การสนทนาเป็นเพียงเรื่องราวในราชสำนัก ชายหนุ่มทำหน้าที่สืบความเคลื่อนไหวลับๆ ของฝ่ายศัตรูเนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน รั่วซีตั้งใจฟังเพื่อคาดเดาว่ายามนี้ทุกอย่างไปถึงส่วนไหนของนิยายแล้ว เพียงแต่เพราะลืมเนื้อหาส่วนใหญ่ไปจึงนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“เอาเป็นว่าช่วงนี้เจ้าก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยเตือนสหายให้ระวังตัวเนื่องจากฝ่ายคู่อริเริ่มระแคะระคายบ้างแล้ว
“กระหม่อมจะไม่ตามสืบต่อเพื่อทิ้งระยะห่างพ่ะย่ะค่ะ” การค้าเกลือเถื่อนของตระกูลใหญ่ฝั่งนั้นมีหลักฐานน้อยมาก แต่เขาก็พยายามรวบรวมมาได้บ้างแล้ว
“ดีแล้ว” คู่สนทนาพยักหน้าเห็นด้วย
“เช่นนั้นพระองค์ก็กลับไปได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” เพราะตามมารยาทต้องให้ผู้เป็นนายกลับเสียก่อนข้ารับใช้จึงปลีกตัวไปทำอย่างอื่นได้ หยางจื่อหานจึงออกปากไล่เสียอย่างนั้น
“จื่อหาน…นี่เราคงให้ความสนิทสนมกับเจ้ามากไปสินะ” เสียงทุ้มทรงอำนาจกดต่ำทำเอาโฉมสะคราญที่ฟังอยู่หลังฉากกั้นตกใจจนทนไม่ไหว
“ขอประทานอภัยให้สามีของหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ ได้โปรดอย่าลงโทษเขาเลย” ร่างบางวิ่งเข้ามาคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว นางไม่รู้ว่าพวกเขาสนิทกันแค่ไหนแต่ความจริงที่ว่าอีกฝ่ายสามารถสั่งการสังหารสามีตนได้ง่ายดายเพียงเอ่ยปากมันทำให้รั่วซีกลัวมากจริงๆ
“ไท่จื่อโจวเจี้ยนกั๋ว” น้ำเสียงเย็นชาอีกทั้งยังเอ่ยพระนามเต็มยศเช่นนี้นอกจากฮ่องเต้ก็มีเพียงเขานี่แหละที่อาจหาญทำเช่นนั้น
“ไม่แกล้งแล้วๆ ขออภัยหยางฮูหยิน ข้าเพียงอยากรู้ว่าเจ้าจะเป็นห่วงสหายผู้นี้บ้างรึไม่เท่านั้น มิได้ตั้งใจ-…..”
หยาดน้ำใสหยดลงบนพื้นหยดแล้วหยดเล่า เนื่องจากนางก้มหน้าอยู่ทำให้บุรุษทั้งสองเห็นเพียงร่างบางที่สะอื้นไห้ออกมาอย่างน่าสงสารเท่านั้น แม้แต่เชื้อพระวงศ์หนุ่มเองก็ตกพระทัยเช่นกัน
“วันนี้กระหม่อมต้องขอตัวก่อน และหากคราหน้าพระองค์ทำเช่นนี้อีก…เกรงว่าหนทางก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ของพระองค์คงมิมีกระหม่อมเคียงข้างอีกต่อไปแล้ว” ดวงตาคมกริบตวัดมองสหายอย่างคาดโทษซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งอย่างทำสิ่งใดไม่ถูก เขามิคิดเลยว่าภรรยาของเพื่อนสนิทจะอ่อนไหวถึงเพียงนี้
“รู้แล้ว ขอโทษเจ้าด้วย” เพราะทั้งสองผ่านความตายมาด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน เรียกได้ว่าทั้งแผ่นดินนี้หยางจื่อหานคือคนที่พระองค์ไว้ใจมากที่สุด
“ไปกันเถิดน้องหญิง” คนตัวโตประคองคนรักออกจากห้องไปอย่างรู้สึกผิด หากเขาไม่พานางมาพบเจ้าสหายตัวดีนั่นนางก็มิต้องโดนรังแกเช่นนี้
คนงามลุกขึ้นตามแรงพยุงพยายามรวบรวมสติไตร่ตรองให้มาก ที่นางเงียบไม่พูดอะไรออกมาเพราะอับอายการกระทำอันไม่รอบคอบของตนเพียงเท่านั้น เนื่องจากเริ่มจำเนื้อหาบางส่วนได้ว่าผู้ชายทั้งสองคนนี้ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันไม่น้อย เรียกได้ว่าหากเป็นสาววายนี่แหละคู่จิ้นหลักของนิยายเรื่องนี้เลยทีเดียว!
พระเอกคือสหายผู้จงรักภักดีตั้งแต่วัยเยาว์ พวกเขาพบกันโดยบังเอิญขณะที่ไท่จื่อโดนมือสังหารตามฆ่าในงานล่าสัตว์ และผู้ที่เข้าช่วยเหลือก็คือหยางจื่อหานคนนี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่คอยเกื้อกูลกันของพวกเขา ตระกูลหยางเป็นตระกูลตัดสินคดีน้อยใหญ่ของขุนนางย่อมมีศัตรูมากมายและไท่จื่อก็คอยเป็นหูเป็นตาสอดส่องนำข่าวการเคลื่อนไหวที่เป็นภัยมาแจ้งเสมอ
“น้องหญิง….พี่ขอโทษ” เห็นภรรยาเงียบไม่พูดไม่จาทำให้นึกว่าโดนโกรธเสียแล้ว เสียงทุ้มเหงาหงอยจนหญิงสาวรีบดึงสติกลับมา
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่ตกใจกลัวว่าท่านพี่จะได้รับโทษเท่านั้น” หากจำเนื้อหาในนิยายได้ก่อนก็คงไม่วิ่งออกไปเช่นนั้นหรอก
“ขอบคุณนะที่เป็นห่วงพี่” มือหนาเอื้อมจับมือขาวเนียนจูงเดินลงบันไดพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าย่อมต้องห่วงท่านสิเจ้าคะ” คนงามหน้าแดงก่ำกับคำพูดของตนเอง นางรีบก้าวเดินไม่อยากให้เขาเห็นว่านางเขินอายมากแค่ไหน
ภาพคู่รักกำลังมีความสุขถูกมองด้วยสายตาเหม่อลอยของบุรุษผู้หนึ่ง เขามาที่นี่เนื่องจากมีนัดดูตัวที่ทางบ้านเตรียมไว้ให้และไม่สามารถขัดคำสั่งบิดาได้ กลับกลายเป็นว่าต้องพบภาพที่ไม่คาดฝันเสียนี่…
อู๋หวงลู่ บุตรชายของรองแม่ทัพผู้มีใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาไม่น้อยหน้าบุรุษใดในเมืองหลวง แต่ก่อนเขามีคนรักที่แสนเพียบพร้อมดุจดวงตะวันอยู่คนหนึ่ง แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันเมื่ออยู่ๆ นางต้องแต่งให้บุรุษอื่นที่ไม่ใช่ตน ตั้งแต่วันนั้นพวกเขาไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยจนกระทั่งถึงวันนี้ เมื่อได้พบใบหน้าสดใสแย้มยิ้มอ่อนหวานนั่นอีกครั้งจึงได้รู้ว่าหัวใจของเขายังมีเพียงนางเท่านั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
ทั้งสองเดินออกมาจากเหลาอาหารชื่อดังจากนั้นจึงไปยังร้านเครื่องเขียนซึ่งมีอุปกรณ์มากมายให้รั่วซีได้เลือก แม้จะไม่ทันสมัยเท่าในยุคที่จากมาแต่ก็พอใช้ในการรังสรรค์ผลงานออกมาได้ คิดเสียว่าเป็นการฝึกฝีมือใช้เพียงของที่มีก็แล้วกัน
“เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกทำตัวระรานผู้อื่นสักที!!”
ด้านนอกมีเสียงหวานกังวานใสราวกับกระดิ่งแก้วดังลั่นดึงความสนใจให้หญิงสาวหันไปมอง ตรงข้ามกับร้านเครื่องเขียนเป็นร้านขนมหวานซึ่งโดดเด่นด้วยการตกแต่งแปลกตา ด้านหน้าร้านมีสตรีสองนางยืนประชันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใครโดยมีผู้คนเดินผ่านไปมาเริ่มหยุดมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“หึ ขนมร้านเจ้ามีเศษผม เศษแมลงเต็มไปหมด แล้วยังไม่รับผิดชอบอีกอย่างนั้นหรือ!” เสียงโต้เถียงทำให้รั่วซีวางของแล้วเดินออกไปดูอยู่รอบนอกอย่างสนใจ
“เศษผม? เศษแมลง? ผู้คนมากินขนมร้านข้ามากมายหลายพันมีแค่เจ้าที่เจอ มันไม่แปลกไปหน่อยรึไง” ร่างอรชรกอดอกมองหน้าคู่อริที่คิดมาทำลายชื่อเสียงครอบครัวตนอย่างเอาเรื่อง
“เจ้า! ก็เพราะคนอื่นไม่กล้าพูดอย่างไรล่ะ ตระกูลเจ้าร่ำรวยถึงเพียงนั้นใครจะกล้ามีเรื่อง มีเพียงข้าที่สามารถเปิดโปงพวกเจ้าได้!” หญิงสาวหน้าตาสะสวยแม้จะมีหางตาชี้ขึ้นเล็กน้อยทำให้ดูดุดันแต่ก็นับได้ว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งทักท้วงไม่ยอมความ
“เหอะ! ใครก็รู้ว่าตระกูลข้าเปิดร้านขนมหลายสาขา หากมีคนพบเจอสิ่งสกปรกเหล่านั้นจริงมีหรือจะขายดิบขายดีจนถึงทุกวันนี้” ชาวบ้านรอบข้างฟังแล้วเริ่มเห็นด้วย ร้านขนมร้านนี้เปิดขายมาหลายปีแต่ลูกค้ายังแน่นร้านทุกวัน
“กะ ก็เพราะพวกเจ้าเอาเงินปิดปากพวกมันหมดอย่างไรล่ะ หึ อย่าคิดว่าข้าจะยอมแพ้นะ คราหน้าข้าจะเอาเรื่องเจ้าให้ถึงที่สุด!” เมื่อเห็นว่าตนเริ่มเถียงไม่ได้ดรุณีน้อยจึงสะบัดหน้าเดินหนีไปท่ามกลางเสียงซุบซิบของชาวบ้านรอบด้าน
“….นี่มัน”
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าราวกับค้อนทุบลงมาบนศีรษะของหญิงสาว ดวงหน้านวลซีดเผือดไร้สีเลือด บทพูดพวกนั้นช่างคุ้นตาเป็นอย่างมาก ความทรงจำบางส่วนที่หลงลืมไปแล้วได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง
“นี่มัน…จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ในนิยายนี่นา!”
ไม่แปลกใจเลยที่พระเอกจะสนใจนางเอกในครั้งแรกที่เจอ คงเพราะหลังจากคุยกับสหายเช่นไท่จื่อเสร็จแล้วลงมาก็พบเข้ากับสตรีนางนั้นที่สามารถแก้ปัญหาจากการใส่ร้ายได้ทันท่วงที ความฉลาด มั่นอกมั่นใจ สีหน้าไม่ยอมคนซึ่งคงหาได้ยากในสตรียุคนี้คงทำให้หยางจื่อหานรู้สึกว่าเป็นของแปลกตา คิดได้เช่นนั้นรั่วซีรีบมองหาสามีด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ มือบางสองข้างชื้นเหงื่อด้วยความวิตก
‘หากทุกอย่างมันเป็นไปตามเนื้อหาในนิยายล่ะ…หากว่าสุดท้ายแล้วพระเอกได้ครองคู่กับนางเอกล่ะ….หากเป็นเช่นนั้นจริงแล้วข้าจะทำเช่นไร’
คำถามมากมายไหลบ่าราวกับน้ำหลาก ดวงตากลมคลอหน่วยไปด้วยน้ำตาจากความหวาดหวั่น ทันทีที่พบเป้าหมายกลับกลายเป็นว่าร่างบางยืนนิ่งแข็งทื่อราวกับถูกสาปเป็นหิน สายตาคมที่ยามนี้เริ่มคุ้นเคยกำลังมองไปยังสตรีนางหนึ่ง เขายืนจ้องมองอย่างสนใจด้วยแววตาแตกต่างไปจากปกติ และสตรีที่ว่าคือเกาหยู่ถง…ผู้เป็นนางเอกของนิยายเรื่องนี้นั่นเอง