“นี่คุณ ทำไมต้องตอบยั่วด้วยคะ”
จาคอบไม่เข้าใจว่าบัวบุษยาเกลียดอะไรเขานักหนา แต่ว่าเขาไม่ได้เกลียดเธอเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าเธอน่าสนใจมากกว่าสาวๆ คนไหนที่เขาเคยรู้จักมา ท่าทางเย่อหยิ่งแต่เขาคิดว่ามันซ่อนความอ่อนหวาน น่ารักอยู่ภายใน ทำให้เขาอยากเรียนรู้เธอให้มากขึ้น พอเป็นแฟนกันจะได้คบกันอย่างราบรื่น พอเห็นเจ้าปลาวาฬจอมแสบ เขาก็เริ่มชอบเด็กขึ้นมาบ้าง ถ้าได้คุณหมอสาวมาเป็นแม่พันธุ์ลูกของเขาจะต้องออกมาหน้าตาดีแน่
บัวบุษยาเดินไปหยิบกล่องโฟมที่เหลืออีกหนึ่งกล่องมาถือไว้แล้วเดินเข้าไปในบ้านแบบไม่สนใจใครอีกคน
“พี่หมอปิ้งกุ้งเลยนะจ๊ะ” นาราถาม
“ได้เลยนารา พี่เตรียมเตาไว้ให้แล้วนะคะ ปิ้งได้เลยค่ะ”
“พี่หมอบัว แล้วคุณเขมล่ะ ว่ายังไง มาด้วยไหม”
“เขมบอกว่าจะมาถึงค่ำๆ หน่อยค่ะ”
ทั้งหมดเลยไปยืนตรงหน้าเตา แล้วช่วยกันจัดการปิ้งย่างอาหารที่เตรียมมา กระทั่งปิ้งจนเต็มจานแล้ว จึงกลับไปนั่งที่เก้าอี้
“คุณจาคอบคะ กินน้ำจิ้มซีฟู้ดได้ไหมคะ”
“ได้ครับ ผมกินได้ทุกอย่าง”
บัวบุษยามองเขาแล้วก็นึกสงสารเหมือนกันว่าเขาจะกินอาหารรสจัดได้ไหม แต่เขาเป็นฝ่ายเลือกที่จะมาเองก็ต้องกินให้ได้
“แล้ววันนี้ลูกน้องไปไหนหมดล่ะคะ” นารายังถามต่อ
“วันนี้ผมให้เขาหยุดพักร้อนกันหนึ่งวันครับ เกรงใจเจ้าของบ้านถ้าผมจะพาลูกน้องมาด้วย เดี๋ยวเขาจะคิดว่าพวกผมเป็นโจรพาลูกน้องมาปล้น”
“โอ้โห ใครจะกล้าคิดแบบนั้นกับคุณจาคอบคะ” เธอได้ยินจากแม่ว่าเขารวยมาก
จาคอบเดินไปใกล้หมอคนสวย “ที่จริงบ้านคุณหมอก็น่าปล้นนะครับ แต่ไม่ใช่ทรัพย์สิน...หมอรู้ใช่ไหมครับผมอยากมาปล้นอะไร...”
บัวบุษยาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ยิ่งเธอทำเมินเขาก็ยิ่งอยากพูดด้วย “ผมให้เดา”
“ไม่ค่ะ ไร้สาระ”
“เจ้าของบ้านท้าทายอย่างนี้น่าปีนข้ามกำแพงมาปล้นใจจริง”
“ไปปล้นบ้านอื่นเถอะค่ะ”
นาราที่ย่างกุ้งอยู่เงยหน้ามาคุยเป็นพักๆ
“คุณจาคอบชอบบ้านไหมคะ”
“ชอบครับ ชอบมาก แต่ที่ชอบกว่าบ้าน ก็คือเพื่อนบ้านครับ ถ้าตัดสินใจขายอย่าลืมบอกผมนะครับ”
“ถ้าแม่ตัดสินใจขายจะรีบบอกนะคะ แต่ขอถามหน่อยค่ะ ทำไมถึงอยากได้บ้านหลังนี้คะ
จาคอบอมยิ้มพลางปรายตามองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ ตลอดการสนทนาบัวบุษยาไม่เคยคุยกับเขาเลย หากแต่นั่นยิ่งทำให้เขาอยากยั่วให้เธอตบะแตก
“ผมชอบสิ่งแวดล้อมครับ บ้านดี เพื่อนบ้านสวย”
“อะไรนะคะ”
“บ้านสวย เพื่อนบ้านก็ดีครับ” จาคอบรีบแก้ทำให้นาราหัวเราะ เพราะคิดว่าจาคอบใช้ภาษาไทยผิดเนื่องจากยังไม่ชิน
ผิดกับบัวบุษยาที่รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เธอไม่คิดว่าเขาพูดผิด และยังเชื่อด้วยว่าเขาพูดถึงเธอ บัวบุษยาไม่ได้เข้าข้างตัวเองว่าสวย แต่ว่าสายตาคู่คมที่มองมาอย่างเปิดเผยต่างหากที่ทำให้เธอมั่นใจว่าเขาพาดพิงถึง ซึ่งไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรถึงพูดไปแบบนั้น แต่บัวบุษยาไม่ชอบเลย
“แต่ถึงแม่ของนาราจะยอมขายบ้านให้คุณจาคอบแล้วคุณซื้อได้หรือคะ ในเมื่อคุณเป็นชาวต่างชาติ”
“ซื้อได้สิครับ ผมกำลังหาภรรยาชาวไทยอยู่ครับ”
นาราฟังแล้วแทบจะกรีดร้อง นี่ถ้าเกิดเธอไม่ได้หมายตาใครเอาไว้
“ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
“ผมก็ขอตัวไปห้องน้ำด้วยครับ” จาคอบเอ่ยขึ้น แล้วลุกขึ้นยืดกายเต็มความสูง บัวบุษยาหันไปมองอีกฝ่ายด้วยแววตาสงสัย
“คุณจะเข้าห้องน้ำหรือคะ”
“ใช่ครับ ทำไมหรือครับ”
บัวบุษยาไม่อยากให้งานกร่อย ทั้งที่สงสัยว่าเขาต้องมาอยากเข้าห้องน้ำอะไรตอนนี้พร้อมกับเธอ
“ไม่มีอะไรค่ะ งั้นก็เชิญ”
“ห้องน้ำอยู่ทางไหน นำทางให้ผมได้ไหมครับ”
“ตามฉันมาค่ะ” บัวบุษยาบอกเสียงกระด้าง หงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก การที่มีคนตัวสูงเข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองเลย พวกมาเฟียนี่มีบุคลิกข่มให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเล็กลงและตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลา
บัวบุษยาเดินนำเขาเข้าไปในบ้านแล้ว แต่ว่าคนตัวโตกลับเอ่ยขึ้นเสียงไม่ดังไม่เบาที่ด้านหลังของเธอ
“ผมทำอะไรให้คุณหมอไม่พอใจก็บอกได้นะครับ ผมเห็นคุณหมอทำหน้าเหมือนเบื่อผม”
“ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ ไหนว่าอยากเข้าห้องน้ำก็เชิญสิคะ ห้องน้ำอยู่ทางนี้” เธอชี้มือไปที่ห้องน้ำ แล้วจะหมุนตัวเดินหนี บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงไม่กล้าสู้หน้าเขา ตอนเขาถามว่าไม่พอใจอะไรก็ไม่สามารถตอบเขาได้ เหมือนรู้สึกใจเต้นแรงไปหมด ถ้าจะบอกว่าไม่พอใจอะไรก็น่าจะไม่พอใจตัวเองมากกว่าที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
บัวบุษยาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกมือหนาคว้าข้อมือไว้ หญิงสาวจึงหันมามองเขาด้วยสายตาขุ่นขวาง
“ปล่อยมือฉันค่ะ อย่าทำรุ่มร่ามแบบนี้ ฉันไม่ชอบ”
“ผมไม่ปล่อยจนกว่าคุณหมอจะบอกว่าไม่พอใจอะไรผม ผมเป็นคนไม่ชอบอะไรค้างคา โดยเฉพาะเรื่องความรู้สึก”
“ไหนว่าจะเข้าห้องน้ำไงคะ นู่นห้องน้ำไปเข้าสิคะ”
“แล้วคุณหมอล่ะครับ ไหนว่าจะเข้าห้องน้ำ”
“ฉันไม่เข้าแล้ว จะออกไปที่โต๊ะอาหารแทนค่ะ” บัวบุษยาบอกแล้วหรี่ตามองไปที่ข้อมือของตัวเองที่ยังถูกยึดไว้ แต่คนตัวโตทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วดึงร่างบางให้ขยับเข้ามาใกล้ ด้วยความแข็งแรงของร่างกายที่แตกต่างกันเมื่อเขาออกแรงดึงเพียงนิดเดียว บัวบุษยาก็ปลิวหวือเข้าไปในอ้อมอกแกร่ง
ทันทีที่ปะทะกับแผ่นอกกว้างแข็งแรง ดวงตาคู่หวานก็เบิกกว้าง ใช้มือคั่นกลางระหว่างตัวเองกับคนตัวโตแล้วพยายามดันร่างออก
“ปล่อยนะ”
“ไม่ปล่อยจนกว่าหมอจะเปิดปากบอกว่าไม่พอใจอะไร”
“ปล่อยฉันสิ” บัวบุษยาไม่ยอมพูดและยิ่งไม่พอใจเมื่อเขาไม่ยอมปล่อย ร่างบางดิ้นรนในอ้อมแขนแกร่งที่ยิ่งรัดแน่นเหมือนงูที่รัดเหยื่อ
บัวบุษยาหยุดดิ้น เงยหน้ามองเขาอย่างขุ่นเคือง “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ คุณกำลังทำให้ฉันหมดความอดทน”