2

3580 คำ
  ชายคนนั้นเดินเข้ามายังด้านใน ท่าทีไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น จนเริ่มเห็นหน้าของเขาชัดเจนขึ้น ก็พบว่าอีกฝ่ายมีดวงตายาวรีทอแววเย็นชาและดุดัน บุณย์นราสบตาแล้วพลันสะท้านเยือกขึ้น รู้สึกหวาดกลัวหนาวเยียบเย็นแผ่ซ่านไปตลอดทั้งแนวของสันหลัง ชายคนนั้นร่างกายสูงใหญ่มาก ขนาดกฤตยชญ์ที่ว่าดูสูงใหญ่แล้ว ยังเล็กกว่าชายคนนี้เสียอีก หันไปมองทางกฤตยชญ์ เห็นว่าเขายืนอ้าปากค้าง แววตาตื่นตระหนกไม่น้อย กฤตยชญ์ละสายตาจากผู้ชายคนนั้นหันมาที่เธอก็สงวนท่าทีกร้าว ๆ ตวาดใส่ชายผู้บุกรุกที่เข้ามาถึงในห้องหอ “มึงจะตามจองล้างจองผลาญกูไปถึงไหน” บุณย์นราพอรู้มาบ้างว่ากฤตยชญ์ไม่ใช่แค่รวย เขายังมีอิทธิพลมากล้นพ้นตัวอีกด้วย ขนาดนี้แล้วเหตุใดถึงยังมีคนกล้าหยามเขา และนี่ลูกน้องกับพรรคพวกที่ล้อมอยู่รอบงานหายไปไหนหมด ไม่มีใครรู้เลยหรือว่าตอนนี้มีคนบุกรุกเข้ามา ชายคนบุกรุกยิ้มเหยียด แล้วว่า “ลงทุนแต่งงานกับสาวทั้งที ไม่เชิญกูมาเป็นสักขีพยานหน่อยวะ” “อย่ายุ่งกับเมียกูนะ ไอ้เชี่ยโระ…” กฤตยชญ์ยังไม่ทันได้เอ่ยชื่ออีกฝ่าย ก็ถูกชายคนบุกรุกเดินตรงมาหาพร้อมกับฟาดหมัดใส่เต็มแรง หนักขนาดไหนก็ดูเอาจากที่กฤตยชญ์ถลาลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นนั่นเป็นไง             “คนนี้คงรักมาก?” บุณย์นราได้ยินคำถามของชายคนนั้นแล้ว ขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย มองไปยังกฤตยชญ์ เห็นแววตาเขาไหววูบหน่อยหนึ่ง ชี้มือใส่คนบุกรุก กล่าวยั่วกลับอย่างลืมตัว “มากกว่าสิรีก็แล้วกัน” กฤตยชญ์กล่าวไม่ทันจบประโยคดี ชายคนนั้นชกกฤตยชญ์อีกที คราวนี้แบบไม่ยั้งมือเลย กฤตยชญ์หลบได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ที่เธอเห็นส่วนใหญ่จะหลบหมัดทางนั้นไม่ได้ สุดท้ายสภาพของกฤตยชญ์ก็เริ่มช้ำ ใบหน้าแตกยับไปเกือบครึ่ง กฤตยชญ์ใช้หลังมือตัวเองปาดเลือดออก ถุยน้ำลายในปากลงบนพื้นห้อง ตะเบ็งเสียงแข่งกับเพลงที่ดังลั่นอยู่ด้านนอก             “มึงจะเอายังไงกับกู จะจองเวรกับกูไปจนตายเพราะอีนั่นคนเดียวน่ะหรือ”             ชายคนนั้นจ้องกฤตยชญ์ตรง ๆ บอกเสียงเหี้ยม “คนอย่างมึง ต้องรู้จักคำว่า ‘สูญเสีย’ บ้าง ไม่อย่างนั้นไม่มีวันสำนึก”             กฤตยชญ์ได้ยินคำว่า ‘สูญเสีย’ ที่ออกมาจากปากของอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาเหมือนจะซีดเผือดละล่ำละลักบอก เสียงที่กร้าวเมื่อครู่ก็อ่อนลงทันควัน             “จะทำอะไรพี่ก็ได้ แต่อย่ายุ่งกับผู้หญิงคนนี้เลยนะ นึกถึงมิตรภาพครั้งเก่าของเราบ้างสิวะ พี่ขอล่ะ”             ชายคนนั้นมองกฤตยชญ์อย่างดูแคลน “มึงกล้ารื้อฟื้นเรื่องมิตรภาพด้วยหรือ สงสัยแม่นี่จะไม่ธรรมดาจริง ๆ” ชายคนบุกรุกเอ่ยจบ หันมองเธอ กวาดสายตาขึ้นลงอย่างกับกำลังประเมินราคาสินค้าอยู่ ว่าเสียงหยันใส่ “ได้ข่าวว่าคนนี้มึงหวงหนักเลยนี่ ให้คนตามเฝ้าเช้าเฝ้าเย็น มั่นใจได้ยังไงว่ายังสดอยู่ ไม่ใช่ว่าเขาย้อมแมวขายให้มึงหรอกหรือ”             “อย่าพูดจาหมา ๆ สิวะ” กฤตยชญ์สวนกลับทันที พอเห็นสายตาของอีกฝ่าย ก็รีบแก้ต่างออกไป “พี่หมายถึงอย่าพูดแบบนั้น น้องเขาจะเสียหายได้”             แม้ปากจะเอ่ยออกไปแบบนั้น แต่ในใจของกฤตยชญ์ก็อดคิดไขว้เขวตามคำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้ กฤตยชญ์คิดว่าตนเองให้คนตามเฝ้าหญิงสาวที่หมายอยากครอบครองอยู่ตลอดเวลาก็จริงอยู่ แต่มันอาจมีบ้างที่ลับหูลับตาคนของเขา แล้วก็มีไม่น้อยผู้หญิงที่ชอบทำตัวใส ๆ แต่ข้างในโพรงกลวงไปหมดแล้ว บุณย์นราจะยังสดซิงจริงไหม บุณย์นราไม่ใช่ประเภทโกรธใครง่าย ๆ แต่คราวนี้กลับถูกปั่นอารมณ์ได้อย่างง่ายดาย ถูกกล่าวหาจากคนไม่รู้จักหน้าค่าตาจนเสียหายหนัก ก็ให้ฉุนกึก ใบหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นโกรธจัดในทันทีแย้งด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย ที่สั่นก็เพราะทั้งโกรธทั้งกลัวผสมปนเปกันไป             “บุณไม่เคยทำตัวแบบนั้นนะคะ... พี่ฟาส” ท้ายประโยคหันไปมองหน้ากฤตยชญ์ คล้ายกับต้องการให้เขามั่นใจในตัวเธอ             ได้ยินคำยืนยันจากหญิงสาว คนบุกรุกผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก เดินตรงมาที่บุณย์นราด้วยท่าทีคุกคาม พร้อมกับว่า             “เดี๋ยวกูพิสูจน์ให้ ว่าน้องเขายังสดจริง”             “อย่าเข้ามานะ! / อย่านะโว้ย!” เสียงห้ามจากปากของเธอและกฤตยชญ์ดังขึ้นแทบพร้อมกัน             และชายคนนั้นก็ถูกกฤตยชญ์เข้ามาดึงจากทางด้านหลัง คนบุกรุกแค่เบี่ยงตัวหน่อยเดียว แล้วใช้โอกาสได้เปรียบเหวี่ยงขาเตะเข้าที่ชายโครงของกฤตยชญ์ แค่นั้นกฤตยชญ์ก็ลงไปนอนกองที่พื้นอีกรอบแล้ว บุณย์นราเห็นว่าเจ้าบ่าวของเธอเป็นรองอีกฝ่าย คงเพราะเขาเมามากเลยทำให้เพลี่ยงพล้ำ หัวก็คิดหาทางช่วยเหลือกฤตยชญ์ในทันที เธอพุ่งตัวเข้าไปดึงแขนชายแปลกหน้าคนนั้น ออกแรงรั้งชายร่างสูงใหญ่ด้วยสองมือของตัวเอง เพื่อให้กฤตยชญ์ได้มีโอกาสสู้เอาตัวรอดได้บ้าง แต่เธอก็สู้แรงของผู้ชายคนนั้นไม่ไหว ถูกเขาเหวี่ยงทีเดียวก็เกือบหลุด แต่มือเธอเหนียวพอตัว บุณย์นราเกาะแขนชายคนนั้นแน่น แล้วก้มลงกัดแขนล่ำและแข็งไปด้วยมัดกล้ามสุดแรงที่มี ทำให้กฤตยชญ์สบโอกาสเหมาะที่จะเอาคืน ลุกขึ้นกระหน่ำหมัดใส่ชายคนนั้น แต่อีกฝ่ายมีฝีมือมากกว่าจึงหลบได้อีก เธอเลยพลอยถูกลูกหลงไปด้วยในจังหวะนั้น เพราะเขาตวัดแขนข้างที่เธอกัดอยู่เหวี่ยงออก บุณย์นราจึงกระเด็นไปกระแทกกับเตียงนอน หญิงสาวถึงกับหลุดปากร้องโอยขึ้น รู้สึกเสียวแปลบที่บั้นท้าย หันไปดูกฤตยชญ์อีกที เห็นเขาลงไปนอนนิ่งกองอยู่ที่พื้นแล้ว “พี่ฟาส!” เธอเรียกชื่อเล่นของกฤตยชญ์ด้วยความเป็นห่วง นาทีนั้นเองที่เธอเห็นชายแปลกหน้าดึงเอาปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลัง จ่อไปยังศีรษะของกฤตยชญ์ ขึ้นนกรอเตรียมยิง และการได้เห็นคนกำลังจะถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา ก็ทำให้รู้สึกหดหู่ไม่น้อย บุณย์นราถลาเข้าไปยืนขวางไว้อย่างที่ไม่มีเวลาคิดถึงความตาย เธอมองหน้าชายคนนั้นตรง ๆ พูดด้วยปากคอที่สั่นจนคุมไม่อยู่ “ฉันไม่รู้ว่าคุณกับพี่ฟาสเคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน แต่ฉันขอร้อง ว่าอย่าถึงกับต้องฆ่าต้องแกงกันเลยนะ”    ชายคนบุกรุกไม่พูดอะไรโต้ตอบ เขาหรี่ตามองเธอแล้วยิ้มหยันออกมาหน่อยหนึ่ง หันไปทางกฤตยชญ์อีกครั้ง ยกข้อมือที่กำปืนเล็งตรงศีรษะของคู่กรณี เตรียมยิง บุณย์นราเห็นแล้วดูท่าไม่ดี ก็มองหาทางเอาตัวรอด ก้าวถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนไปชนเข้ากับโต๊ะที่มีโคมไฟตั้งอยู่บนนั้น เหลือบตามองมัน แล้วจึงไพล่มือไปทางด้านหลัง คว้าโคมไฟได้ยกเงื้อขึ้นเหนือศีรษะ วิ่งตรงไปหาคนที่มีปืนอยู่ในมือออกแรงจะฟาด แต่เขาหลบทันแบบฉิวเฉียด ส่วนเธอนั้นถลาลงไปนอนกองที่พื้น หน้ากระแทกเข้ากับโคมไฟในมืออย่างจัง เจ็บแปลบที่กลางหน้าผากในวินาทีต่อมา แล้วได้ยินเสียงร้องดังขึ้นอีกครั้ง หันไปมองก็เห็นว่าเขาเตะอัดเข้าที่ท้องของกฤตยชญ์สามถึงสี่ทีเห็นจะได้ จนอีกฝ่ายนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น คราวนี้เขายอมเก็บปืนเข้าที่เดิม แล้วเปลี่ยนจุดหมายจากกฤตยชญ์ตรงมาที่เธอแทน บุณย์นราชักใจคอไม่ดี เห็นสายตาเย็นชาดุดันแบบนั้นใช่ว่าเธอไม่กลัวเขาเสียที่ไหน เมื่อครู่คงเสียจังหวะเพราะเธอ นี่คิดจะทำร้ายเธออีกคนแล้วกระมัง วันนี้มันวันแต่งงานเธอแท้ ๆ เลย จะกลายเป็นงานศพในอีกวันถัดไปหรืออย่างไรกัน คิดได้อย่างนั้นแล้วก็นึกกลัวขึ้นมา หันหลังเตรียมหาทางหนีออกจากห้อง แต่ออกวิ่งได้ไม่ถึงสองก้าวดีด้วยซ้ำ ก็ถูกเรี่ยวแรงที่ทั้งไวกว่าและเหนือกว่ารั้งชุดเจ้าสาวของเธอเอาไว้ เขาออกแรงอีกทีกระชากชุดออกเสียงฉีกขาดไม่ดังนัก แต่รับรู้ถึงไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่กระแทกเข้ามายังเนินทรวงของเธอ เหลือบตาลงมองชุด พบว่ามันขาดวิ่นปกปิดส่วนสงวนเอาไว้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว จังหวะที่กำลังสำรวจชุดตัวเองอยู่นั้น บุณย์นราพบว่าตัวเธอเองถูกเขาจับเหวี่ยงลงไปนอนอยู่บนเตียงแล้ว ตั้งสติได้ รีบขยับลุก ดันตัวหนี แต่ก็ถูกร่างใหญ่โตของชายผู้นั้นตามลงมากดเอาไว้ทั้งตัว พร้อมขู่เสียงขรึมเข้มขึ้น “ถ้ายังดิ้นอีก จะเอาให้ขาดหมดเลย ทั้งข้างนอก ข้างใน!” เธออยากถามเขานัก ว่ายังเหลืออะไรให้เขาทำฉีกขาดได้อีก ในเมื่อชุดเจ้าสาวของเธอแทบไม่เหลือเป็นชิ้นเดียวกันแล้ว ข้างในอย่างนั้นหรือ นี่เขาคงไม่คิดจะฉีกชุดชั้นในของเธอด้วยหรอกนะ คิดได้อย่างนั้น บุณย์นราก็เริ่มดิ้นรนอีกครั้ง ชุดข้างนอกขาดยังพอทน ถ้าชุดชั้นในเธอขาด มันไม่วาบหวิวเกินไปหรืออย่างไร “ดิ้นทำไมนัก” ชายคนนั้นกระชากเสียงดุใส่ พร้อมจับบุณย์นราพลิกนอนคว่ำหน้าลง หญิงสาวกลัวจนตัวสั่น เสียงที่เอ่ยก็สั่นตามไปด้วย “ฉันเจ็บ ปล่อยฉันเถอะ” เท่านั้นเองร่างสูงใหญ่นั่นถึงได้ลดแรงกดที่แผ่นหลังของเธอเล็กน้อย ยังไม่คลายความตื่นตระหนกดี ก็ต้องหลุดเสียงหวีดร้องออกมาอีกครั้ง เมื่อร่างของเธอถูกตวัดขึ้นราวกับตุ๊กตา และตอนนี้ลำตัวของเธอก็พาดอยู่บนบ่าแข็งแรงของชายคนนั้นแล้ว              บุณย์นราพยายามขืนคอผงกหัวขึ้น ตะเบ็งเสียงเรียกคนอื่น             “ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ!”             แต่แล้วกลับพบว่าเสียงของเธอไม่ดังเท่าไรนักในท่าทางห้อยหัวแบบนี้ แถมยังถูกมือหนาใหญ่ของชายคนนั้นฟาดลงที่บั้นท้ายของเธอเต็มแรง ซ้ำตรงที่กระแทกชนขอบเตียงเมื่อครู่ พร้อมกับเสียงขู่สำทับตามหลังมา “ไอ้สวะพวกนี้ มันไม่รู้จักหรอกว่าอันไหนของนาย อันไหนของมัน ลองได้มาเจอเธอสภาพนี้ รับรองได้ว่าโดนเรียงคิวแน่ แต่เท่าที่กะดูตอนเข้ามา คนก็ไม่ได้เยอะมากนะ หมดทั้งงานนี่ร้อยกว่าคิวเท่านั้นเอง” คิดจะขู่กันหรือ แล้วเบ่งใส่คนโฉดชั่วออกไป             “ฉันเป็น...” บุณย์นราว่าแล้วก็อึกอักพูดต่อไม่ออก ข่มอายพูดไป “ฉันเป็นเมียของพี่ฟาสแล้ว คนพวกนั้นไม่กล้าเรียงคิวฉันหรอก ไม่ต้องมาขู่”             แม้จะพูดแบบนั้น แต่ในใจของเธอก็นึกหวั่นอยู่บ้าง แว่วเสียงชายคนนั้นท้ากลับ “ก็เอาสิ เรียกมาเลย” พลันนั้นเอง คำพูดที่กฤตยชญ์บอกกับยอชแว่วเข้ามาในหัว               ‘ให้กูเบื่อก่อน เดี๋ยวจะยกให้วันหลัง’             บุณย์นรานิ่งไป ใจคอเริ่มไม่ดี หากกฤตยชญ์ทำแบบที่พูดกับลูกน้องของเขาจริง เธอจะทำอย่างไร คิดวนเวียนว้าวุ่นไปมาก็ต้องหยุดเรื่องฟุ้งซ่านพวกนั้นไว้ก่อน เพื่อมองหาคนที่จะช่วยเหลือตนเองได้ ครอบครัวของเธออยู่ไหน จะมีใครโผล่มาเจอบ้างหรือเปล่า แต่กลับว่างเปล่า ไม่เห็นใคร เห็นแต่ว่าตรงนั้นมีคนคอยฉายไฟรออยู่ที่ทางเดินด้านหลังบ้าน คลับคล้ายคลับคลาจะเป็นคนของกฤตยชญ์ ที่แท้เกลือเป็นหนอน คนร้ายถึงได้เข้าถึงตัวคนเป็นนายได้แบบนี้               บุณย์นราเริ่มอ่อนแรง แม้ถูกจับพาดบ่าอยู่แต่เธอก็ยังดิ้นรนหาทางหนี และทุกครั้งที่ดิ้นจะถูกฟาดมือลงบนสะโพกเต็มแรง โดยนิสัยแล้วหญิงสาวไม่ใช่คนสำออย แต่แรงที่อีกฝ่ายกระทำซ้ำ ๆ ลงที่มันเจ็บระบมอยู่เลยทำให้ต้องร้องออกมา             “โอ๊ย! ช่วยด้วยค่ะ”             บุณย์นราร้องไม่ทันจบประโยคดี ก็ถูกฟาดลงมายังจุดที่เจ็บอีกครั้ง หญิงสาวกัดฟันแน่น หยุดดิ้น กระนั้นก็ยังพยายามตะเบ็งเสียงร้องให้คนช่วย แต่กลับได้ยินเสียงตัวเองดังแผ่ว ๆ ผ่านริมฝีปากออกไปเพียงเท่านั้น ในที่สุดก็ถูกพามาจนถึงด้านนอก โดยคนพามานำออกไปทางด้านหลัง ที่ตรงนั้นไม่มีใครยืนคุมอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งยังมีรถตู้จอดรออยู่คันหนึ่ง “จะพาฉันไปไหน” เธอถามเมื่อถูกโยนเข้าไปในรถแล้ว บนนั้นมีคนขับที่ด้านหน้านั่งอยู่คนเดียว หันไปมองรอบคันก็เห็นแต่ชายร่างสูงใหญ่คนที่ฉุดเธอมา นั่งขวางประตูอยู่อีกคน จบคำถามของเธอ ไม่มีคำตอบจากใครใด ๆ ทั้งสิ้น รถกระชากตัวออกไปได้พักใหญ่แล้ว บุณย์นรายังหมุนหน้ามองเส้นทางซ้ายทีขวาที ว่ารถมุ่งหน้าไปที่ไหนกันแน่ แต่สองข้างทางมืดบ้างสว่างบ้าง จึงมองเห็นได้ไม่ชัดนักว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว หญิงสาวถอนหายใจ แล้วถอยหลังนั่งเบียดตัวเองกับเบาะรถอย่างหวาดกลัวปนอ่อนเพลีย เครื่องปรับอากาศทำงานเต็มสมรรถนะของมัน เย็นจนหนาว ทีแรกก็ว่าตัวเองทนได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้นเรื่อย ๆ เป็นชั่วโมงก็ทำท่าจะไม่ไหวเอา บุณย์นรากัดผนังปากแน่น ไม่ยอมหลุดปากพูดอะไรออกไปคนพวกนี้ต้องไม่ใช่คนดีแน่ ไม่อย่างนั้นจะบุกเข้าไปทำร้ายคนอื่นถึงในบ้านทำไมกัน กฤตยชญ์ถูกทำร้ายหนักขนาดนั้น แล้วเธอก็ถูกฉุดมาแบบนี้ ป่านนี้แล้วจะมีใครรู้เรื่องบ้าง หญิงสาวไม่ยอมแพ้ มองหาทางหนีทางรอดให้ตัวเอง ได้ยินคนขับรถคุยกับชายที่นั่งขวางประตูตรงเบาะแถวเดียวกับเธอด้วยท่าทีเคร่งเครียด แล้วก็เห็นว่าเขาคว้าเอาขวดเหล้าขวดเล็กออกมาเปิดดื่ม อีกเดี๋ยวก็เห็นยกดื่มอีกเรื่อย ๆ รถยังคงมุ่งหน้าไปเรื่อยไม่มีทีท่าจะจอดเลยสักนาทีเดียว นานร่วมสองชั่วโมงได้ ที่รู้ว่ารถหยุดเคลื่อนล้อแล้ว บุณย์นราใจเต้นไม่เป็นส่ำ รู้สึกกลัวมากกว่าเดิม ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง แล้วก็เอียงตัวหลบแทบไม่ทัน เมื่อเสื้อคลุมตัวใหญ่ถูกโยนมาพาดที่ตรงไหล่ของเธอเข้าพอดี กลิ่นน้ำหอมผู้ชายปะปนกลิ่นบุหรี่ติดอยู่บนเสื้อตัวนั้น เธอขยับหนีมันด้วยท่าทีรังเกียจ ก็ถูกคว้าแขนเอาไว้จากคนที่ฉุดเธอมา แล้วก็ถูกเขาห่อเธอด้วยเสื้อตัวนั้น พร้อมลากถูลู่ถูกังออกจากรถ บุณย์นราถูกจับพาดบ่าอีกครั้ง แต่รอบนี้เธอหมดแรงจะผงกหัวดูว่าเขาพาเธอไปไหนต่อ ได้แต่ปิดตาลงอย่างอ่อนเพลีย จนเห็นว่าเขาหยุดเดิน ก็ค่อยปรือตามอง เอียงมองสำรวจพบว่าที่ตรงนั้นคล้ายห้องโถงของบ้าน เขาเดินผ่านมัน มุ่งหน้าไปยังทางทอดยาวแล้วเลี้ยวขวาเข้าประตูบ้านไม้ตรงสู่ห้องในนั้น พร้อมกับโยนเธอลงบนเตียง ไม่ได้รุนแรงก็จริง แต่กระนั้นก็ไม่ได้วางอย่างทะนุถนอมเท่าไรนัก พอทรงตัวได้ ก็ค่อยขยับลุกนั่งเพราะชุดของเธอขาดจนหมด มีก็แต่เสื้อที่คลุมอยู่ที่พอจะปกปิดเรือนร่างของเธอเอาไว้ได้หน่อย พอเงยหน้าขึ้นมองเขา ค่อยเห็นว่าเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว จึงเอ่ยด้วยเสียงอ่อนลง หวังเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันขอร้องล่ะ” เห็นเขาจ้องหน้าเธอนิ่งแต่ไม่พูดอะไร แล้วถึงขยับลงมานั่งบนเตียง เชยคางเธอขึ้น ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนได้กลิ่นเหล้าคลุ้งออกมาพร้อมลมหายใจของเขา นิ้วเรียวยาวที่จับปืนขู่จะยิงกฤตยชญ์กดลงบนผิวแก้มของเธอแรง ๆ ลากนิ้วปาด หงายขึ้นดู งึมงำถามใกล้ใบหน้าของเธอ “แต่งหนาขนาดนี้ทำไม” บุณย์นราเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอไม่รู้หรอกว่าแบบไหนที่เรียกว่าหนาหรือบาง เพราะปกติไปเรียน ก็ใส่เพียงชุดนักศึกษา ทาครีมทาแป้งก็ว่าเยอะแล้ว เพิ่งวันนี้เอง ที่ช่างลงสีละเลงบนใบหน้าให้เธอเสียแยะ “ทำไมไอ้ฟาสมันถึงต้องแต่งงานกับเด็กอายุแค่สิบแปดวะ” บุณย์นราเบี่ยงหน้าหนี บอกเสียงสั่น “ฉันเรียนจบปริญญาแล้ว จะอายุแค่สิบแปดได้ยังไง” ว่าจบ เห็นเขาหรี่ตามองเหนือหว่างคิ้วของเธอ ยื่นมือแตะลงบนหน้าผาก ถามอีกประโยค “ไปโดนอะไร”  บุณย์นราสะดุ้งเล็กน้อย เพราะเจ็บตรงที่เขาแตะถูก เบี่ยงหน้าหนีไม่ตอบ ค่อยโล่งใจ เมื่อเขายอมละมือจากใบหน้าของเธอ “ตรงนี้ด้วย” เสียงทุ้มถามใหม่ พร้อมดึงเสื้อคลุมออกจากหัวไหล่ของเธอ บุณย์นราขยับหนีด้วยความหวาดกลัว เมื่อเขาเข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดลงบนผิว หญิงสาวหดคอ ดึงตัวเองให้ออกห่างจากเขามากที่สุด เอ่ยเสียงแผ่ว เพราะเรี่ยวแรงกำลังลดน้อยถอยลงทุกที ๆ “หยะ... อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ปล่อยฉันไปเถอะ” สิ้นคำวอนขอ มือหนาและใหญ่ของเขาจับใบหน้าของเธอให้หันมาสบตาตอบ พร้อมกับที่ปากร้อนผ่าวทาบปิดลงในตอนนั้นบุณย์นราตกใจจนดวงตาสีดำเต็มไปด้วยแววอ่อนล้าเบิกกว้างขึ้น หญิงสาวยกมือดันอกเขา ออกแรงจนสุดพอปากเป็นอิสระได้หน่อยหนึ่ง ก็ร้องขอ อ้อนวอนอีกครั้ง “อย่าทำฉันเลยนะ” เขาดึงให้เธอเข้ามาใกล้กันมากกว่าเดิม ก้มลงบอกชิดริมฝีปากเธอ “รับปากไอ้ฟาสมันแล้ว” บุณย์นราออกแรงดันอีกฝ่าย แกะมือเขาออกแต่ก็ไร้ผล ปากร้องถามอย่างไม่เข้าใจ “เรื่องอะไรกัน” “พิสูจน์ว่าเธอยังสดอยู่หรือเปล่า” ได้ยินเสียงขรึมบอกแบบนั้น บุณย์นราตัวชาวาบขึ้น หญิงสาวออกแรงเฮือกสุดท้ายขืนตัวหนี ดิ้นรนให้ตัวเองหลุดพ้นจากเรี่ยวแรงที่แสนอันตรายของผู้ชายคนนี้ “ไม่ ๆ ปล่อยนะ ปล่อยฉันก่อน” บุณย์นราทั้งถีบ ทั้งหยิก ทั้งดิ้น ทั้งหนี แต่ก็ถูกดึงลงให้นอนหงายราบไปกับเตียงนอนอย่างเดิม หญิงสาวไม่มีทางยินยอม เธอพยายามหาหนทางต่อสู้ พร้อมกับขอร้องอีกฝ่ายด้วยท่าทีอ่อนลง “ปล่อยฉันเถอะ ฉันไปแล้วสัญญาว่าจะบอกพี่ฟาสว่าไม่ต้องแจ้งความเอาผิดกับพวกนาย จะได้เลิกแล้วต่อกันไป...” บุณย์นรายังโน้มน้าวไม่จบดีเลย ก็ถูกเสียงของอีกฝ่ายขัดกลับมา “กลัวตายห่า” จบคำเขา บุณย์นราถูกปิดปากแน่นอีกครั้ง ชายคนนั้นจูบเธอราวกับจะดูดเอาความหวานในปากออกไปให้หมด หญิงสาวหมดหนทางดิ้นหนี ทำเป็นโอนอ่อนผ่อนตามแล้วลงฟันจะงับกัดลิ้นอีกฝ่ายให้สุดแรง แต่นั่นลิ้นคนหรือลิ้นงู ทำไมถึงได้โฉบหนีจากฟันของเธอได้ มือที่ออกร้อนผ่าวบีบเข้าที่คางของเธอแรงมาก แรงจนบุณย์นราน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บปวดส่งเสียงบอกให้เขาปล่อย แต่เขาหรือจะยอมให้เธอเป็นอิสระ ริมฝีปากกรุ่นกลิ่นเหล้าเคล้าบุหรี่เจือจางก้มลงหาอีกครั้ง “ฮึก…” หญิงสาวสะอื้น เธอถูกชายแปลกหน้าคนนั้นใช้กายของเขาทาบลงทับ หญิงสาวออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง ฮึดเป็นเฮือกสุดท้ายก่อนที่แรงของเธอจะหมดลง น้ำตาเปรอะเลอะเป็นคราบ ปากร้อนผ่าวยอมปล่อยจากปากของเธอแล้ว และกำลังไล่ไต่ต่ำลงตามลำคอ ลงไปยังเนินอก บุณย์นราแว่วเสียงกรีดร้องของใครสักคนในนาทีต่อมา และคืนนั้นเองที่เธอได้เข้าหอเมื่อเวลาล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้ว แต่ชายที่เธอร่วมหอด้วยในคืนนั้นไม่ใช่กฤตยชญ์ ไม่ใช่เจ้าบ่าวของเธอ เป็นชายโฉด ที่บุณย์นราไม่รู้จักกระทั่งใบหน้า รวมไปถึงชื่อเสียงเรียงนามของเขาด้วย   
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม