เมื่อตั้งใจว่าจะไม่กลับไป พอพยัคฆ์เรียกคนงานให้มาทำหน้าที่รับแก้วตาไปส่งยังขนส่ง แก้วตาที่กำลังเก็บกระเป๋าก็แสร้งทำเป็นท้องเสียพร้อมกับอาเจียนออกมาหลายต่อหลายรอบ แน่ล่ะว่าเธอไม่ได้ทำให้คนอื่นเห็น
แต่ทำเป็นโซซัดโซเซ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำกะทันหันหลายๆ รอบ ส่งเสียง
โอ้กอ้ากออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับบอกพยัคฆ์ที่ยืนรอการจากไปของเธออยู่
“ขอโทษนะคะพี่เสือ วันนี้แก้วคงเดินทางไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ท้องเสียหนักมาก อาเจียนด้วย สงสัยอาหารเป็นพิษ กินอาหารป่าคงผิดสำแดงน่ะค่ะ”
โทษอาหารที่กินไปเมื่อเย็นเสียเลย เดชะบุญที่อาหารนั้นเป็นอาหารป่าฝีมือของคนงานที่มีหน้าที่ทำอาหารเย็นให้พยัคฆ์ทุกวัน แก้วตาจึงทำเป็นว่ากระเพาะของตนบอบบาง รับอาหารพื้นบ้านเข้าไปก็มีการตอบสนองที่ไม่ดี ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว อาหารป่า อาหารรสเผ็ด ของหมักดอง เป็นของโปรดของแก้วตาเลยทีเดียวล่ะ
แต่พยัคฆ์จะไปรู้อะไร เขาคุ้นเคยกับแก้วตาก็จริง ทว่าไม่ได้สนใจว่าเธอชอบหรือไม่ชอบกินอะไรสักหน่อย เห็นใบหน้าซีดเซียวที่แก้วตาจงใจปล่อยหน้าสดให้ดูป่วยสมจริงแล้วก็ได้แต่หัวเสีย
“แล้วเธอจะเอายังไง”
“ขอแก้วอยู่ด้วยอีกสักวันสองวันจนกว่าอาการจะดีขึ้นได้ไหมคะ”
ว่าแล้วเชียวว่าต้องลงเอยอีหรอบนี้ พยัคฆ์ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ เหมือนเขาจะปฏิเสธไม่ได้ ขืนปล่อยให้ไป หญิงสาวคงจะลำบากเพราะกว่าที่รถทัวร์จะพาไปถึงที่หมาย เธอคงตายก่อนแน่ รถทัวร์ก็ไม่ได้แวะปั๊มให้เข้าห้องน้ำบ่อยๆ เสียด้วยสิ
“ก็ได้” เขาตอบรับอย่างจำใจ
แก้วตาเกือบจะกระโดดด้วยความดีใจพร้อมปรบมือรัวแล้ว ทว่าชะงักไปเสียก่อนเมื่อพยัคฆ์พูดต่อ
“แต่เธออย่าลืมกฎของที่นี่”
“อะไรคะ”
“อย่าออกจากห้องหลังสามทุ่ม”
กลายเป็น ‘กฎ’ ไปเสียแล้ว แก้วตาทำท่าจะถามว่าเพราะอะไรถึงห้ามออกจากห้องหลังสามทุ่มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พยัคฆ์รู้ทันเธอเสียก่อน
“ไม่ต้องถามหาเหตุผล กฎก็คือกฎ ที่นี่คืออาณาเขตของฉัน ทำตามไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่”
ปากที่จะอ้าพะงาบๆ บัดนี้ปิดสนิทเลย
อาณาเขตของเสือ...
หวงอาณาเขตจริงวุ้ย! สงสัยยกขาฉี่ทำขอบเขตเอาไว้แล้วด้วยมั้งเนี่ย
แก้วตาทำปากขมุบขมิบไปมา ก่อนจะหัวเราะคนเดียว
ไอ้บ้าแก้ว นั่นมันหมา นี่พี่เสือต่างหาก!
“หัวเราะอะไร”
เสียงหัวเราะดันไปเข้าหูของพยัคฆ์พอดี แก้วตารีบหยุด อมยิ้มแก้มตุ่ยแล้วส่ายหน้าไปมา
“เปล่าค่ะ”
“เปล่าอะไร ก็เห็นหัวเราะอยู่”
“พี่เสือรู้จะต้องโกรธแก้วแน่ แก้วไม่บอกดีกว่าค่ะ”
พยัคฆ์หรี่ตาลงเล็กน้อย แม่คนนี้ อะไรของเขานะ
เขาก็ไม่ได้อยากรู้หรอก ยิ่งแก้วตาบอกว่าถ้าเขารู้ เขาคงโมโห งั้นไม่ต้องรู้แหละดีแล้ว ขนาดเธอไม่บอกอะไร เขายังหงุดหงิดเลย เขาไม่อยากหงุดหงิดเพิ่มหรอกนะ
“มีอะไรทำก็ไปทำ ฉันจะออกไปที่ไร่ กว่าจะกลับก็เย็นๆ ถ้าคนงานเอากับข้าวเย็นมาส่งก็รับไว้ หิวก็กินไปก่อนเลย ไม่ต้องรอ แล้วอยู่บ้านดีๆ อย่าสร้างความวุ่นวาย”
สั่งเสร็จก็เดินอาดๆ ออกจากบ้านไปขึ้นรถกระบะ สตาร์ตเครื่องแล้วขับเข้าไปยังป่าข้าวโพดที่อยู่ลึกเข้าไปอีก ทิ้งให้แก้วตามองตามหลังพลางทำปากยื่น ตอนนี้เองที่หญิงสาวเห็นว่านอกจากทางเข้าไร่มายังบ้านพักที่รถยนต์ขับผ่านไม่ได้แล้ว พื้นที่ที่เหลือ รถยนต์สามารถขับลุยผ่านไปได้หมดเลย
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับคำพูดของพยัคฆ์ก่อนหน้า