8
ลักษณาวดีพูดอย่างไม่ละอายใจตัวเอง พูดอย่างคนเห็นแก่ตัวมากที่สุดเท่าที่ศิรินทิพย์เจอมา แล้วไม่คิดด้วยว่าจะมาเจอะเจอกับน้องสาวของตนเอง เธอรู้สึกแห้งโรยในจิตใจ ผิดหวัง เสียใจและเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก ทว่าก็ไม่อาจว่ากล่าวหรือตักเตือนใดๆ ได้
ในขณะที่จิตใจเป็นห่วงพี่สาวสุดฤทธิ์ เสียงโทรศัพท์มือถือของตนก็ดังขึ้น เธอกดรับสายทั้งที่หมายเลขที่โทรเข้ามาจะไม่คุ้นตาก็ตาม
“สวัสดีค่ะ เตยพูดค่ะ”
หลังจากที่ศิรินทิพย์พูดสาย เสียงของต้นสายก็ดังเข้ามาในหูของเธอ ใบหน้าขอศิรินทิพย์ซีดลง และซีดลง ปากสั่น มือสั่น น้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะหยดไหลเป็นทาง ดวงใจเล็กๆ ในอกเต้นแรงกับเรื่องราวที่ได้ยิน ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามาในความรู้สึก
“ค่ะๆ ขอบคุณนะคะ เตยจะรีบไปค่ะ”
เธอตัดสายทิ้ง รีบวิ่งไปยังหามารดาและน้องสาวบอกเล่าคร่าวๆ ในเรื่องที่ตนรู้มาก จากนั้นก็วิ่งกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตน อาบน้ำรีบแต่งตัวให้เร็วที่สุด ลงมาสมทบกับกมลทิพย์และลักษณาวดีที่รออยู่ข้างล่าง ก่อนะจะเร่งรีบออกไปจากบ้าน ตรงไปยังสถานที่ที่คนโทรมาเมื่อครู่บอก
ลักษณาวดีเดินหัวเสียเข้ามาในซอยชุมชนห้วยสวรรค์ หลังจากที่เธอกลับมาจากโรงพยาบาลก่อนมารดาและศิรินทิพย์ที่อยู่ดูแลอาการป่วยของสินีนารถ ระหว่างทางที่เธอกำลังเดินผ่านบ้านของปรียานุช เพื่อนร่วมซอยที่เมื่อก่อนนี้อยู่บ้านติดกัน แต่ตอนนี้ย้ายไปอยู่กลางซอย ก็เดินออกมาจากบ้านพอดี ทั้งคู่จึงหยุดทักทายกัน
“ดรีม” ปรียานุชเรียกชื่อคนทำหน้าทำตาหนักใจ “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะดรีม เธอเป็นไงบ้างสบายดีหรือเปล่า”
ตั้งแต่คนทักย้ายบ้านมาได้สามเดือนก็ไม่ได้เจออีกฝ่ายเลย ทั้งที่อยู่ซอยเดียวกันแท้ๆ อาจะเป็นเพราะปรียานุชทำงานตอนกลางคืน นอนตอนกลางวัน ในขณะที่ลักษณาวดีนอนตอนกลางคืน เรียนหนังสือในตอนกลางวัน การใช้ชีวิตในช่วงระยะเวลาที่ต่างกัน ทำให้ทั้งคู่เจอกันยาก
“ก็สบายดี แล้วเธอล่ะ สวยขึ้นเยอะเลยนะ” ลักษณาวดีตอบกลับตามมารยาท เพราะเธอเองไม่คบคนซอยเดียวกันที่หญิงสาวมองว่า คนระดับกับตัวเอง ก่อนจะกวาดตามองร่างกายของปรียานุชที่ดูอู้ฟู่มากกว่าครั้งสุดท้ายที่เห็น เสื้อผ้าของสาวตรงหน้าสวมใส่ ไม่ใช่ตัวละร้อยสองร้อยเหมือนกับที่เคยเห็น แต่เป็นเสื้อที่ดูดีกว่าหลายเท่า ทองคำเส้นขนาดพอดีก็มีประดับไว้บนลำคอและข้อมือ นึกคันปากอยากจะถามว่า เอาเงินจากที่ใดมาซื้อของเหล่านี้ แต่คิดไปคิดมามันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอมิใช่หรือ
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว พอดีฉันไปเจองานสบายแต่ได้เงินดีมาน่ะ” ปรียานุชดูจะภูมิใจกับงานที่ว่านี้เหลือเกิน “แล้วเธอเป็นอะไรดรีมหน้ามุ่ยเชียว”
“ไม่มีอะไรมากหรอก มีเรื่องวุ่นวายใจนิดหน่อย” ลักษณวดีตอบ สีหน้ายังยุ่งเหยิงเช่นเดิม
“มีไรล่ะ ไม่มีเงินใช้หรือไง” ปรียานุชคาดเดา เพราะคนจนมีเรื่องหนักอกไม่กี่เรื่อง หนึ่งในนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเงิน
“ก็ไม่เชิง”
“ยังไงล่ะที่บอกว่าไม่เชิง” ปรียานุชไม่เข้าใจความหมายของลักษณาวดี จึงถามต่อ
“เรื่องเงินใช้ในชีวิตประจำวันน่ะมี แต่เงินที่จะไปซื้อตั๋วคอนเสิร์ตกับของขวัญให้พี่แจวอนนะสิไม่มี ฉันก็เลยแบกหน้ากลุ้มอยู่นี่ไง” ลักษณาวดีพูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“นักร้องเกาหลีที่เธอชอบใช่ไหม” ก่อนหน้าที่ปรียานุชจะย้ายบ้าน ลักษณาวดีมักจะเอารูปภาพของจุนแจวอนมาอวดเธออยู่สองสามครั้ง ทำให้เธอรู้ว่า แจวอน ในที่นี้คือใคร
“ใช่ คนเดิมนั่นแหละ” ปรียานุชพยักหน้ารับรู้
“ค่าตั๋วมันเท่าไหร่ล่ะ ถ้าฉันมีถึงเดี๋ยวฉันให้ยืม”
คนพูดคิดว่าราคาค่าตั๋วคงไม่เท่าไหร่ จึงอาสาให้ยืมเงิน ลักษณาวดีแม้ว่าจะได้ยินคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจของเพื่อน แต่ก็คิดว่า เงินจำนวนมากที่ตนต้องการ อีกฝ่ายจะไม่มีให้หยิบยืม อีกประการหนึ่งทั้งคู่ก็ไม่สนิทกันถึงขั้นยืมเงินจำนวนมากได้ แล้วเธอก็คิดว่า ปรียานุชไม่มีเงินให้ตนยืมด้วย
“เงินมันเยอะน่ะ แกไม่มีให้ฉันหรอกนุช”
“เยอะขนาดไหนล่ะ”
“สี่หมื่น” ลักษณาวดีบอกจำนวนเงิน คู่สนทนาตาลุกทันทีที่ได้ยินเงินค่าตั๋วคอนเสิร์ต
“สี่หมื่น” ปรียานุชย้ำเสียงดัง “ทำไมมันแพงอย่างนี้ล่ะ ขึ้นไปเล่นบนฟ้าหรือไง”
แล้วอดที่จะเหน็บแนมไม่ได้ เกิดมาไม่เคยได้ยินค่าตั๋วคอนเสิร์ตอะไรจะมากมายขนาดนี้ แม้ว่าจะมาจากต่างแดนก็เถอะ สูงสุดเท่าที่รู้ก็ไม่แปดพันบาท ถ้ามากกว่านี้ก็น่าจะไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
“มันเป็นค่าตั๋วพิเศษน่ะ มีแค่ยี่สิบใบๆ ละสองหมื่น ถ้าใครได้ตั๋วนี้จะได้ไปทานอาหารกับพี่แจวอน ส่วนอีกสองหมื่นที่เหลือ ฉันจะเอาไปซื้อเสื้อผ้าใส่ไปงานวันนั้นแล้วก็ซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่แจวอน” ลักษณาวดีอธิบายให้เพื่อนฟัง
“พี่เอมหาเงินให้ไม่ทันหรือไง เธอถึงได้ต้องมาเดินแบกหน้าหนักใจอย่างนี้”
ปรียานุชรู้ดีว่า ค่าใช้จ่ายในบ้านส่วนใหญ่ใครเป็นคนรับผิดชอบ และรู้ด้วยว่าสินีนารถทำอาชีพอะไร ไม่เพียงเธอเท่านั้นที่รู้ เขารู้กันทั้งซอย แต่ก็ไม่มีใครสนใจใครเพราะต่างคนต่างต้องดิ้นรนหากิน
“ก็ใช่นะสิ ยิ่งคิดยิ่งโมโห ดันมาเข้าโรง’ บาลอีก แล้วฉันจะหาเงินจากที่ไหนทันล่ะเนี่ย พรุ่งนี้ก็ต้องเอาไปให้เพื่อนแล้วด้วย”
ลักษณาวดีฉายความเห็นแก่ตัวให้ปรียานุชเห็น แทนที่เธอจะเป็นห่วงเป็นใยอาการป่วยของสินีนารถ กลับห่วงว่าจะหาเงินมาจ่ายค่าตั๋วคอนเสิร์ตของศิลปินในดวงใจได้หรือไม่ ช่างเป็นน้องที่แสนดีเหลือเกิน
เช้าวันนี้ศิรินทิพย์วิ่งทำหน้าตกใจมาบอกเธอกับกมลทิพย์ว่า ลูกศรเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันกับสินีนารถโทรมาบอกเธอว่า เวลานี้สินีนารถอยู่โรงพยาบาล ทำให้เธอกลับครอบครัวต้องเดินทางไปยังโรงพยาบาลนั้น เพื่อดูอาการของสินีนารถ
พอไปถึงร่างของพี่สาวอยู่ในห้องไอซียู หรือผู้ป่วยวิกฤต เนื่องจาก สินีนารถช็อคหมดสติ ตามร่างกายมีร่องรอยจ้ำแดงเหมือนคนโดนปากขบเม้ม รอยฝ่ามือกระจายไปทั่วเรือนร่างขาวลออ และที่สำคัญทวารหนักฉีกขาด จากการร่วมเพศผิดธรรมชาติ แล้วตอนที่ลักษณาวดีเดินทางกลับมาบ้าน สินีนารถยังไม่รู้สึกตัว อาการยังคงน่าเป็นห่วง