ตอนที่ 2 พี่คิงไม่อ่อนโยน (1)
สัปดาห์แรกของการเรียนผ่านไปด้วยดี อาทิตยารู้สึกว่าไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนกับเขาบ้าง แม้จะไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากมาย แต่ก็ถือว่าไม่โดดเดี่ยวหัวเดียวกระเทียมลีบ แต่เธอไม่คิดเลยว่าการที่อยู่นิ่งๆ ไม่สุงสิงกับใครจะก่อให้เกิดความหมั่นไส้จนแกล้งกันรุนแรงได้ถึงเพียงนี้
วันนี้อาทิตยาไปเรียนตามปกติ พอเข้าไปในห้องก็มีนักศึกษานั่งรอเรียนแล้วประปราย
สารภาพตามตรงว่าอาทิตยายังจำชื่อพวกเขาได้ไม่หมด ก็ยังไม่มีจังหวะไปทำความรู้จักกับใครนี่เนอะ และก็คงไม่มีใครอยากรู้จักกับเธอสักเท่าไหร่หรอก
ครั้นเดินไปยังเก้าอี้ตัวประจำที่เคยนั่งข้างขุนพล ยังไม่ทันจะได้นั่งก็มีคนจงใจเดินมากระแทกให้เธอเซ จนสะโพกกระแทกกับขอบเก้าอี้อย่างจัง
อาทิตยาหันไปมอง จำได้ว่าเป็นชลิตาหรือเชอรี่ หนึ่งในแก๊งสามสาวซึ่งประกอบด้วยชลิตา วาสนา และไมร่า
อาทิตยาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับพวกเธอเหล่านี้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมาแกล้งกันด้วย
“มองอะไรอีอ้วน มีปัญหาเหรอ”
ชลิตาว่าพร้อมกับเชิดหน้าใส่อย่างท้าทาย วาสนากับไมร่าก็ทำหน้าตาล้อเลียนใส่เช่นเดียวกัน ประหนึ่งนายว่าขี้ข้าพลอย
“ทำไมต้องแกล้งกันด้วย”
“แกล้งเหรอ ใครแกล้งแก อ้วนเองเกะกะขวางทางชาวบ้านเขาจะเดิน คิกๆ” พอชลิตาพูดจบ อีกสองสาวก็หัวเราะประสานเสียงอย่างเย้ยหยัน
อาทิตยากัดฟันข่มใจ ก่อนจะเดินไปเก็บข้าวของที่หล่นกระจัดกระจายเพราะแรงกระแทกเมื่อครู่
มือขาวๆ ที่กำลังจะเก็บกล่องสี่เหลี่ยมขึ้นมาชะงัก เมื่อไมร่าโผเข้ามาแย่งมันไปต่อหน้าต่อตา
“เฮ้ย อีอ้วนมันห่อข้าวมากินด้วยเว้ย”
“ฮ่าๆ ๆ”
เสียงหัวเราะหลายเสียงดังขึ้น บ่งบอกให้รู้ว่าคนที่ชอบเหยียบให้คนอื่นจมดินและมองเหยียดคนอื่นในห้องนี้มีมากกว่าสามคน
อาทิตยาตระหนักรู้ได้ในทันทีว่าไม่ใช่สามสาวนี้เท่านั้นที่ไม่ชอบเธอ แต่ยังมีอีกหลายๆ คน มองออกได้เลยจากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้
“บ้านมึงจนไม่มีจะแดกใช่ไหม หน็อย! แล้วยังกล้ามาเรียนที่นี่ กลับไปอยู่บ้านเลยไป๊ ที่นี่เขามีแต่คนรวยๆ มาเรียนย่ะ” ชลิตายังพูดพ่นวาจาไม่น่าฟังออกมาไม่หยุด
“เอาคืนมานะ” อาทิตยาหันไปบอกไมร่าพร้อมกับทำท่าจะยื้อแย่งคืน แต่ก็ไม่เป็นผล
“ไม่ให้” ไมร่าลอยหน้าลอยตาบอก
“เอาไปทิ้งขยะเลยไมร่า กูอยากรู้นัก ถ้าไม่มีข้าวกล่องนี้อีอ้วนมันจะมีปัญญาซื้อข้าวในโรงอาหารกินไหม” ชลิตาว่าอย่างดูถูก
“อย่านะ” อาทิตยาร้องห้าม แต่ไมร่าชูกล่องข้าวขึ้น ทำท่าจะโยนลงถังขยะ
“ทำอะไรน่ะ!”
เสียงเข้มที่ดังขึ้นด้านหลังทำเอาสามสาวชะงัก พร้อมกับที่อาทิตยารีบหันใบหน้าที่มีดวงตาแดงก่ำไปมอง
ขุนพลและพลพรรคทั้งสี่ยืนทำหน้าเหี้ยมที่หน้าห้อง เห็นดังนั้นสามสาวจึงรีบปรับสีหน้าและท่าทางทันที ไมร่าก็รีบยัดกล่องข้าวใส่มือคืนให้อาทิตยาทันทีเช่นกัน
“เปล่านะคะคิง เชอรี่ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย”
ชลิตารีบอ้อนผู้ชายที่ตนหมายตา ที่หาเรื่องแกล้งอาทิตยาก็เพราะว่าอีกฝ่ายขี้เหร่จะตาย แถมยังอวบอ้วนไร้เสน่ห์ แต่กลับได้นั่งเรียนข้างๆ และไปกินข้าวกลางวันกับหนุ่มที่เท่ที่สุดในสามโลกอย่างขุนพล แบบนี้จะไม่ให้เธอและเพื่อนหมั่นไส้มันได้ยังไง
“เธอแกล้งอะไรอวบ เชอรี่” วรฤทธิ์พูดขึ้นบ้างพร้อมกับหรี่ตามองอย่างจับผิด
“ฉันไม่ได้แกล้งอะไรใครทั้งนั้น”
“เชื่อตายล่ะ ไม่สวยแล้วยังนิสัยเสียอีกเธอน่ะ” ว่าจบก็แลบลิ้นใส่
ชลิตาเกือบจะกรี๊ดด่าออกมาอยู่แล้วเชียว ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครมาด่าเธอแบบนี้ แต่ก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรออกไปได้อีก เนื่องจากอาจารย์เปิดประตูเข้ามาพอดี เหตุการณ์จึงตกอยู่ในความสงบ
เมื่อนั่งลงยังที่ประจำเรียบร้อยแล้ว อาทิตยาก็รีบเช็ดน้ำตาที่เล็ดไหลออกมาและปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะหันไปเงยหน้ามองคนข้างๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าฝ่ามือหนาอบอุ่นของเขากำลังวางลงบนศีรษะ และยีผมนุ่มของเธอเบาๆ
“เรียนๆ” เขาว่าแค่นั้น แล้วก็หันกลับไปสนใจเนื้อหาบนกระดานไวต์บอร์ด
แต่แค่นั้นก็ทำให้อาทิตยาลืมความรู้สึกแย่ๆ ที่ได้รับในวันนี้ไปจนหมดสิ้น อย่างน้อยเขาก็นั่งอยู่ข้างๆ เธอในวันที่แย่ที่สุด
ขอบคุณนะคิง เธอได้แต่บอกเขาในใจ...
“พวกเชอรี่นี่มันร้ายจริงๆ”
วรฤทธิ์ว่าอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขณะกำลังรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่โรงอาหาร
“ลูกคุณหนูเอาแต่ใจก็แบบนี้” ศักดิ์ชัยตั้งข้อสังเกต
“กูก็ลูกคุณหนูเว้ย” วิบูลย์แทรกขึ้นมาบ้าง ความนัยคือต้องการให้เห็นว่าไม่ใช่ลูกคุณหนูจะนิสัยเสียอย่างยัยเชอรี่ทุกคน
“มันไม่เหมือนกันไง ผู้หญิงผู้ชาย” ศักดิ์ชัยโต้
“เลิกพูดถึงเถอะว่ะ พูดแล้วหงุดหงิด” วรฤทธิ์ตัดจบทั้งที่ตั้งแต่แรกตัวเองเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนแท้ๆ
“ผู้ชายอะไรวะ นินทาผู้หญิง” ขุนพลที่นั่งเงียบมานานเอ่ยบ้าง
“ผู้หญิงแบบนี้นินทาไปก็ไม่บาปมากหรอกมั้งพี่ นิสัยเสียขนาดนั้น ใครได้ไปทำพันธุ์นี่ซวยตายห่า”