขี้โคลนจะแย่ เหม็นจนใจสั่นไปหมดแล้ว             "ฟังนะ จอดอยู่ข้างบ้านก็แสดงว่ามีเจ้าของ ทำไมหนูไม่ขออนุญาตก่อนล่ะคะ"             ร่างสูงกัดฟันกรอด ในใจเขาร้อนรุ่มไปด้วยไฟโทสะ แต่ต้องทำเป็นพูดหวาน ๆ กับคนข้าง ๆ เพราะต้องการรักษาน้ำใจ             "น้องแพรขอแล้วค่ะ"             "หนูขอกับใครคะ"             ถ้าเป็นลูกน้อง ไรเฟิลคิดว่าคงถูกตบกระบาลไปสักป้าบสองป้าบแล้วล่ะ โทษฐานที่พูดจาและทำหน้ายียวนกวนประสาท หรือจะเรียกอาการนี้ด้วยคำที่สุภาพและไพเราะก็คงต้องเรียกว่ากวนส้นตีน             "ขอในใจค่ะ"             เออ ขอในใจแล้วไงไรเฟิล แกจะโมโหไปทำไมวะ             กรามแกร่งถูกขบกัดจนเป็นสันนูนเด่น ไรเฟิลกำลังระงับอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้ภายในใจ ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้              ตอนนี้ไรเฟิลอยากระบายอารมณ์ด้วยการเตะ ต่อย กระโดดถีบกระสอบทรายที่ห้อยอยู่ใต้ต้นประดู่หลังบ้านเป็นที่สุด             หงุดหงิด หงุดหงิดกับคำพูดคำจา และหน้าตาสวยหวานที่แฝงไปด้วยความกวนประสาทของคนตรงหน้า แสบนักนะยัยคนนี้             "ขึ้นรถ"             "ไปไหนคะ"             แพรไหมส่งยิ้มไปให้เขาพร้อมกับถามคำถาม เธอกำลังดีใจที่จะได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปกับเขา ซ้อมเป็นนายหญิงของที่นี่ไปก่อนละกัน             ไรเฟิลไม่ได้สนใจคนตัวเล็กอีก เขาเดินจ้ำอ้าวไปคว้าเอาจักรยานคู่ใจ จับมันไว้ให้มั่นแล้วโยนโครมขึ้นรถอย่างไม่สนใจไยดี สภาพแบบนี้คงกลับมาใช้งานไม่ได้อีกแล้วแหละ นี่เขาต้องรออีกเกือบเดือนเพื่อให้จักรยานคันใหม่มาส่งงั้นหรือ หงุดหงิดชะมัด             "กลับ!"             แพรไหมยิ้มหน้าบานอีกครั้ง ไม่ได้สนใจมองดูหน้าถมึงทึงของคนตัวสูงเลยสักนิดเดียว ตอนนี้ไรเฟิลเหมือนไปกินรังแตนรังต่อมาทั้งเขาก็ไม่ปาน             "ไปไหน!" อะไรของเขา เดี๋ยวพูดเพราะเดี๋ยวพูดห้วน เธอตามอารมณ์ไม่ทันแล้วนะ พ่อพระเอกของเธอชอบเอาแต่ใจด้วยหรือนี่ เร้าใจเป็นที่สุด             "กลับบ้านไงคะ"             "ด้านหลัง"             "คะ?"             แพรไหมชะงักมือที่กำลังจะดึงประตูรถออกแล้วหันมามองหน้าเขาด้วยความสงสัย             "หนูต้องนั่งด้านหลังกับไอ้แดงนะคะ สภาพแบบนี้พี่ไม่ให้นั่งหน้าหรอกค่ะ"             เพล้ง!!!             ความมั่นหน้าแตกกระจายขยายเต็มพื้นถนน พี่ไรเฟิลดับฝันที่จะได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถของเธอลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี             เขาไล่เธอไปนั่งหลังกระบะกับไอ้แดงลูกชายสุดที่รักของเขางั้นหรือ             ใจร้ายชะมัด             ไรเฟิลเพิกเฉยต่อสายตาตัดพ้อและแก้มป่อง ๆ นั่น เขาเอี้ยวตัวเดินกลับไปเก็บเอาเสื้อลายสก็อตที่ถอดออกเช็ดโคลนให้คนตัวเล็กเมื่อหลายนาทีก่อน              ร่างสูงโยนมันขึ้นบนรถอย่างไม่ไยดีอีกครั้ง จากนั้นก็ก้มลงปลดตะขอกางเกงและถอดออก             "กรี๊ดดดดดด"             แพรไหมกรีดร้องเมื่อเห็นดังนั้น นอกจากดิบเถื่อนแล้ว พี่ไรเฟิลยังเป็นพวกชอบโชว์อีกหรือนี่ ไม่เอานะ อย่าค่ะพี่ไรเฟิล อย่าช้านะคะ             ไรเฟิลส่ายหน้าช้า ๆ อย่างเอือมระอา ดูเด็กนี่กรี๊ดสิ เอามือปิดตานะ แต่ก็ยังแหวกนิ้วออกแอบมองเขาอยู่ดี เนียนมากมั้ง             "กางเกงขายาวมันเปื้อนโคลน ไม่ต้องห่วง พี่ใส่กางเกงขาสั้นซ้อนมา ไม่เห็นหรอกน่า"             "ผิดหวังชะมัด"             "อะไรนะ"             "เปล่าค่าาาา แหะ"             แพรไหมยิ้มเจื่อน ๆ แล้วก้าวขึ้นรถตามคำสั่งของเขา แม้จะทุลักทุเล แต่ในที่สุดแพรไหมก็ขึ้นมาได้ เธอนั่งลงคนละฝั่งกับจักรยาน ให้ตายสิหนาวก็หนาว แต่พี่ไรเฟิลก็ยังจะให้นั่งด้านหลังอีกนะ              แฟนในอนาคตเธอช่างใจไม้ไส้ระกำ แต่ก็ดิบเถื่อนน่าค้นหา เธอตกหลุมรักพี่ไรเฟิลเข้าจริง ๆ จัง ๆ แล้วสินะ ออกตัวแรง ๆ ตรงนี้เลยว่าพี่ไรเฟิลต้องเป็นแฟนเธอในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน             ใครหน้าไหนก็สู้เธอไม่ได้ เพราะเธอออกตัวแรงมาก แรงจนหัวทิ่มโคลน               "ยัยแพร!"             เฟิร์นอุทานเรียกชื่อเพื่อนสาวเสียงหลง แพรไหมไปทำอะไรมานะ ทั้งเนื้อทั้งตัวถึงได้เต็มไปด้วยโคลนขนาดนี้              "แกโดนวัวขวิดมาเหรอ"             "บ้า"             เฟิร์นยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นว่าคนที่เดินตามหลังแพรไหมมาคือพี่สาวของตัวเอง              สภาพของไรเฟิลไม่ต่างกับแพรไหมมากนัก ท่อนบนมีโคลนติดเล็กน้อย ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงขาสั้นที่เปียกหมาด ๆ ดูทรงแล้วพี่สาวเธอน่าจะถอดกางเกงและเสื้อแขนยาวออกแล้ว             "พี่นี่แหละจะขวิดเฟิร์น"             "เอ่อ..."             "ขอโทษนะแก"             แพรไหมมองเพื่อนด้วยสายตาลุแก่โทษ             "เราให้เด็กคนนี้เอาจักรยานพี่ไปปั่นเล่นได้ยังไง"             "แกเอาไปเหรอ"             คนที่ถูกพูดถึงในหัวข้อสนทนาหัวเราะแห้ง ๆ แล้วพยักหน้ายอมรับผิดแต่โดยดี             "คือว่า..."             "น้องแพรผิดเองค่ะ พี่ไรเฟิลอย่าดุยัยเฟิร์นเลยนะคะ"             "ยัย?"             ไรเฟิลทวนคำอย่างสงสัย สองคนนี้รู้จักกันด้วยหรือ แล้วเหตุใดถึงได้เรียกขานสรรพนามด้วยความคุ้นเคยสนิทชิดเชื้อกันขนาดนั้น             "ลืมแนะนำเลย นี่แพรไหมค่ะ เพื่อนเฟิร์นเอง"             "ห๊ะ!"             ร่างสูงอุทานด้วยความตกใจ เด็กมัธยมคนนี้เนี่ยนะ เป็นเพื่อนของน้องสาว แล้วเฟิร์นก็อายุ 28 ปีแล้วด้วย ไม่จริงน่า             "จบดอกเตอร์จากฝรั่งเศสค่ะ"             บ้าไปแล้ว คนจบดอกเตอร์เค้าหน้าเด็กขนาดนี้เลยหรือ อายุ 28 นึกว่า 18              "สวัสดีค่ะพี่ไรเฟิล"             แพรไหมยกมือไหว้อย่างมีมารยาท แบบนี้ต้องได้ใจมาครึ่งนึงแล้วนะ ไปลามาไหว้ขนาดนี้ เธอนี่แหละคือต้นแบบของกุลสตรีศรีเชียงใหม่             "สะ สวัสดีค่ะ"             "แกไปทำไรมาเนี่ย"             "ตกโคลน"             "ห๊ะ! แล้วเป็นไรมากหรือเปล่าเนี่ย"             เฟิร์นหมุนตัวเพื่อนไปมาเพื่อสำรวจหารอยบาดแผลอย่างเป็นห่วง แต่ก็ไม่พบร่องรอยขีดข่วนอะไรนอกเสียจากโคลนที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวและเสื้อผ้า             แพรไหมยิ้มเจื่อน ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองไรเฟิล             "เด็กนี่ไม่เป็นไร แต่ไอ้แดงลูกพี่ตายไปแล้ว"             น้องสาวอ้าปากค้าง จักรยานคันนั้นน่ะพี่สาวเพิ่งซื้อมาเองนะ ของรักของหวงเสียด้วยสิ มาวันแรกก็ได้เรื่องเลยนะแพรไหม             "น้องแพรขอโทษ"             "ไปอาบน้ำเถอะเหม็นจะแย่"             "แพรก็เหม็นขี้โคลนจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้วค่ะ"             แพรไหมสังเกตตัวเอง พร้อมกับย่นจมูก เกิดมาจะสามสิบปีนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเหยียบโคลนเลยนะ             "เหม็นขี้หน้า"             ไรเฟิลทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไปโดยทันที ทิ้งให้คนที่มองตามหลังอย่างแพรไหมต้องอ้าปากค้าง             "เอ่อ...ไหวหรือเปล่าแก พี่ไรเฟิลก็แบบนี้แหละ"             "ปากหมา"             เฟิร์นยิ้มแห้ง บางครั้งก็พูดดีบางทีก็พูดร้าย นี่แหละพี่ไรเฟิล              "เร้าใจดีแก ชอบ"             เพื่อนสาวอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แพรไหมพูดจริงเหรอ ชอบจริง ๆ ใช่ไหมนี่ เธอนับถือเพื่อนสาวคนนี้มาก หากเป็นคนที่ผ่าน ๆ มา พอเจอสุนัขในปากพี่ไรเฟิลออกมาทักทายทีไรมีแต่ดิ้นเร่า ๆ ทนไม่ไหวกันทั้งนั้น                หลังจากขึ้นห้องชำระล้างคราบโคลนด้วยการอาบน้ำถูสบู่อยู่เกือบสองชั่วโมง เมื่อแน่ใจว่าสะอาดหมดจดดีแล้วแพรไหมก็เดินลงมาชั้นล่าง              ตอนนี้ดวงตะวันได้ลาลับไปแล้ว แสงไฟสีส้มนวลภายในบ้านถูกเปิดขึ้น              แพรไหมเดินผ่านห้องนอนของไรเฟิลลงมา เธอได้ยินเสียงพูดคุยอยู่ในนั้น แต่จับใจความไม่ได้ว่าเขากำลังคุยกับใคร และคุยเรื่องอะไรอยู่             "หาอะไรไปขอโทษพี่ไรเฟิลดีนะ"             ร่างเล็กยืนงุ่นง่านอยู่หน้าบ้าน เธอมองตรงออกไปยังเบื้องล่าง เห็นแสงไฟสีนวลเป็นทางยาว มองดูช่างให้ความรู้สึกดียิ่งนัก ผ่อนคลายคล้ายกับว่ากำลังยืนอยู่บนไหล่เขา หมอกจาง ๆ ยิ่งทำให้บรรยากาศโรแมนติกยิ่งขึ้น             "อ๊ะ เจอแล้ว"             แพรไหมมองเห็นดอกกุหลาบหนึ่งดอกที่บานชูช่ออยู่ตรงซุ้มทางเข้าบ้าน นี่ก็เย็นแล้วนะ ทำไมกุหลาบดอกนี้ถึงไม่หุบล่ะ             แล้วดูสีของกุหลาบดอกนี้สิ เป็นสีน้ำเงินอมม่วงด้วย ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแฮะ              มือเรียวเล็กเอื้อมไปจับก้านดอก ออกแรงหักดังเป๊าะ กุหลาบดอกงามก็หลุดติดมือมาแล้ว              "ไม่มีหนามด้วย พันธุ์อะไรนะ สวยจัง"             ร่างเล็กเปรยกับตัวเองเบา ๆ เธอยกกุหลาบดอกนั้นขึ้นจรดจมูกโด่งรั้น สูดดมกลิ่นหอมเย็นชื่นใจเข้าปอดแล้วเอี้ยวตัวเข้าบ้านไปทันที             เป้าหมายคือห้องของพี่ไรเฟิล กุหลาบดอกนี้จะเป็นของที่เธอนำไปขอโทษเขา             ก๊อก ก๊อก ก๊อก             "เข้ามาสิ"             แพรไหมเปิดประตูและโผล่เพียงใบหน้าเข้ามาในห้อง ไรเฟิลลอบมองเพียงน้อยนิดเท่านั้น เขาอยากรู้แค่ว่าใครกันที่ต้องการพบเขา             กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยมาเตะจมูก ไม่ใช่กลิ่นของโคลนอีกต่อไปแล้ว ใบหน้าสวยสดเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มช่างอ่อนเยาว์ ที่เขาบอกว่าแพรไหมอยู่แค่มัธยมปลาย มันไม่เกินไปเลยจริง ๆ              "คือว่า..."             แพรไหมเอ่ยเบา ๆ เธอรู้สึกผิดต่อเขาจริง ๆ นะ มือเล็กซ่อนดอกไม้ดอกใหญ่ไว้ด้านหลังของตนเอง แพรไหมยังไม่อยากให้เขาเห็นในตอนนี้             "น้องแพรขอโทษนะคะ เรื่องจักรยาน"             ไรเฟิลพยักหน้ารับรู้ สิ่งที่เสียไปแล้วก็เสียไป เขาไม่เก็บมาร่ำรี้ร่ำไรหรอกนะ เงินทองก็มีมากมาย ซื้อใหม่อีกล้านคันก็ยังไหว แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก             "พี่ไรเฟิลโกรธน้องแพรหรือเปล่าคะ"             "โกรธ"             แพรไหมหน้าสลด เขาไม่เสียเวลาหยุดคิดก่อนตอบสักนิดเลยหรืออย่างไร             "เฮ้อ แต่ช่างมันเถอะ"             ไรเฟิลถอนหายใจอย่างปลงตก เขาไม่อยากเห็นเด็กดอกเตอร์นี่ทำหน้าอย่างนี้ มันดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย             "ขอบคุณนะคะ น่ารักมากเลย"             ทันทีที่ได้ยินเขาพูดจบประโยค แพรไหมก็เปลี่ยนโหมดเป็นคนละคนทันที             "นี่เป็นของที่แพรนำมาขอโทษค่ะ ถ้าพี่ไรเฟิลไม่ชอบดอกไม้ แนะนำให้รับเป็นตัวและหัวใจของน้องแพรแทนละกันนะคะ"             "นี่เธอ!"             ไรเฟิลรับฟังยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ เพียงแค่เห็นสิ่งที่แพรไหมยื่นมาให้เขาก็หน้ามืดตาลาย แถมควันยังล่องลอยออกจากหูอีกต่างหาก             โกรธ ไรเฟิลกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยัยนี่กล้าดียังไง กล้าดียังไงถึงได้ไปเด็ดดอกกุหลาบที่เขาอุตส่าห์ตัดต่อพันธุกรรม และมันก็        สำเร็จเสียด้วยสิ เพิ่งออกดอกมาเมื่อวาน และมีเพียงดอกเดียวในโลก เขาเก็บเอาไว้เพื่อยลโฉมทุกค่ำเช้าตอนเดินเข้าเดินออกบ้าน             แต่ยัยนี่ ยัยนี่เพิ่งมาวันเดียวก็ทำจักรยานคู่ใจของเขาพัง แถมค่ำมายังมีหน้าไปเด็ดดอกไม้สุดหวงของเขาอีก             ยัยน้องแพรไหมอะไรนี่ เกิดมาเพื่อทำลายสินะ             "เธอเด็ดดอกกุหลาบของพี่ทำไม"             "ก็...มันสวยดีค่ะ แหะ ๆ"             "จำไว้นะยัยน้องแพรไหม ต่อจากนี้ไปตราบใดที่เธอยังอยู่นี่ สิ่งของทุกอย่าง สัตว์ทุกตัว ใบไม้และต้นไม้ทุกต้นบนเขานี้ เธอห้ามแตะต้องเด็ดขาด"             แพรไหมเกาหัวแก้เก้อ พูดแบบนี้แสดงว่าเขากำลังโกรธอยู่สินะ ใครจะรู้ล่ะว่าไรเฟิลหวงแม้กระทั่งดอกไม้             "โกรธเหรอคะ"             "เออ!"             "ไม่เห็นต้องตวาดน้องแพรเลย"             แพรไหมหน้าตูม พูดดี ๆ ก็ได้ ทำไมต้องกระแทกเสียงด้วย คนนิสัยไม่ดี             "เธอทำพี่โกรธ"             "แล้วจำเป็นต้องตวาดน้องแพรด้วยเหรอคะ"             "แล้วเธอแตะต้องของรักของพี่ทำไม แถมยังทำมันพังทั้งหมด"             "..."             "รู้หรือเปล่าว่ากุหลาบดอกนี้มีดอกเดียวในโลก พี่ตัดแต่งพันธุกรรมจนได้มันมา และมันเพิ่งออกดอกวันก่อน เพิ่งจะบานเมื่อเช้านี่เอง"             แพรไหมมองดูกุหลาบในมือ ถึงว่าล่ะ สวยขนาดนี้ เธอนี่มันมือบอนจริง ๆ เลยแพรไหม             "น้องแพรขอโทษ"             "ช่างเถอะ เดี๋ยวก็คงออกดอกใหม่เองแหละ"             "น้องแพรจะเก็บไว้อย่างดีเลยค่ะ เก็บไว้ในหนังสือ จนแห้งเหมือนที่น้องแพรเคยดูในเอ็มวีเพลง"             "แล้วแต่เธอก็แล้วกัน ออกไปได้แล้ว อยู่กับเธอพี่ปวดหัว"             "ให้น้องแพรนวดให้ดีไหมคะ"             ยัยนี่ไม่รู้จักคำว่ามารยาทเลยหรือไง คนเค้าไล่ขนาดนี้แล้วยังมายืนทำหน้าซื่อบื้อทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ตรงนี้อีก             "รู้จักคำว่ามารยาทหรือเปล่าแพรไหม"             "รู้ค่ะ และน้องแพรก็มีด้วย แต่เลือกใช้กับคน อย่างพี่ไรเฟิลเนี่ยไม่ต้องใช้มารยาทด้วยหรอกค่ะ"             "ห๊ะ!"             ยัยแสบนี่ กวนดีแท้ เขามันเป็นคนยังไงเหรอทำไมถึงไม่ยอมงัดมารยาทมาใช้ด้วย             "คือว่า...แพรหมายถึง อีกหน่อยเราก็เป็นคนกันเองแล้วน่ะค่ะ"             "ยังไงนะ"             จากที่อารมณ์คุกรุ่น ตอนนี้มีเพียงความงวยงงเข้ามาแทนที่ เด็กแพรไหมนี่แปลก พูดอะไรเรื่อยเปื่อยไปทั่ว             "พี่ไรเฟิลรู้ไหมคะว่าน้องแพรมาที่นี่ทำไม"             "พี่ไม่ใช่อับดุลเอ๊ย ถามอะไรตอบได้"             แหนะ มีเล่นมุกด้วย อารมณ์ขันกว่าไก่เสียอีกนะคะเนี่ยคุณพี่ไรเฟิล สเปคเลย "           น้องแพรจะบอกให้นะคะ ว่าน้องแพรมาที่นี่ เพราะอยากได้พี่ไรเฟิลเป็นแฟน"             "อะไรนะ!"             ไรเฟิลตะโกนลั่น อยากได้เขาเป็นแฟนงั้นหรือ รุกหนักเกินไปแล้วนะยัยน้องแพรไหม ถามเขาสักคำหรือยังว่าอยากเป็นแฟนเธอหรือเปล่า หน้าตาก็สวยดีอยู่หรอกนะ แต่ว่านิสัยนี่สิ...ไรเฟิลรับไม่ได้  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม