“วี้ดวิ้ว...”
เสียงโห่ร้องของผู้ชายกลุ่มหนึ่งทำเอาอาทิตยาเกิดความไม่มั่นใจเล็กน้อย กระนั้นก็บอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจ รีบหาห้องเรียนให้เจอแล้วรีบเข้าห้องไปเตรียมตัวเรียนดีกว่า
“ซ้ายขวาซ้าย! ซ้ายขวาซ้าย!”
แต่เสียงกวนประสาทยังคงมีมาไม่หยุด นั่นทำให้อาทิตยาที่ตอนแรกกะว่าจะไม่สนใจอดหันไปมองไม่ได้ จึงได้เห็นว่าทั้งหมดนั้นน่าจะเป็นเด็กเฟรชชี่ปีหนึ่งเหมือนกันกับเธอ
พวกเขามีกันสี่คน แต่ละคนจัดว่าหน้าตาดีพอใช้ค่อนไปทางดีมาก แต่ปากกับท่าทางของพวกมันนี่โคตรตรงกันข้ามกับหน้าตา
“หูย มีมองค้อนด้วย”
หนึ่งในสี่ว่าขึ้นมา
“ฮ่าๆ ๆ” แล้วก็ประสานเสียงฮากันทั้งแก๊ง จากนั้นใครสักคนในกลุ่มก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า
“ชื่อไรครับ”
อาทิตยาเม้มปากไม่ตอบ ก่อนจะสะบัดหน้าหนี ตั้งใจว่าจะรีบเดินหนีไปให้ไกล แต่แล้วก็ต้องหยุดกึก
“ไม่ตอบ งั้นเรียกอวบนะ”
“เฮ้ย เลิกแกล้งกันได้แล้ว”
คนที่ดูเคร่งขรึมที่สุดในกลุ่มพูดขึ้นบ้าง แต่อาทิตยาเห็นนะว่าเขาแอบยิ้มขบขันที่มุมปาก
“ไม่แกล้งแล้วจ้ะ อวบจ๋า เดินดีๆ นะจ๊ะ ถ้าเดินไม่ดีจะแย่ได้นะ” คนที่หนึ่งว่า
“แย่ยังไงวะ” คนที่สองถาม
“เดี๋ยวพื้นมันยุบ” คนที่สามตอบ
“ฮ่าๆ ๆ”
พวกมันสี่คนฮากระเจิงขำกระจาย อาทิตยาที่สุดจะทนเลยอดตอบโต้ไม่ได้ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งด้วยแล้วเชียว
“บ้า!”
“ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรัก อวบชอบผมเหรอครับ ฮ่าๆ”
อาทิตยาเกลียดไอ้หมอนี่ที่สุดเลย มันตัดผมเกรียนๆ หน้าตากวนประสาท ที่มุมปากข้างหนึ่งมีไฝเล็กๆ ปรากฏอยู่ ถึงว่าสิ มันถึงได้ปากหมา ปากมอม ปากปีจอ ปากเน่า ปากไม่ดี!
โกรธๆ ๆ ๆ เธอโกรธแล้วจริงๆ นะ
“ต่อให้เหลือนายเป็นผู้ชายคนสุดท้ายในโลก จ้างให้เราก็ไม่ชอบหรอก”
ว่าจบก็รีบสะบัดตูดเดินหนีไปทันที ไม่สนใจเสียงฮาครืน ตบเข่าฉาด และกระทืบเท้าถูกใจจนหัวเราะตัวงอของไอ้สี่ตัวนั่นอีก...
“คนบ้า พวกบ้า นิสัยไม่ดี!”
แม่สาวอวบจ้ำม่ำเดินตาแดงๆ พร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ ปากก็ด่าพวกปากหมาที่หาเรื่องแซวเธอไม่หยุดตั้งแต่วันแรก
นี่มันวันซวยอะไรนะ เปิดเรียนวันแรกก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้
เดินไปบ่นไป ฮึดฮัดไป สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเดินมั่ว พอตั้งสติหันมองรอบๆ ตัว ถึงได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ทางที่เธออยากจะเดินมา
ที่จริงต้องเดินไปอีกด้าน ถึงจะเป็นที่ตั้งของอาคารเรียนที่ต้องเรียนวิชาแรกในวันนี้
“โอ๊ย อะไรนักหนานะ”
อาทิตยากลอกตาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะรีบเดินกลับไปยังทางเดิม เพื่อจะได้เลี้ยวไปยังอาคารที่ว่า ซึ่งจากจุดที่เธออยู่นี้ก็ไกลพอสมควร ได้เหงื่อซกกันคราวนี้ล่ะ
ทั้งเดินทั้งวิ่งและทั้งหาสถานที่ เพราะความไม่คุ้นชินเลยทำให้เธอต้องใช้เวลาถึงสิบห้านาทีกว่าจะมาถึงห้องเรียนของคลาสแรก เมื่อเปิดประตูเข้าไป อาจารย์ยังไม่มา แต่ว่า...
นักศึกษาที่นั่งเต็มห้องหันขวับมามองเธอเป็นตาเดียว เสียงเจี๊ยวจ๊าวตอนแรกก็เงียบกริบราวกับสับสวิตช์
อาทิตยาลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างหวั่นๆ เท่าที่กวาดสายตามองไวๆ ดูแล้วรู้เลยว่า...ในห้องนี้เธอจนที่สุด!
เพราะอะไรน่ะหรือ ก็แต่ละคนดูหรูหราหมาเห่า กระเป๋าเอย รองเท้าเอย นาฬิกาเอย แต่ละอย่างมาเต็มมาก บางคนนี่ตุ้มหูแสงระยิบระยับมาเลยด้วยซ้ำ
และเธอก็อ้วนสุด!
ทำไมจะดูไม่ออกว่าผู้หญิงแต่ละคนในห้องนี้อรชรอ้อนแอ้นเอวบางแค่ไหน น่าจะเอวหนาแค่ยี่สิบต้นๆ ไม่ใช่ยี่สิบปลายๆ ใกล้สามสิบอย่างเธอ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นอาทิตยาไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา สิ่งที่มากกว่าวัตถุภายนอกคือเรื่องของจิตใจ สายตาหลายคู่ที่มองมาที่เธออย่างเหยียดๆ เหมือนไม่ใช่มนุษย์ร่วมโลก นั่นต่างหากที่ทำให้เธอหนักใจ
และที่เลวร้ายไปกว่านั้น ผู้ชายสี่คนปากมอมนั่นเรียนสาขาเดียวกันกับเธอ แถมตอนนี้กำลังนั่งอยู่หลังห้องเรียน เรียงหน้ากันสลอน และมองมาที่เธอด้วยสายตาพราวระยับ อย่างพร้อมที่จะหยอกล้อด้วยถ้อยคำที่น่าจะทำให้อาทิตยาตกมันได้ง่ายๆ
จะบ้าตาย!
ครั้นสำรวจทุกคนในห้องแล้ว อาทิตยาคิดว่าเธอควรต้องหาที่นั่งเสียที ยืนเด๋อด๋าแบบนี้จะยิ่งตกเป็นเป้าสายตาให้ใครหลายคนมองมาอย่างดูถูกดูแคลน
“มีคนนั่ง”
คำบอกกล่าวสั้นๆ ทำเอาอาทิตยาชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวไปนั่งที่เก้าอี้ตัวแรกของแถวที่สาม คนที่พูดขึ้นมาเป็นผู้หญิงใส่แว่นคนหนึ่ง ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นเด็กเรียน เจ้าหล่อนไม่พูดเปล่า แต่เอากระเป๋ามาวางบนเก้าอี้ตัวนั้น ปิดกั้นไม่ให้อาทิตยาได้นั่งไปโดยปริยาย
เมื่อไม่มีที่ว่างแล้ว อาทิตยาก็หน้าหงอยลงเล็กน้อย ด้วยจำนวนนักศึกษาค่อนข้างมาก ราวๆ ห้าสิบคนได้ และเธอมาช้า มันก็เลยเป็นแบบนี้ แต่โชคดีที่ยังมีเก้าอี้ว่างอีกที่หนึ่ง ซึ่งเป็นที่ข้างๆ ผู้ชายที่ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่จริงจังที่สุดในห้องนี้
เขานิ่งและเยือกเย็นมาก อาทิตยารู้สึกเกร็งนิดๆ แต่ก็ไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปถามไถ่ ยังไงวันนี้เธอก็ต้องได้นั่ง!
“ขอโทษนะคะ ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ”
“นั่งดิ ตามสบาย”
เสียงเข้มขรึมแต่น่าฟังของเขา ทำเอาอาทิตยาเลิ่กลั่กนิดหน่อย แต่ก็ไม่เสียเวลาคิด รีบนั่งลงทันใด พร้อมกับที่อาจารย์ประจำวิชาเปิดประตูเดินเข้ามาพอดี
ครั้นทำความเคารพอาจารย์เสร็จเรียบร้อย อาจารย์ก็เริ่มทักทาย ตอนนั้นเองที่อาทิตยาลอบสำรวจคนข้างๆ